หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูจากแนวโน้มในตอนนี้ ดูเหมือนว่านางคิดที่จะล่อให้คนผู้นี้มาทางเขา
เขาไม่อยากจะต่อสู้กับอสูรมายาร่างมนุษย์ที่น่ากลัวระดับนี้ จึงกระตุ้นท่ามือในทันที เพื่อคิดที่จะแอบหนีเอาตัวรอด
แต่ทว่าเมื่อร่างของหลิ่วหมิงเพิ่งจะทะยานขึ้นไปเล็กน้อย หญิงสาวก็บิดตัวในฉับพลัน พอโบกมือข้างหนึ่ง มีดบินในมือก็กลายเป็นมังกรสีขาวกระโจนไปยังด้านหลัง
ชายหนุ่มชุดสีทองที่อยู่ด้านหลัง ก็ฟันมังกรจนแตกสลายอีกครั้งในกระบี่เดียว
ขณะนี้ หญิงชุดม่วงกลับทำท่ามือด้วยมือเดียวในฉับพลัน หลังจากเปลี่ยนทิศทางเล็กน้อยแล้ว ก็พุ่งมาหาหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว ซึ่งความเร็วของนางเร็วกว่าก่อนหน้านั้นหนึ่งเท่าขึ้นไป
หลิ่วหมิงแอบร้องทุกข์ด้วยใจที่เย็นสะท้าน
ตอนนี้อยู่ห่างจากเวลาที่วังมายานภาหยกจะปิดตัวลงแค่สามวันเท่านั้น เพียงแค่ปลอดภัยในสามวันนี้ ด้วยมุกนภาหยกที่ตนเองมีอยู่ คาดว่าคงจะแลกอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดหรือวัสดุล้ำค่ามาได้ไม่น้อยแล้ว
และหากเขาถูกเตะออกไปจากวังมายานภาหยก ย่อมเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอน
ยันต์จำนวนมากในมือหลิ่วหมิงระเบิดออกมาพร้อมกัน จากนั้นก็กลายเป็นอักขระสีเขียวจมหายเข้าไปในร่างเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกัน หลังจากมีเสียงมังกรร้องออกมา ไอดำก็พวยพุ่งบนตัวของเขา พอร่างของเขาพร่ามัว ก็กลายเป็นเงาร่างสีดำจางๆ พุ่งยิงออกไปด้านข้าง
แต่ขณะนั้นเอง กลับมีเสียงหัวเราะเบาๆ ของหญิงสาวดังขึ้นตรงด้านหลังของเขา
“พี่หลิ่วช่างใจแข็งเสียจริง ไม่มีความเห็นอกเห็นใจกันบ้างเลย คิดไม่ถึงว่าจะจากไปง่ายๆ เช่นนี้!”
พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง เงาร่างชายหนุ่มชุดสีทองที่อยู่ด้านหลังก็พร่ามัวในฉับพลัน จากนั้นก็อยู่ห่างจากหญิงสาวไม่กี่จั้ง และพอยกมือขึ้น แสงกระบี่สีทองก็ฟันออกไป
หญิงสาวชุดม่วงกลับสะบัดแขนเสื้อ ปล่อยอาวุธจิตวิญญาณออกมาสามชิ้น และทำท่ามือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“ตู้ม!” “ตู้ม!” “ตู้ม!” เสียงระเบิดดังติดต่อกันสามครั้ง
คลื่นพลังจิตวิญญาณตรงด้านหลังของนางดุเดือดรุนแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง แสงกระบี่สีทองถูกต้านทานไว้ภายใต้การระเบิดตัวของอาวุธจิตวิญญาณทั้งสามชิ้น ชายหนุ่มชุดสีทองเองก็ถูกบีบจนต้องหยุดชะงักเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน พอหญิงสาวชุดม่วงพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง สิ่งของแวววาวก็ปรากฏออกมา จากนั้นแสงสีขาวก็เปล่งประกาย ร่างของเขากระพริบหายไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงรู้สึกเพียงแค่ว่ามีคลื่นก่อตัวขึ้นด้านข้าง พอแสงสีขาวเปล่งประกาย เงาร่างพร่ามัวก็ปรากฏออกมา ที่แท้นางก็คือหญิงสาวชุดม่วงที่เดิมทีอยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้งนั่นเอง
ไม่รู้ว่านางใช้วิธีการอันใด ถึงมาปรากฏตัวอยู่ด้านข้างเขาในพริบตา และกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“พี่หลิ่ว คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะพบกันอีกแล้ว”
แต่ทว่าสีหน้าของหลิ่วหมิงในตอนนี้ดูไม่ได้สักเท่าไหร่
เพราะว่าชายหนุ่มชุดสีทองเพียงแค่เคลื่อนไหวไม่กี่ที ก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของทั้งสองสิบกว่าจั้งอย่างน่าประหลาดใจ หลิ่วหมิงยังไม่ทันเอ่ยปาก เขาก็ยกกระบี่ในมืออย่างช้าๆ ปราณกระบี่สีทองสลัวๆ ที่ยาวสิบกว่าจั้งม้วนตัวออกไป อานุภาพของมันน่าตกใจเป็นอย่างมาก
หลิ่วหมิงเองก็มีท่าทีตอบสนองรวดเร็วมาก ดูเหมือนว่าในขณะที่แสงกระบี่ตรงด้านหลังปรากฏออกมา ร่างของเขาก็พุ่งออกไปทันที ขณะเดียวกัน พอสะบัดแขนเสื้อ กระบี่เล็กสีแดงก็ปรากฏอยู่ในมือ เมื่อปล่อยพลังเวทเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง มันก็กลายเป็นแสงสีแดงที่มีขนาดห้าหกจั้ง และพุ่งออกไปรับมือไว้
และตัวเขาเองกลับกลายเป็นกลุ่มแสงพุ่งออกไปไกลๆ
อากาศตรงด้านหลังของเขา แสงกระบี่สีทองกับสีแดงประสานเข้าด้วยกัน และส่งเสียงปะทะกันดังออกมาอยู่ตลอดเวลา
หญิงสาวชุดม่วงที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนี้ ก็ค่อยๆ เลิกคิ้วขึ้นมา ขณะเดียวกัน ก็กลายเป็นแสงหลบหลีกสีม่วงตามติดหลิ่วหมิงไป
และขณะนั้นเอง พอแสงกระบี่สีแดงส่งเสียงร้องออกมา ก็ถูกแสงสีทองปั่นจนแตกกระจาย และกลายเป็นกระบี่เล็กพุ่งยิงไปทางหลิ่วหมิง
ภายใต้การเชื่อมจิตของหลิ่วหมิง เขารู้สึกใจเย็นสะท้านขึ้นมาทันที พอสะบัดแขนเสื้อ กระบี่เล็กสีแดงก็ถูกเก็บเข้าไปด้านใน
เพียงแค่การแลกมืออย่างง่ายๆ หลิ่วหมิงก็ค้นพบว่าเงาร่างชายหนุ่มชุดสีทองเก่งกาจกว่าที่เขาคิดไว้มาก
แม้ว่าอสูรมายาร่างมนุษย์นี้ จะมีการฝึกฝนแค่ระดับของเหลวขั้นปลาย แต่พลังที่แท้จริงกลับน่ากลัวกว่าอสูรมายาระดับผลึกขั้นปลายที่เขาเคยสังหารในก่อนหน้านั้นหนึ่งเท่ากว่า คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เขารู้สึกกดดันราวกับเผชิญหน้ากับราชาปีศาจสมุทรที่อยู่ระดับแก่นแท้
ที่เลวร้ายยิ่งกว่าก็คือ ชายหนุ่มชุดสีทองผู้นี้ยังเป็นผู้ฝึกฝนกระบี่ด้วย ไม่รู้ว่าฝึกฝนวิชากระบี่ชนิดใด แสงกระบี่ที่ดูเหมือนจะสะบัดออกมาอย่างง่ายดายในแต่ละครั้ง กลับหนาแน่นเป็นอย่างมาก อานุภาพเกรียงไกรยิ่งนัก
กระบี่ในเมื่อครู่ แม้เขาจะใช้พลังเจ็ดแปดส่วนของของวิชาขี่กระบี่อย่างรีบร้อน แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามทำลายอย่างง่ายดายเช่นนี้ มันยังคงเหนือความคาดหมายของเขามาก
ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มชุดสีทองก็ทะยานขึ้นฟ้าตามติดอย่างไม่ลดละ ขณะเดียวกันก็ฟันกระบี่ออกไปอย่างเงียบๆ แสงกระบี่สีทองม้วนตัวเข้าหาหลิ่วหมิงทั้งสองด้วยความเร็วที่เร็วกว่าก่อนหน้านั้นมาก ผ่านไปไม่กี่อึดใจก็มาปรากฏอยู่บริเวณด้านหลังของทั้งสอง
หลิ่วหมิงรู้สึกว่าร่างกายหนักขึ้นมา ความรู้สึกกดดันอันแข็งแกร่งพุ่งเข้ามาจนไม่อาจหลบหลีกได้ ภายใต้การครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เขาก็กัดฟันหมุนตัวกลับมา และสะบัดแขนทั้งสองทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา