หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เขาก็ตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณบนเอวทันที ทันใดนั้นไอดำสองสายก็ม้วนตัวออกมา และพุ่งเข้าใส่ซาทงเทียนอย่างรวดเร็ว!
หลังจากไหมทองคำที่ปกคลุมเต็มฟ้าถูกปราณกระบี่สีเขียวโจมตีจนแตกกระจายไปหมดแล้ว ซาทงเทียนก็ถอยออกไปสิบกว่าจั้งด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลาย
แต่ขณะที่เขาเงยหน้ามองหมอกดำสองสายที่กระโจนเข้ามานั้น ก็ต้องแสดงสีหน้าตกใจอีกครั้ง
สิ่งที่อยู่ท่ามกลางไอหมอกอันพวยพุ่งก็คือหัวบินกับแมงป่องกระดูก กลิ่นไอแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาไม่ด้อยไปกว่าระดับของเหลวขั้นปลายเลย !
ท่ามกลางกลุ่มไอดำที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ แมงป่องกระดูกพุ่งเข้ามาถึงก่อนหัวบิน พอมันสะบัดหัวมังกรสีม่วงแวววาวบนหางตะขอ เส้นเล็กๆ สีดำจำนวนหลายสิบกว่าเส้นก็พุ่งยิงออกไป
และหัวบินที่อยู่ทางด้านขวาก็พุ่งยิงผมยาวสีเขียวออกมาอย่างไม่ยอมน้อยหน้า
ซาทงเทียนมีสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เขาพลิกฝ่ามือหยิบยันต์สีฟ้าออกมาผืนหนึ่ง พอขยี้จนแหลกละเอียด มันก็กลายเป็นเกราะป้องกันปกคลุมเขาไว้ ขณะเดียวกันกระบี่บินในมือก็พุ่งยิงปราณกระบี่สีเขียวจางๆ ออกไปหลายสิบสาย เพื่อรับมือกับเส้นละเอียดสีเขียวดำที่พุ่งมาถึงตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
เสียงโลหะเสียดสีกันดังขึ้นมา
ภายใต้การประสานกันไปมาของปราณกระบี่ ทำให้แสงสีเขียวเป็นเส้นๆ กระพริบหายไป!
ซาทงเทียนเห็นเช่นนี้ก็เปลี่ยนท่ามือทันที ปราณกระบี่สีเขียวที่เหลือกลายเป็นเงากระบี่ขนาดต่างๆ และฟันไปทางแมงป่องกระดูกอย่างไม่คิดจะหยุดยั้ง!
แมงป่องกระดูกยกก้ามยักษ์ขึ้นมารับเงากระบี่ตรงๆ โดยไม่คิดจะหลบหลีก
“เพล้ง!”
พอก้ามยักษ์กับเงากระบี่สัมผัสกัน แมงป่องกระดูกก็กระเด็นออกไป
ซาทงเทียนเผยแววตาประหลาดใจออกมา ภายใต้การใช้วิชาขี่กระบี่ของเขา กลับทิ้งไว้เพียงรอยสีขาวจางๆ บนก้ามยักษ์ของแมงป่องกระดูกตัวนี้เท่านั้น และดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย!
ในขณะนั้นเอง หัวบินก็พุ่งเข้ามาถึง มันพร่ามัวแค่ทีเดียวก็แยกออกเป็นเก้าหัว ภายใต้การสะบัดศีรษะ ไหมสีเขียวก็ม้วนตัวออกไปเต็มฟ้า และห่อหุ้มเกราะป้องกันของซาทงเทียนไว้อย่างแน่นหนา
และพอหลิ่วหมิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ก็มาปรากฏตัวเหนือร่างของซาทงเทียนอย่างไร้สุ้มเสียง เพียงแค่ชี้มือข้างหนึ่งลงไปด้านล่าง แสงสีทองเป็นจุดๆ ก็ปรากฏออกมาบริเวณนั้น และสั่นไหวกลายเป็นตาข่ายยักษ์ก่อนที่จะม้วนตัวลงไป
ตามมาด้วยเสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำราม หลังจากไอดำบนตัวหลิ่วหมิงพุ่งขึ้นฟ้า มันก็กลายเป็นมังกรดำสองตัวกับพยัคฆ์ดำหนึ่งตัว พอเขาขยับแขนทั้งสอง เงากำปั้นสีทองจำนวนมากก็พุ่งลงไปราวกับสายฝนกระหน่ำ
……
ผ่านไปสองสามอึดใจ อากาศเหนือพื้นที่ว่างเปล่านอกวังมายานภาหยก พอมีแสงสีเขียวเปล่งประกาย ร่างของซาทงเทียนก็ปรากฏออกมา
เพียงแต่ว่าตอนนี้ดวงตาทั้งคู่ของเขาปิดสนิท ดูเหมือนจะสลบไสลไม่ได้สติ ชุดผ้าแพรบนตัวได้ขาดรุ่งริ่งไปนานแล้ว ใบหน้าแคบยาวก็ซีดขาวราวกับกระดาษ พอเขาปรากฏออกมาก็ร่วงลงไปโดยตรง
“ศิษย์หลานซา!”
เฮ่าเยวี่ยเห็นเช่นนี้ก็อึ้งไปทันที แต่ก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว พอยกแขนเสื้อขึ้น แสงสีเขียวลำหนึ่งก็กลายเป็นแส้ม้วนตัวไปพันร่างของซาทงเทียนไว้ และดึงกลับมาวางบนพื้นตรงหน้าเบาๆ
พอเขากวาดสายตาทั้งคู่สังเกตดูก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมา และหยิบลูกปัดหยกสีขาวออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มรักษาบาดแผลบนร่างของซาทงเทียน
ห่างออกไปไม่ไกล ชายแซ่ไต้แห่งสำนักเฮ่าหรานกำลังยืนเอามือไขว้หลังด้วยสีหน้าอึมครึม และด้านข้างของเขาก็มีชายหนุ่มแซ่ซังนอนอยู่ เท้าทั้งสองที่ขาดได้ถูกต่อเข้าด้วยกันแล้ว
แต่ทว่าศิษย์รุ่นหลังที่ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ทั้งสองต่างก็ให้ความสำคัญนั้น ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บออกมาติดต่อกัน สิ่งนี้ทำให้ผู้อาวุโสผมขาวกับบรรดาผู้ฝึกฝนต่างก็รู้สึกตกตะลึงขึ้นมา
……
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาที่วังมายานภาหยกจะปิดตัวลงก็เหลือแค่สามวันแล้ว
ช่วงเวลาเหล่านี้ หลิ่วหมิงสังหารอสูรมายาอีกหลายตัวในห้องโถงไปจำนวนหนึ่ง จนมาถึงวันนี้ อสูรมายาที่เหลืออยู่ก็มีแม้กระทั่งพลังระดับผลึกขั้นกลางด้วย บ้างก็มีบาดแผลอยู่บนตัว คงจะเป็นฝีมือของผู้ฝึกฝนหลายคนในก่อนหน้า
สิ่งที่ทำให้หลิ่วหมิงค่อนข้างเบิกบานใจก็คือ ทุกครั้งที่สังหารอสูรมายา นอกจากจะมีมุกนภาหยกของอสูรมายาร่วงลงมาแล้ว เขายังได้รับมุกนภาหยกที่ผู้ฝึกฝนจำนวนหนึ่งในก่อนหน้านั้นทิ้งไว้
สิ่งนี้ทำให้จำนวนมุกนภาหยกในยันต์เก็บของมีมากถึงห้าหกร้อยกว่าเม็ด ในนั้นมีมุกสีเงินเกือบสิบเม็ดแล้ว แต่ว่ามุกสีทองยังมีแค่เม็ดเดียวเท่านั้น
วันนี้ เมื่อหลิ่วหมิงสังหารอสูรคางคกระดับผลึกขั้นต้นภายในห้องโถงแห่งหนึ่งแล้ว ก็ปราดสายตามองออกไป เขาค้นพบว่าห้องโถงทางด้านตะวันออกไม่เหมือนกับที่ผ่านมาเล็กน้อย พื้นผิวประตูหินถูกลวดลายจิตวิญญาณสีเงินปกคลุมไว้อย่างแน่นหนา
เขาครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็เดินเข้าไปช้าๆ หลังจากลังเลเล็กน้อยแล้ว ก็ผลักประตูเดินเข้าไป
ครู่ต่อมา ฉากตรงหน้าทำให้เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก!
ทิวทัศน์ของห้องโถงแห่งนี้แตกต่างจากก่อนหน้านั้นโดยสิ้นเชิง
ห้องโถงในก่อนหน้านั้น นอกจากจะมีอสูรมายาและเงาร่างมายาแล้ว ที่เหลือล้วนว่างเปล่า และพื้นที่ของห้องโถงก็ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับพลังของคู่ต่อสู้ด้วย ยิ่งฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งเท่าไหร่ ห้องโถงก็ยิ่งกว้างขวางมากขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา