“ฟู่!”
ฉากที่ผู้คนคาดไม่ถึงได้เกิดขึ้นแล้ว!
แสงโลหิตที่กลายร่างจากเขาเดี่ยว มาปรากฏตัวตรงหน้าชายหนุ่มเผ่าค้างคาวในฉับพลัน พริบตาเดียวก็กระพริบไปเจาะหน้าท้องของชายหนุ่มจนเกิดรูเลือดขนาดเท่าลูกกำปั้น โลหิตสดๆ ไหลทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ชายหนุ่มเผ่าค้างคาวคิดไม่ถึงว่า ตนเองจะถูกโจมตีอย่างกะทันหันเช่นนี้ เขาร้องออกมาในทันที ร่างกายสูญเสียการทรงตัว และร่วงลงไป
และระหว่างที่ร่วงลงมานั้น แสงสีเขียวก็เปล่งประกายบนแขนของชายหนุ่ม จากนั้นร่างของเขาก็หายไปในอากาศ
มุกนภาหยกจำนวนมากร่วงลงพื้นเสียงดังแต๊กๆ
หลังจากชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บและถูกส่งออกไป ธงสีดำที่ลอยยู่กลางอากาศก็ส่งเสียงดัง “ฟู่!” และกลายเป็นควันสีดำสลายไปอย่างไร้ร่องรอย
หัวปีศาจที่กัดคออาชาประหลาดอยู่ระเบิดออกมาในฉับพลัน และกลายเป็นผีพุ่งใต้สีเขียวร่วงลงไป จากนั้นก็ลุกไหม้อย่างรุนแรง
ผีพุ่งใต้สีเขียวนี้สามารถกัดกร่อนเปลวไฟสีดำได้อย่างง่ายดาย และเป็นดาวมฤตยูของอาชาประหลาด
อาชาประหลาดส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา ดูเหมือนมันจะสะบัดตัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง เพื่อสลัดผีพุ่งใต้ให้หลุดออกจากตัว แต่ทว่าผีพุ่งใต้สีเขียวนี้ก็แปลกประหลาดมาก มันติดแน่นบนร่างของอาชาประหลาด และลุกไหม้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ซาทงเทียนเห็นเช่นนี้ ย่อมไม่อาจปล่อยโอกาสอันดีเช่นนี้ไปได้ ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายแปลกๆ และพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมา พอทำท่ามือ โลหิตบริสุทธิ์ก็กลายเป็นอักขระแปลกประหลาด และกระพริบผ่านกำแพงอัคคีสีดำ
ครู่ต่อมา อสรพิษยักษ์สีเขียวที่อยู่ท่ามกลางกำแพงอัคคีก็ส่งเสียงคำราม และกระโดดขึ้นมา ภายใต้การเปล่งประกายของแสงสีเขียว ร่างของมันก็ขยายใหญ่สามในสิบส่วน จากนั้นก็คืนร่างเป็นกระบี่ยักษ์สีเขียวที่ยาวสิบกว่าจั้ง และพุ่งยิงใส่อาชาประหลาด
อาชาประหลาดรับรู้ได้ถึงอันตราย มันจึงสะบัดหัวและอ้าปากพ่นกลุ่มแสงสีม่วงใส่สายรุ้งสีเขียวที่พุ่งเข้ามา โดยไม่คำนึงถึงผีพุ่งใต้สีเขียวที่ลุกไหม้อยู่บนตัว
กระบี่ยักษ์สีเขียวลดความเร็วลงในทันที แสงกระบี่สีเขียวบนพื้นผิวก็มืดลงไปไม่น้อย
ขณะที่ทั้งสองต่อสู้กันอย่างไม่รู้แพ้รู้ชนะนั้น เสียงก้องกังวานก็ดังออกมาจากทางด้านหลิ่วหมิง สายรุ้งสีแดงปรากฏอยู่ห่างจากด้านหลังอาชาประหลาดไปไม่ไกล จากนั้นก็กลายเป็นแส้สีแดงที่ยาวสิบกว่าจั้ง และมาปรากฏตัวด้านข้างอาชาประหลาดก่อนที่จะฟาดออกไป
ภายใต้ความตกใจ อาชาประหลาดคิดที่จะหลบหลีกก็ไม่ทันแล้ว เปลวไฟสีดำที่เหลืออยู่รอบตัวพวยพุ่งขึ้นอีกครั้ง พริบตาเดียวก็กลายเป็นกำแพงอัคคีสีดำโจมตีออกไป
“ฟิ้ว!”
กำแพงอัคคีที่ก่อตัวขึ้นมาโดยฉับพลันไม่อาจต้านทานแส้สีแดงได้เลยแม้แต่น้อย พอแสงสีแดงเปล่งประกาย กำแพงอัคคีสีดำก็พวยพุ่งอย่างรุนแรง และถูกแทงจนเป็นรู
ด้านหลังกำแพงอัคคี อาชาประหลาดมีกลิ่นไออ่อนแอลงบ้างแล้ว ร่างที่สูงจั้งกว่าๆ หยุดชะงักในทันที เปลวไฟรอบตัวก็หยุดลงทันทีพร้อมด้วยเสียงร้องครวญคราง!
ครู่ต่อมา หัวขนาดใหญ่ของอาชาประหลาดก็ค่อยๆ หลุดออกจากคอ และร่วงลงไป
ในขณะเดียวกัน เปลวไฟสีดำดุเดือดที่ปกคลุมไปทั่วห้องโถงกับกำแพงอัคคีสีดำ ก็กลายเป็นควันดำสลายไปในอากาศ
“ในที่สุดก็สังหารได้แล้ว” พอหลิ่วหมิงโบกมือข้างหนึ่ง กระบี่บินสีแดงกับทรายทองคำร่วงหมุนก็หมุนตัวกลางอากาศ และค่อยๆ พุ่งกลับเข้าไปในแขนเสื้อของเขา
ซาทงเทียนที่อยู่อีกด้านเห็นเช่นนี้ ก็ตบถุงหนังบนเอวด้วยมือข้างหนึ่ง สายรุ้งยาวสีเขียวม้วนตัวเข้าไปในนั้น เขาเองก็มีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นมาเช่นกัน
อสูรมายาระดับผลึกขั้นปลายตัวนี้ร้ายกาจจริงๆ หากไม่ใช่ว่าชายหนุ่มเผ่าค้างคาวนำธงกลืนวิญญาณออกมาควบคุมไว้ และหัวปีศาจระเบิดตัวในตอนท้ายล่ะก็ พวกเขาทั้งสองคงไม่สามารถสังหารอสูรมายาระดับผลึกขั้นปลายได้ง่ายดายเช่นนี้
แน่นอน! นี่ก็เป็นเพราะว่าอสูรมายาไม่มีสติปัญญา มิเช่นนั้นคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทั้งสาม และพวกเขาคงหลบหนีไปไกลๆ ตั้งแต่แรกแล้ว และดูเหมือนว่ามันจะแสดงความสามารถออกมาได้แค่เจ็ดแปดส่วนเท่านั้น
และพอซากอาชาประหลาดร่วงลงพื้น ก็เกิดเสียงดัง “ฟู่!” จากนั้นก็กลายเป็นควันสีดำ และมุกนภาหยกสีทองเม็ดหนึ่งก็กลิ้งลงพื้น
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ใจเต้นขึ้นมาทันที
มุกนภาหยกสีทอง เป็นมุกระดับสูงสุดในวังมายานภาหยก
มาจนถึงตอนนี้ หลิ่วหมิงสังหารอสูรมายามาไม่น้อย มุกนภาหยกระดับสูงสุดที่ได้มาก็เป็นแค่มุกนภาหยกสีเงินเท่านั้น เพิ่งเคยเห็นมุกนภาหยกสีทองเป็นครั้งแรก
พอซาทงเทียนที่อยู่อีกด้านมองเห็นมุกนภาหยก ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา
ทันใดนั้น ทั้งสองก็สบตากันอย่างรู้ความหมาย
ตามข้อตกลงในก่อนหน้านั้น หลังจากสังหารอสูรมายาแล้ว มุกนภาหยกจะเป็นของใครนั้น มันขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคลแล้ว ในเมื่อชายหนุ่มเผ่าค้างคาวได้ถูกส่งออกไปก่อน ถ้าอย่างนั้น……
ในขณะที่การต่อสู้ของทั้งสองกำลังจะเริ่มขึ้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหนึ่งของห้องโถงในทันที ชายสวมชุดสีเหลืองเดินยักย้ายส่ายเอวเข้ามา
หลิ่วหมิงกับซาทงเทียนต่างก็ถอยหลังไปคนละก้าว และจ้องมองผู้ที่มาใหม่ด้วยความระแวดระวัง
ดูเหมือนชายผู้นี้จะไม่มีสีหน้าสะทกสะท้านแต่อย่างใด เขาก็คือศิษย์แซ่ซังของสำนักเฮ่าหรานที่หลิ่วหมิงเคยเจอในก่อนหน้านั้นนั่นเอง
พอคนผู้นี้เข้ามาในห้องโถง ก็กวาดสายตาออกไปทันที และค้นพบหลิ่วหมิงทั้งสองอย่างรวดเร็ว สายตาของเขาตกอยู่บนมุกนภาหยกสีทองตรงพื้น ดวงตาเผยแววละโมบออกมา
ทันใดนั้น ชุดสีเหลืองของชายแซ่ซังก็โบกสะบัดโดยที่ไม่มีลมพัด และพลังของเขาก็ถูกปล่อยออกมา ขณะเดียวกัน ไม่รู้ว่ามีม้วนหนังสือสีทองอร่ามอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ อักขระสีทองจำนวนมากลอยขึ้นมา และรวมตัวกันเป็นแสงสีทองแวววาวที่มีพลังน่าตกใจ จากนั้นก็ม้วนตัวเข้าหาทั้งสอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา