ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หน้าผากของชายชุดขาวก็เต็มไปด้วยเหงื่อที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่ว
ขณะนั้นเอง มีเสียงดัง “เปรี๊ยะๆ!”
แสงสีเงินแฉลบผ่านตรงหน้าชายหนุ่มราวกับสายฟ้าแลบ ภายใต้การเปล่งประกายของเงากรงเล็บสีเงิน เงาค้อนแน่นขนัดที่อยู่ตรงหน้าก็ถูกตะกุยจนแตกกระจาย
ภายใต้เสียงร้องอย่างเวทนา ชายชุดขาวทนไม่ไหวจนต้องถอยออกไปหลายก้าว บริเวณหน้าอกทางด้านซ้ายมีรอยกรงเล็บอยู่สามรอย และมีโลหิตสดๆ ไหลออกมา ดูเหมือนมันจะลึกจนมองเห็นกระดูก
ชายหนุ่มชุดขาวเห็นเช่นนี้ก็ตะโกนออกมา สายฟ้าสีแดงเข้มส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ และพุ่งออกจากค้อนทั้งคู่ ขณะเดียวกัน แสงสีแดงก็พุ่งออกจากร่างของเขา และรวมตัวเป็นเกราะอัสนีกลมๆ ปกคลุมร่างของเขาไว้
หญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้าหัวเราะอย่างเยือกเย็น นางยื่นนิ้วออกไปพร้อมกับร่ายคาถา ทันใดนั้นแสงสีเงินจางๆ ก็ปกคลุมนิ้วมือทั้งสิบไว้
ครู่ต่อมา พอหญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้าชี้นิ้วออกไป กรงเล็บบินสีเงินทั้งสองก็เปล่งแสงสีเงินออกมา และรวมตัวเข้าด้วยกันทันที
เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายดังออกมา กรงเล็บบินทั้งสองรวมตัวกันเป็นเสือดาวที่มีแสงสีเงินแวววาว และกระพริบหายไปจากแท่นประลอง
ชายชุดขาวมีสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ทันใดนั้น เขาก็ปล่อยพลังเวทใส่เกราะอัสนีอย่างบ้าคลั่ง
ขณะที่ชายชุดขาวเพิ่งจะยกค้อนทั้งสองขึ้นมาบริเวณหน้าอกนั้น เงามายาสีเงินก็กระพริบมาถึงตรงหน้า
“ตูม!”
เกราะอัสนีถูกกรงเล็บของเสือดาวสีเงินแหวกจนเป็นรูขนาดใหญ่
แสงสีเงินกระพริบแค่ทีเดียวก็มาถึงตรงหน้าชายชุดขาว กรงเล็บแหลมคมจำนวนมากเปล่งประกาย จากนั้นร่างของเขาก็กระเด็นออกนอกแท่นประลอง
ขณะนี้ ผู้ที่ชมการต่อสู้อยู่เพิ่งจะมองเห็นรอยเลือดพร่ามัวบริเวณหน้าอกของชายชุดขาว และมองเห็นรอยตะกุยลึกๆ สองรอยได้อย่างลางๆ
บนแท่นประลอง หญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้าดวงตาเป็นประกาย เสือดาวสีเงินกลายเป็นกรงเล็บบินสองข้างพุ่งกลับมาในมือนางอีกครั้ง
“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าที่ยั้งมือให้” ด้านล่างแท่นประลอง ชายชุดขาวพยายามลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขาหยิบยันต์ห้ามโลหิตมาแปะไว้บริเวณหน้าอก และกุมมือกล่าวขอบคุณหญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้า
ประจักษ์ชัดว่า หากเมื่อครู่หญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้าโจมตีหนักอีกหน่อย หัวใจของเขาคงถูกควักไปแล้ว
“หญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้าผู้นี้ เป็นศิษย์เก่าของสาขาเสวียนจี มีนามว่าเจ้าอั้นอิน งานประลองใหญ่ในครั้งก่อนได้แสดงพลังแข็งแกร่งออกมา กรงเล็บบินคู่นั้นก็เป็นชุดอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดที่พบเจอได้น้อยมาก” เยี่ยนหมิงกล่าวกับหลิ่วหมิงเบาๆ
สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปทันที หลังจากพยักหน้าเล็กน้อยแล้ว ก็แอบจดจำเหตุการณ์ของหญิงนางนี้อย่างเงียบๆ
เพราะยอดฝีมือระดับนี้ ในการต่อสู้รอบก่อนชิงชนะ จนกระทั่งการช่วงชิงสิบอันดับแรก ก็มีโอกาสที่จะเจอกันค่อนข้างมาก
……
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ณ เขตประลองที่สี่
ชายหนุ่มใบหน้าอ่อนเยาว์ เส้นผมเป็นสีขาวหิมะ กำลังยืนอยู่บนแท่นประลองด้วยมือเปล่า ดูเหมือนเขาจะไม่ได้นำอาวุธจิตวิญญาณใดๆ ออกมา
และคู่ต่อสู้ของเขาก็เป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงผู้หนึ่ง
อากาศตรงหน้าชายหนุ่มผมขาวมีคมวายุ ลูกเปลวไฟ ศรวารี หินยักษ์ ลอยอยู่เป็นจำนวนมาก พอเขายกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น สิ่งของเหล่านี้ก็พุ่งยิงออกไปอย่างแน่นขนัด พอโบกมืออีกข้าง ก็มีคมวายุ ลูกเปลวไฟ และอื่นๆ ก่อตัวขึ้นมาแทน
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกแปลกใจอย่างอดไม่ได้ ชายหนุ่มผมขาวผู้นี้ได้ฝึกฝนวิชาพื้นฐานเหล่านี้ไปจนถึงระดับที่สมบูรณ์แบบทั้งหมดแล้ว!
อีกด้านหนึ่ง ตรงหน้าชายหนุ่มผอมสูงมีโล่ป้องกันรูปสามเหลี่ยมต้านทานอยู่ ภายใต้การโจมตีของคมวายุ ลูกเปลวไฟ ทำให้มีแสงทรงกลดแผ่ออกมาตลอดเวลา ขณะเดียวกัน กระบี่ยาวที่เปล่งประกายสีฟ้าแวววาวบนมือเขา ก็ถูกโบกสะบัดอยู่ไม่หยุด แสงกระบี่สีฟ้าจำนวนมากตัดสลับกันไปมา และฟันใส่ศรวารี ก้อนหินยักษ์ที่พุ่งเข้ามาจนแตกกระจาย
ชายร่างผอมสูงสามารถยืนหยัดได้จนถึงตอนนี้ ย่อมมีพลังไม่อ่อนแอ โล่สามเหลี่ยมและกระบี่ยาวสีฟ้าในมือล้วนเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงที่มีคุณภาพไม่เลว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขากลับมีพลังต้านทานเท่านั้น ดูเหมือนไม่คิดจะโจมตีกลับด้วย
ชายหนุ่มผมขาวปล่อยศรวารี คมวายุออกไปอย่างหนาแน่นอีกครั้ง หลังจากถูกฝ่ายตรงข้ามค่อยๆ จำกัดไปแล้ว มือทั้งสองก็ดึงจากบนลงล่าง และคมวายุสีเขียวขนาดเท่าประตูบานหนึ่งก็พุ่งยิงออกไปอย่างรวดเร็ว
ครู่ต่อมา มีเสียงดังขึ้น คมวายุยักษ์โจมตีลงบนโล่สามเหลี่ยม
ภายใต้สถานการณ์ที่ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงไม่ทันได้ระวัง ร่างของเขาจึงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง โลหิตสูบฉีดไปทั่วร่าง
ขณะที่เขาเพิ่งจะตั้งหลักได้นั้น คมวายุยักษ์อีกสายก็ก่อตัวบนมือของชายหนุ่มติดต่อกัน ราวกับว่ามันไม่ได้ทิ้งระยะห่างเลยแม้แต่น้อย
พอเห็นฉากเช่นนี้ แม้แต่หลิ่วหมิงก็รู้สึกตื่นตระหนกตกใจขึ้นมา แม้เขาจะสามารถปล่อยคมวายุยักษ์แบบนี้ได้ แต่ไม่อาจก่อตัวได้รวดเร็วเช่นนี้
ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ประจักษ์ชัดว่าเขารู้ดีว่าตนเองไม่มีความเชื่อมั่นที่จะรับมือกับคมวายุยักษ์ที่โจมตีถี่ๆ เช่นนี้ได้
แต่ทว่าครู่ต่อมา เขารู้สึกแน่นที่เท้าทั้งสอง และร่างของเขาก็หยุดชะงักลง
บนเท้าทั้งสอง มีเถาวัลย์ขนาดเท่าข้อมือรัดพันอย่างแน่นหนา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา