แต่ทว่าหลังจากฝ่ามือสีทองหักทิศทาง มันก็โจมตีลงบนสะโพกของชายหนุ่ม ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้เขากระเด็นออกไปเท่านั้น ยังทิ้งบาดแผลที่ยาวหลายชุ่นไว้ด้วย โลหิตทะลักออกมาทันที กระดูกสีขาวโพลนโผล่ออกมาอยู่รำไร
หลังจากชายหนุ่มกระบี่ทองแดงร่วงลงพื้นและโซเซสองสามก้าวแล้ว ถึงฝืนทรงตัวไว้ได้ และในที่สุดก็มองเห็นว่ามีนักรบยันต์เกราะทองคำอยู่ด้านหลังเขาตัวหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็คำรามด้วยความตกใจปนโมโห และคิดที่จะกระตุ้นกระบี่ทองแดงยักษ์ที่ลอยอยู่กลางอากาศให้โจมตีกลับ
“หยุดลงมือเถอะ! สถาพของเจ้าในตอนนี้ไม่สามารถต่อสู้ได้แล้ว” มีน้ำเสียงที่ดูเฉยเมยดังขึ้นกลางอากาศ จากนั้นแสงสีขาวก็ม้วนตัวลงมาห่อหุ้มร่างของชายหนุ่มกระบี่ทองแดงไว้ และส่งเขาออกไปนอกแท่นประลอง
ครู่ต่อมา ร่างของผู้ดำเนินการระดับผลึกก็ปรากฏบนแท่นประลอง หลังจากมองดูหลิ่วหมิงอย่างลึกซึ้งแล้ว ก็ประกาศออกมา
“ผู้ชนะคือ หลิ่วหมิงจากสาขาห่านฟ้า!”
หลังจากหลิ่วหมิงประสานมือคารวะแล้ว ก็เก็บหุ่นนักรบทั้งสี่กับยันต์นักรบพลังผ้าเหลืองเข้าไป และตัวเขาเองก็แอบโล่งใจไม่น้อย
การประลองในรอบนี้ เขาไม่ได้เปรียบมากนัก เมื่อเผชิญหน้ากับอานุภาพของกระบี่บินพลังจิตวิญญาณ เขาก็ได้แต่ใช้วิธีการป้องกัน หากไม่ใช้ทรายทองคำร่วงแอบส่งยันต์พลังผ้าเหลืองไปอยู่ข้างตัวชายหนุ่มกระบี่ทองแดงตั้งแต่แรก และกระตุ้นให้มันทำการโจมตีล่ะก็ เกรงว่าคงไม่อาจปิดศึกได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
……
“หุ่นนักรบชุดเกราะทั้งสี่ตัวเมื่อครู่มีโครงสร้างยอดเยี่ยมมาก แม้แต่การป้องกันสี่ทิศยังสามารถปล่อยออกมาได้ คงมาจากฝีมือของผู้เชี่ยวชาญนิกายเทียนกงสินะ พี่เจียงศิษย์ในสาขาของท่านผู้นี้ น่าสนใจขึ้นทุกทีแล้ว ไม่แน่อาจจะชิงที่หนึ่งมาได้ก็เป็นไปได้” ผู้อาวุโสคิ้วเหลืองมองดูหลิ่วหมิงที่เดินลงแท่นประลองด้วยตาที่เป็นประกาย จากนั้นก็หันไปกล่าวกับเจียงจ้ง
“พี่เฉินชมเกินไปแล้ว ศิษย์ผู้นี้จะเดินไปถึงขั้นไหนได้นั้น ก็เป็นความโชคดีของเขา” เจียงจ้งหัวเราะก่อนกล่าวออกมา
หลิ่วหมิงเป็นศิษย์หนึ่งเดียวของสาขาห่านฟ้าที่เข้าสู่รอบจัดอันดับได้ และการประลองในรอบห้าครั้งที่ผ่านมา ก็ยังไม่เคยพ่ายแพ้เลย ทำให้สาขาของเขามีหน้ามีตาไม่น้อย
“ฮึ!” หญิงชุดแดงได้ยินกลับทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ
อีกด้านหนึ่ง ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมสูงที่แต่งชุดนักพรต ก็มีสีหน้าดูไม่ได้เล็กน้อย ซึ่งชายหนุ่มกระบี่ทองแดงผู้นั้นก็เป็นศิษย์ในสาขาของเขานั่นเอง
การประลองแต่ละรอบดำเนินไปเช่นนี้ ศิษย์หลายคนที่ถูกจับตามองในก่อนหน้านั้นต่างก็มีแพ้มีชนะ
เมื่อการประลองรอบที่เจ็ดก็สิ้นสุดลง อู่หมิง โหวคุน ต่างก็ชนะสามแพ้สี่ ชายหนุ่มกระบี่ทองแดงแพ้ไปสองรอบ รอบที่หกเจ้าอั้นอินกับกับจินเทียนชื่อต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่กรงเล็บบินถูกจินเทียนชื่อกักขังไว้จนพ่ายแพ้ไปหนึ่งรอบ
ตอนนี้มีแค่หลิ่วหมิงและจินเทียนชื่อเท่านั้น ที่ยังคงรักษาชัยชนะมาโดยตลอด
แต่ทว่าการประลองในรอบที่แปด หลิ่วหมิงกับเจ้าอั้นอินก็ยืนอยู่บนแท่นประลองเดียวกัน
หลิ่วหมิงโชคดีไม่น้อย จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เจอกับจินเทียนชื่อเลย และตัวเจ้าอั้นอินเองนอกจากจะแพ้ให้กับจินเทียนชื่อแล้ว ที่เหลือล้วนได้ชัยชนะมาหมด
ตอนนี้ก็มาถึงสองรอบสุดท้ายแล้ว เมื่อผลลัพธ์ของรอบนี้ปรากฏออกมา ก็อาจจะส่งผลต่อสามอันดับแรกของงานประลองใหญ่ในครั้งนี้
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองยังไม่ทันได้ลงมือ ก็ดึงดูดสายตาของคนจำนวนมาก แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ต่างก็เพ่งเล็งมาทางด้านนี้
บนแท่นประลอง เจ้าอั้นอินเพียงแค่กุมมือคารวะหลิ่วหมิงเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือทั้งสองโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แสงสีเงินสองลำพุ่งออกจากแขนเสื้อของนาง หลังจากทอประสานรวมตัวกันกลางอากาศแล้ว ก็กลายเป็นเสือดาวสีเงินตัวหนึ่ง
พอปีศาจอสูรตัวนี้ปรากฏออกมา มันก็กลายเป็นลำแสงสีเงินแคบยาวพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงหดรูม่านตาลง พอทำท่ามือ ไอดำบนตัวก็พวยพุ่ง จากนั้นร่างของเขาก็พร่ามัวกลายเป็นเงาดำพุ่งยิงออกไปรับมือกับแสงสีเงินที่พุ่งเข้ามา
ในระหว่างเวลานั้น แสงสีเงินหนึ่งลำกับแสงสีดำหนึ่งลำต่างก็พาดผ่านซึ่งกันและกันกลางอากาศ มีเสียงดังโครมครามดังออกมาอยู่ครู่หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเสียงคำรามแหลมดังออกมา ทำให้อากาศบริเวณนั้นสั่นสะเทือนเป็นระยะๆ
ชั่วเวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ แสงประหลาดทั้งสองลำก็โจมตีกันสิบกว่าครั้ง จากนั้นถึงแยกออกออกไปคนละทิศทาง
พอเงาดำหายไป ร่างของหลิ่วหมิงก็ปรากฏออกมา บนตัวยังคงมีไอดำพวยพุ่ง สีหน้ายังคงเป็นปกติ แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่มีรอยยับเลยแม้แต่น้อย
คิดไม่ถึงว่าเขารับมือกับอสูรที่กลายร่างมาจากอาวุธจิตวิญญาณของหญิงผู้นี้ด้วยมือเปล่านานขนาดนี้ ก็ยังไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลยแม้แต่น้อย
“กายเนื้อกับความเร็วของศิษย์ผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ” บนแท่นหยก ผู้อาวุโสคิ้วเหลืองที่เป็นหัวหน้าสาขาวายุทะยานฟ้าเห็นเช่นนี้ ก็กล่าวชมเชยอย่างอดไม่ได้
หญิงดงามจากสาขาเสวียนจีที่อยู่ด้านข้างก็ค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
แม้ว่ากรงเล็บของเจ้าอั้นอินผู้นี้จะห่างจากต้นแบบอาวุธเวทหนึ่งขั้น แต่อสูรที่มันกลายร่างมานี้ ล้วนมีความรวดเร็วและเชี่ยวชาญในการโจมตีมาก แต่ทว่าหลิ่วหมิงกลับอาศัยเพียงกายเนื้ออันแข็งแกร่ง ก็ไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของความรวดเร็วและการโจมตีนี้แล้ว
ชั่วระหว่างเวลานั้น หญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้าไม่มีสีหน้าเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย นิ้วทั้งสิบทำท่ามืออย่างรวดเร็วจนดูพร่ามัว ทันใดนั้นนางก็ตะโกนคำว่า “เปลี่ยน!” ออกมา
เสือดาวที่เผยตัวด้านบนอากาศเหนือตัวของนางดวงตาเป็นประกาย ลวดลายจิตวิญญาณบนตัวเปล่งประกายระยิบระยับ พริบตาเดียวร่างของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นมา
ไม่นาน นกอินทรียักษ์สีเงินที่มีปีกยาวสามสี่จั้งก็ปรากฏเหนือศีรษะของหญิงผู้นี้
หลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว พอสะบัดแขนเสื้อ แสงสีทองก็เปล่งประกาย หุ่นเกราะทองคำทั้งสี่ปรากฏออกมาอยู่รอบตัวเขา
ขณะเดียวกัน เขาก็เอานิ้วแตะบนหน้าผาก ทันใดนั้นพลังจิตก็ม้วนตัวออกมาอย่างบ้าคลั่ง และก่อตัวเป็นระลอกคลื่นอีกครั้ง จากนั้นก็แยกตัวจากหนึ่งเป็นสี่แล้วพุ่งไปยังศีรษะของหุ่นทั้งสี่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา