ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 592

สรุปบท ตอนที่ 592 กำเนิดแปดขา: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

อ่านสรุป ตอนที่ 592 กำเนิดแปดขา จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 592 กำเนิดแปดขา คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 592 กำเนิดแปดขา
ตอนที่ 592 กำเนิดแปดขา
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลายวันต่อมา หลิ่วหมิงได้รับข่าวว่าศิษย์ที่ได้อันดับต้นๆ ในงานประลองใหญ่ ถูกยอดเขาต่างๆ รับเป็นศิษย์สายในอยู่ไม่หยุด

เจ้าอั้นอิน หญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้า ถูกผู้อาวุโสยอดเขาบงกชเลิศล้ำรับเป็นศิษย์ในคืนวันนั้น

โหวคุน ชายหนุ่มชุดขาวก็ถูกผู้อาวุโสคนหนึ่งของยอดเขารอยเมฆารับเป็นศิษย์ในเช้าตรู่วันที่สอง เพื่อฝึกฝนสายยันต์โดยตรง

และชายหนุ่มกระบี่ทองแดงถึงกับมียอดเขาสามแห่งส่งคนมาเชิญพร้อมกัน หลังจากคนผู้นี้ลังเลเล็กน้อยแล้ว ก็เข้าร่วมกับยอดเขากระบี่สวรรค์ของชายที่มีหนวดเครา

นอกจากนี้ แม้แต่ศิษย์ร้อยอันดับแรกที่แสดงฝีมือได้อย่างโดดเด่น ก็เข้าไปเป็นศิษย์สายในจำนวนหนึ่ง โจวเทียนรุ่ยจากสาขาห่านฟ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น

สำหรับข่าวทั้งหมดนี้ หลิ่วหมิงกลับมีท่าทีสงบเป็นอย่างมาก ทุกๆ วันเขาเพียงแค่ทานโอสถและนั่งฝึกฝนอยู่เงียบๆ

พริบตาเดียว ก็ห่างจากงานประลองมาสามวันแล้ว

วันนี้ ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังนั่งเข้าฌานอยู่ในถ้ำที่พักนั้น พลันมีแสงหลบหลีกนอกถ้ำ ทันใดนั้นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าปีที่มีรูปร่างกำยำก็ปรากฏออกมา

ชายผู้นี้ไว้ผมสั้น สวมชุดทะมัดทะแมง พอปรากฏตัวก็มีกลิ่นไออันแข็งแกร่งพวยพุ่งออกมา

หลิ่วหมิงที่ฝึกฝนอยู่ในห้องลับสะดุ้งโหยงในทันที พอเขาก็ลุกขึ้นมา ก็น้ำเสียงทุ้มลึกดังมาจากนอกประตูใหญ่

“หลิ่วหมิง เจ้าอยู่ในถ้ำหรือไม่ รีบให้ข้าเข้าไปโดยเร็ว”

หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ก็ไม่กล้าชักช้าแต่อย่างใด เขารีบเดินออกจากห้องลับด้วยความตกใจระคนดีใจ และมุ่งไปยังประตูใหญ่

หลังจากเขาปล่อยพลังออกไป ประตูถ้ำก็ค่อยๆ เปิดออกมา

“ศิษย์ไม่ทราบมาก่อนว่าผู้อาวุโสจะมาเยี่ยมเยียน จึงไม่ได้ออกมารับ โปรดให้อภัยด้วย” หลิ่วหมิงประสานมือคารวะทันที และกล่าวกับชายรูปร่างกำยำด้วยความเคารพ

“ศิษย์หลานหลิ่ว เจ้าก็ไม่ต้องมากพิธี ข้าจางเม่าจากยอดเขาทองคำ แม้ว่าจะไม่ได้มาดูการประลองใหญ่ของสาขาทั้งแปดด้วยตนเอง แต่ก็ได้ยินเรื่องราวของเจ้ามาไม่น้อย ที่มาในครั้งนี้ก็เพื่ออยากจะยืนยันว่าคุณสมบัติของเจ้าเหมาะสมกับวิชาฝึกร่างของยอดเขาเราหรือไม่” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยสีหน้าสงบ

จากนั้นก็คว้าข้อมือหลิ่วหมิงโดยไม่รอให้เขาพูดอะไรออกมา ทันใดนั้นกระแสความร้อนก็ทะลักออกจากมือของชายผู้นี้ และจมหายไปในร่างของหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจมาก แต่ก็รับรู้ได้ถึงไอร้อนที่แผ่ไปทั่วชีพจรและเส้นลมปราณ เขารู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังทดสอบพลังอยู่ เขาจึงตรึงพลังเวทในร่างไว้ และรอคอยอย่างเงียบๆ

ครู่ต่อมา หลังจากไอร้อนแผ่ไปทั่วร่างของหลิ่วหมิงแล้ว มันก็พุ่งออกจากข้อมืออีกครั้ง และกลับเข้าไปในมือของชายวัยกลางคน

ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะ และเผยสีหน้าผิดหวังออกมา

“อืม…… มีสามชีพจรจิตวิญญาณจริงๆ ด้วย แม้ตอนนี้เจ้าจะมีกายเนื้อแข็งแกร่ง แต่กลับไม่มีพรสวรรค์กับคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกร่างเลย ช่างน่าเสียดายจริงๆ ……ใช่สิ! ข้ามีบันทึกประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกร่างอยู่ ซึ่งเป็นความรู้ที่ข้าได้มาจากการฝึกฝนในระดับของเหลว วันนี้ได้เจอกับเจ้าก็นับว่ามีวาสนาต่อกัน ข้าขอมอบบันทึกประสบการณ์นี้ให้ หวังว่าเจ้าจะได้อะไรจากในนี้”

พอกล่าวจบ ชายวัยกลางคนก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น จากนั้นแสงแวววาวลำหนึ่งก็พุ่งออกมา และหล่นลงบนมือหลิ่วหมิง มันคือแผ่นหยกสีเหลืองจางๆ แผ่นหนึ่ง

“ขอบคุณอาจารย์อาจางที่เมตตา” แม้หลิ่วหมิงจะเตรียมใจไว้แต่แรกแล้ว แต่พอได้ยินเช่นนี้ ก็ยังรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก จึงได้แต่ตอบด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น

ชายวัยกลางคนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อกลายเป็นแสงสีทองพุ่งจากไป

ผู้อาวุโสยอดเขาสองสามแห่งที่รู้สึกใจเต้นกับหลิ่วหมิงในตอนแรก หลังจากได้ยินจากปากจางเม่าว่าหลิ่วหมิงมีสามชีพจรจิตวิญญาณจริงๆ ทั้งยังไม่มีร่างจิตวิญญาณอื่นๆ พวกเขาก็พินิจพิเคราะห์กันอยู่รอบหนึ่ง จากนั้นก็ละความคิดที่จะรับหลิ่วหมิงเข้ายอดเขาไป

สิบกว่าวันต่อมา ข่าวที่หลิ่วหมิงได้อันดับหนึ่งในงานประลองใหญ่ แต่กลับไม่ถูกรับเป็นศิษย์สายในก็แพร่กระจายไปทั่วสาขาทั้งแปดอีกครั้ง ผู้คนพากันพูดเกรียวกราวและคาดเดาไปต่างๆ นานาอยู่ไม่หยุด

หลิ่วหมิงกลับมีทีท่าสงบต่อเรื่องนี้มาก

เพราะว่าในนิกายยอดบริสุทธิ์ ยังมีศิษย์ระดับของเหลวอีกมาก ที่แม้แต่หกชีพจรจิตวิญญาณ เก้าชีพจรจิตวิญญาณ ก็ไม่อาจทะลวงคอขวดระดับผลึกได้ หรือไม่ก็เข้าสู่ระดับผลึกได้อย่างยากลำบากแล้ว ก็ยังคงติดอยู่ที่ระดับผลึกขั้นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่พบเจอได้บ่อยมาก

แม้แต่ศิษย์ชีพจรจิตวิญญาณพสุธา ชีพจรจิตวิญญาณสวรรค์เหล่านั้น ก็มีคนที่ติดอยู่ระดับผลึกเช่นกัน

วันนี้ ขณะที่หลิ่วหมิงนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่ในถ้ำนั้น กลับมีเสียงหายใจเบาๆ ดังมาจากแหวนย่อส่วนในมือ

หลิ่วหมิงเลิกคิ้ว และปล่อยพลังจิตเข้าไปสำรวจแหวนย่อส่วนทันที

มุมหนึ่งภายในแหวนย่อส่วน ภายในน้ำเต้าที่มีลวดลายสีม่วงจางๆ ปกคลุมอยู่ ปลาหมึกแปดขาที่มีขนาดชุ่นกว่าๆ กำลังอ้าปากดูดกลืนอยู่ไม่หยุด หินจิตวิญญาณที่วางอยู่อีกด้านค่อยๆ ปล่อยไอจิตวิญญาณออกมา และม้วนเข้าไปในปากของมัน

ในที่สุดไข่ปีศาจสมุทรแปดขาที่เขานำมาจากแผ่นดินอวิ๋นชวน ก็ฟักออกมาแล้ว

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกตกตะลึงมาก

ช่วงนี้เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับงานประลองใหญ่ จนเกือบลืมไข่อสูรใบนี้ไปแล้ว

เขาสะบัดข้อมือในทันที น้ำเต้ากับหมึกแปดขาตัวน้อยพุ่งออกจากแหวนย่อส่วน และหล่นลงบนมือซ้ายขวาของเขา

แสงสีทองเปล่งประกายบนป้ายหยกสีทอง จากนั้นก็แตกสลายกลายเป็นผุยผง

ในขณะเดียวกัน บนป้ายประจำตัวก็มีแต้มคุณูปการเพิ่มขึ้นมาสามหมื่นแต้ม

หลังจากหลิ่วหมิงเก็บป้ายเข้าไปแล้ว ก็หยิบขวดหยกสีดำขึ้นมาเปิดจุก ทันใดนั้นกลิ่นหอมอันเข้มข้นของไม้จันทน์ก็โชยออกมา

ภายใต้การกวาดจิตดูของเขา ทำให้ค้นพบว่ามีโอสถสีดำที่มีเส้นสีเงินเล็กๆ ปกคลุมอยู่เต็มพื้นผิว ถูกวางนิ่งๆ อยู่ตรงก้นขวด นี่ก็คือโอสถ “อูหมาง” ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทะลวงคอขวดระดับผลึกนั่นเอง

โอสถนี้ แม้แต่ในนิกายยอดบริสุทธิ์เองก็มีน้อยมาก โดยปกติถ้าจะใช้แต้มคุณูปการแลกล่ะก็ หากมีไม่ถึงสองแสนแต้มก็อย่าได้คิดถึงมันเลย ทั้งยังต้องจ่ายหินจิตวิญญาณเป็นจำนวนมากอีกด้วย

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โอสถนี้ก็มีไม่พอต่อความต้องการของผู้คน พอผู้เชี่ยวชาญในนิกายปรุงออกมาได้สองสามเม็ด วันที่สองก็ถูกแย่งไปจนหมด

เพราะโอสถที่สามารถเพิ่มโอกาสในการทะลวงคอขวดระดับผลึกได้สำเร็จนั้น มีอยู่น้อยจริงๆ

หลังจากหลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองไปหนึ่งรอบแล้ว ก็ปิดฝาจุกอีกครั้ง และมันเก็บเข้าไปในแหวนย่อส่วนพร้อมกับหินจิตวิญญาณอย่างระมัดระวัง

ต่อมา เขาก็ขี่เมฆไปยังหอเก็บคัมภีร์ในนิกายอย่างไม่ลังเล

ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป ภายในหุบแห่งหนึ่งที่อยู่ทางด้านตะวันออกของหอคุมกฎไปไม่ไกล ตรงหน้าหอขนาดใหญ่ที่มีชั้นจำกัดเร้นลับซ่อนอยู่จำนวนมาก และมีค่ายกลห้อมล้อมเป็นชั้นๆ พอมีเมฆดำก้อนหนึ่งเหาะมาถึง ร่างของหลิ่วหมิงก็ปรากฏออกมา

หลังจากหลิ่วหมิงมองดูแผ่นป้ายของหอ และมั่นใจว่ามันคือหอเก็บคัมภีร์ของนิกายที่มีชื่อว่า ‘หอหมื่นวิชา’ แล้ว เขาก็ก้าวยาวๆ เข้าไปภายใต้สายตาจ้องของนักรบชุดเกราะสองคน

พอเข้าไปในหอ เขาก็ไปหาชายหนุ่มที่สวมชุดศิษย์ดำเนินการ หลังจากสอบถามเล็กน้อยแล้ว ก็พอเข้าใจสถานที่แห่งนี้คร่าวๆ

หอหมื่นวิชามีทั้งหมดสี่ชั้น ชั้นแรกเป็นห้องโถงใหญ่ซึ่งไม่มีคัมภีร์ใดๆ เป็นแค่สถานที่ให้ศิษย์จำนวนหนึ่งทำการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันเท่านั้น

ชั้นสองเป็นพวกคัมภีร์เบ็ดเตล็ด ชั้นสามกับชั้นสี่จะมีวิชาที่แท้จริงของนิกายจัดวางอยู่ ชั้นสามเป็นเคล็ดวิชาจำนวนหนึ่งที่ใช้บ่อย ชั้นสี่เป็นวิชาที่มีเงื่อนไขโหดร้ายและไม่ค่อยเป็นที่นิยม

ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป หลิ่วหมิงก็มาปรากฏตัวบนชั้นสองของหอเก็บคัมภีร์

………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา