“ดูอย่างไรเขาก็เป็นผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลาย คิดไม่ถึงว่าจะสังหารหลวงจีนกระดูกแห้งได้ ดูเหมือนว่ายังตั้งใจใช้เคล็ดวิชาเปลี่ยนแปลงรูปโฉม ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเก่อสามารถดูที่มาของเขาจากเคล็ดวิชาที่ฝึกฝนได้หรือไม่?” ชายวัยกลางคนชุดขาวได้ยิน ก็กล่าวด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“เจ้าเด็กนี้ทำการรอบคอบมาก ดูจากข้อมูลที่หอเรารวบรวมมาในก่อนหน้า จะต้องมาจากนิกายยอดบริสุทธิ์อย่างแน่นอน เจ้าให้คนจัดระเบียบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเขา และบันทึกลงในคัมภีร์เฉียบแหลม เผื่อใช้ตรวจสอบในอนาคต” ผู้อาวุโสชุดดำค่อยๆ กล่าวออกมา
“รับทราบ!” ชายวัยกลางคนชุดขาวรีบตกปากรับคำทันที
……
ไม่ต้องพูดถึงหอเป๋ยโต่วที่มีคนให้ความสนใจหลิ่วหมิง แม้แต่ในนิกายยอดบริสุทธิ์เอง เรื่องที่ปีศาจขวานโลหิต หมัวเฟิงซ่างเหริน และหลวงจีนกระดูกแห้ง ถูกขีดชื่อออกไปติดต่อกัน และถูกลบออกไปจากบัญชีความเป็นความตายอย่างเงียบๆ ก็ถูกค้นพบโดยศิษย์สายนอกบางคนที่ไปที่นี่ และปล่อยข่าวนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว
ชั่วขณะนั้น ศิษย์ในนิกายยอดบริสุทธิ์ต่างก็ฮือฮาขึ้นมา และพากันวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความตกใจ
เพราะแม้ว่าผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในสิบอันดับแรกของบัญชีความเป็นความตาย จะมีการฝึกฝนระดับของเหลวเช่นกัน แต่ว่าเคยสังหารศิษย์ระดับผลึกของนิกายยอดบริสุทธิ์มาก่อน มิเช่นนั้นคงไม่ถูกจัดอยู่ในอันดับที่สูงเช่นนี้
และตั้งแต่หลวงจีนกระดูกแห้งถูกบันทึกในบัญชีความเป็นความตายมาเป็นเวลากว่าสิบกว่าปี ก็เคยไม่มีใครเขย่าอันดับของเขา
แม้กระทั่งผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ในนิกายบางคนที่รู้เรื่องนี้ ก็สืบหาด้วยความสงสัยว่าเป็นศิษย์สายนอกคนใดที่ทำเรื่องนี้
แต่ว่าหอความเป็นความตายกลับปิดบังข้อมูลหลิ่วหมิงไว้เป็นอย่างแน่นหนา โดยไม่หลุดปากออกไปเลยแม้แต่น้อย ประกอบที่หลายปีมานี้ หลิ่วหมิงค่อยๆ จางหายไปจากสายตาของคนส่วนใหญ่ จึงไม่มีคนสงสัยเขา แต่กลับสงสัยกันว่าเป็นการกระทำของศิษย์สายในมากกว่า
ภายในถ้ำที่พัก หลิ่วหมิงไม่ได้สนใจข่าวลือที่เกิดขึ้นภายนอกเลยแม้แต่น้อย แต่กลับนั่งขัดสมาธิคิดไตร่ตรองเรื่องราวของตนเองอย่างเงียบๆ
ห้าปีมานี้ เขาอาศัยการทานโอสถผลึกเย็น จนยกระดับการฝึกฝนขึ้นมามาก และฝึกฝนเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขั้นที่สามจนใกล้จะสมบูรณ์แบบแล้ว น่าเสียดายที่ไม่อาจเข้าถ้ำวายุสรรค์ได้ จึงไม่อาจฝึกฝนจนถึงระดับสมบูรณ์แบบได้อย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน เขาก็ใช้พลังจิตไปกับความเชี่ยวชาญอื่นๆ ไม่น้อย วิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่ง ดรรชนีกระบี่ และความเชี่ยวชาญอื่นๆ ก็ถูกยกระดับไปหนึ่งขั้น
และวิชาเงาสามส่วนก็ฝึกฝนขั้นที่สองจนสำเร็จแล้ว สามารถแบ่งเงาร่างขึ้นมาได้หนึ่งเงา ที่หลิ่วหมิงสังหารหลวงจีนกระดูกแห้งในก่อนหน้า เคล็ดวิชาเงาสามส่วนก็มีความดีความชอบไม่น้อย
ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะท้าทายเจดีย์ซวีหลิงแล้ว
แม้จะดูเหมือนว่าใครก็สามารถท้าทายเจดีย์ซวีหลิงได้ แต่ความจริงแล้วทุกครั้งที่เข้าไปในเจดีย์ ต้องชำระแต้มคุณูปการจำนวนมากจนน่าตกใจ เพราะทุกครั้งที่เปิดเจดีย์แห่งนี้ ต้องสูญเสียทรัพยากรไปไม่น้อย
อย่ามองแค่ว่าตอนนี้หลิ่วหมิงมีแต้มคุณูปการหลายแสนแต้ม บนตัวยังแบกรับภาระหนี้อันน่าทึ่ง ประกอบกับหลังจากเข้าเป็นศิษย์สายในแล้ว ค่าใช้จ่ายอื่นๆ และถ้ำวายุสวรรค์ก็จำเป็นต้องสูญเสียแต้มคุณูปการเป็นจำนวนมาก ที่เขามีอยู่ในตอนนี้เป็นเหมือนรายได้ที่ไม่พอกับรายจ่าย
ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายที่มีชื่อติดสิบอันดับแรกในบัญชีความเป็นความตาย เป็นโอกาสอันดีในการเพิ่มแต้มคุณูปการให้กับเขา มิเช่นนั้นพอเข้าสู่ระดับผลึกแล้ว ต่อให้จะสังหารผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเหล่านี้ ก็จะไม่ได้รับแต้มคุณูปการแม้แต่แต้มเดียว ทั้งยังกระตุ้นให้ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงในบรรดาผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเกิดความโมโหขึ้นมาได้
เพราะบัญชีความเป็นความตายนี้ เดิมทีก็เป็นเรื่องที่นิกายยอดบริสุทธิ์กับผู้แข็งแกร่งชั่วร้ายรู้อยู่แก่ใจโดยไม่ต้องบอกกล่าว
หากนิกายยอดบริสุทธิ์ส่งศิษย์ระดับผลึกไปล่าตัวผู้ที่มีรายชื่อในบัญชีความเป็นความตาย กลุ่มอิทธิพลของผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเหล่านี้จะต้องตอบโต้กลับมาเช่นกัน เช่นนี้แล้ว นิกายบริสุทธิ์เองก็จะรับไม่ไหวด้วย
เพราะผู้ฝึกฝนชั่วร้ายที่มีชื่อในบัญชีความเป็นความตาย ก็เป็นแค่ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวเท่านั้น สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายทั้งหมดไม่อาจอดกลั้นได้
และสามผู้ฝึกฝนชั่วร้ายสูงสุดของแผ่นดินจงเทียน ก็เป็นสิ่งที่สี่ยอดนิกายใหญ่ไม่อยากจะหาเรื่อง
ในเมื่อหลิ่วหมิงคิดจะไปบุกเจดีย์ซวีหลิง เวลาในหลายวันต่อจากนี้ เขาก็ต้องเข้าออกหอที่เก็บข้อมูลของนิกายอยู่บ่อยๆ เพื่อหามูลมาเตรียมการไว้
“คิดไม่ถึงว่าจะมีข้อจำกัดนี้ด้วย……” ห้องลับภายในถ้ำที่พัก หลิ่วหมิงค่อยๆ นำจิตออกจากแผ่นหยก และแสดงสีหน้าครุ่นคิด
บนแผ่นหยกระบุอย่างชัดแจ้งว่า ชั้นจำกัดพิเศษที่วางไว้ในเจดีย์ซวีหลิงนั้น ไม่อาจใช้อสูรเลี้ยงกับหุ่นใดๆ ได้
ไม่มีแมงป่องกระดูกกับหัวบิน แม้แต่หุ่นสี่ทิศก็ใช้ไม่ได้ล่ะก็ พลังของหลิ่วหมิงก็จะถูกลดลงไปครึ่งหนึ่ง
แต่เจดีย์ซวีหลิงต้องการทดสอบพลังแท้จริงของผู้ที่บุกเข้าไป ย่อมมีกฎเช่นนี้เป็นธรรมดา
“เดี๋ยวก่อน! แม้บนแผ่นหยกจะระบุอย่างชัดแจ้งว่าไม่สามารถใช้อสูรเลี้ยงกับหุ่นได้ แต่นักรบยันต์ถือว่าเป็นยันต์ชนิดหนึ่ง คงไม่นับรวมอยู่ในนั้น” เมื่อคิดถึงจุดนี้หลิ่วหมิงก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา
แต่ก่อนเขาใช้นักรบยันต์ต่อสู้ไม่ค่อยมาก ส่วนมากจะใช้เป็นร่างเสมือนเพื่อดึงจุดสนใจของฝ่ายตรงข้ามหรือให้ความช่วยเหลือง่ายๆ เท่านั้น ไม่ได้ใช้มันเป็นกำลังหลักในการต่อสู้ และไม่ได้สำรวจการใช้งานของมันอย่างละเอียด
หลังจากหลิ่วหมิงคิดเช่นนี้แล้ว ก็หมกหมุ่นอยู่กับการตรวจสอบคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับยันต์นักรบทันที จากนั้นถึงเข้าใจยันต์ลึกลับในมือขึ้นมาเล็กน้อย ที่แท้มันก็เป็นยันต์นักรบยันต์พลังผ้าเหลืองที่มีชื่อเสียงในสมัยบรรพกาลนั่นเอง
แม้ว่านิกายยอดบริสุทธิ์จะเก็บคัมภีร์ไว้มากมาย แต่นักรบยันต์บรรพกาลชนิดนี้กลับมีบันทึกไว้ไม่มากนัก รู้แค่ว่ายันต์ที่ตกทอดมาอย่างสมบูรณ์นั้นมีไม่มาก และยังว่ากันว่ายันต์แต่ละผืนจะมีจุดมหัศจรรย์ของมัน ซึ่งแตกต่างจากนักรบยันต์ที่แต่ละนิกายสร้างขึ้นมาในปัจจุบันนี้มาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา