สถานที่แห่งนี้จัดรูปแบบได้คล้ายคลึงกับห้องโถงในก่อนหน้านั้น มีพื้นที่ขนาดร้อยหมู่ บนพื้นห้องโถงมีอักขระสีเขียวประทับอยู่ทุกๆ สองสามจั้ง ประจักษ์ชัดว่าเป็นชั้นจำกัดพิเศษบางอย่าง
“ฟู่!” เกิดเสียงดังขึ้นทำลายความเงียบภายในห้อง
คลื่นสั่นสะเทือนกลางอากาศกระเพื่อมออกไป แสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งม้วนตัวออกมา เผยให้เห็นชายหนุ่มชุดเขียวที่มือถือกระบี่เล็กสีเทาอยู่
เขาก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง
สำหรับสภาพของชั้นที่สามสิบหกนี้ ก่อนการท้าสู้กับเจดีย์ซวีหลิง เขาเคยหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาจำนวนหนึ่งแล้ว และยังสอบถามคนอื่นๆ มาแล้วด้วย
แต่ศิษย์สายนอกในตอนนี้ ไม่มีใครรู้ว่ารูปร่างหน้าตาปีศาจอสูรระดับของเหลวขั้นปลายทั้งสี่มีเป็นอย่างไรด้วยซ้ำ แม้ว่าเยี่ยนหมิงจะเป็นผู้ที่มีความรอบรู้มาก ก็รู้แค่ว่าพลังของปีศาจอสูรแต่ละตัวในชั้นที่สามสิบหก ต่างก็พอจะเทียบกับระดับผลึกได้เท่านั้น นอกจากนี้แล้วก็ไม่รู้เรื่องอย่างอื่นอีก
ขณะนี้ มือซ้ายของหลิ่วหมิงจับมุกพลังวารีที่รวมตัวกันแล้ว และพริบตาที่กระบี่เล็กสีเทาปรากฏบนมือซ้าย มันก็ส่งเสียงดังหวึ่งๆ ไม่หยุด
ขณะที่เขาปล่อยพลังจิตอันแข็งแกร่งออกไปกวาดดูรอบด้านนั้น พลันมีแรงกดดันอันน่าตกใจตรงด้านหลัง เสาวารีสีฟ้ากับลูกเปลวไฟสีแดงพุ่งเข้ามาถึงพร้อมกัน
หลิ่วหมิงพุ่งขึ้นด้านบนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ทำให้หลบเสาวารีกับลูกเปลวไฟไปได้
ครู่ต่อมา ได้เกิดฉากอันน่าประหลาดใจขึ้น!
เสาวารีกับลูกเปลวไฟดูราวกับมีชีวิต ขณะที่หลิ่วหมิงกระโดดขึ้นมานั้น มันก็หมุนวนแล้วพุ่งขึ้นไปหาหลิ่วหมิงทันที
“ฟัน!”
หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน กระบี่จิตวิญญาณในมือสั่นไหว แสงกระบี่ที่ยาวเจ็ดแปดจั้งม้วนตัวออกมา
“โครมคราม!”
เสาวารีสีฟ้ากับลูกไฟสีแดงถูกแสงกระบี่ฟันในทันที
หลิ่วหมิงหมุนตัวกลับมาและหรี่ตามองปีศาจอสูรสีฟ้าและสีแดงที่อยู่ไม่ไกล มันคือปีศาจอสูรพยัคฆ์คู่หนึ่งที่มีขนาดยาวสามจั้ง
หนึ่งในนั้นมีแสงสีฟ้าปกคลุมรอบตัว ดูเหมือนจะมีไอหมอกวารีห่อหุ้มร่างไว้ ทั้งยังแผ่ไอเย็นสะท้านออกมา และอีกตัวก็ถูกเปลวเพลิงอันคุโชนห่อหุ้มไว้ และพ่นเปลวเพลิงออกมาตลอดเวลา
“ชั้นสามสิบหกควรจะมีปีศาจอสูรสี่ตัว ถ้าอย่างนั้นอีกสองตัวที่เหลือ……”
ขณะที่หลิ่วหมิงแบ่งจิตส่วนหนึ่งตามหาปีศาจอสูรอีกสองตัวนั้น พลันมีเสียงคำรามดังขึ้นกลางอากาศตรงหน้า พายุบ้าระห่ำไร้รูปปรากฏออกมาในพริบตา จากนั้นก็กลายเป็นคมวายุจำนวนมากพุ่งมาหาเขา
หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว พอโบกมือขวา มุกพลังวารีก็เปล่งประกาย ม่านวารีสีฟ้าปรากฏบนพื้นผิว และต้านทานคมวายุทั้งหมดไว้
ในขณะเดียวกัน พายุบ้าระห่ำก็ม้วนตัวออกไปด้านข้าง และก่อตัวเป็นสิงโตยักษ์สีขาวขนาดใหญ่
“ฟิ้ว!” สายฟ้าสีทองขนาดเท่าปากถ้วยผ่าลงมากลางอากาศ
หลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อโดยไม่ต้องคิด แสงกระบี่สีเทาพุ่งขึ้นฟ้า พริบตาเดียวก็ฟันสายฟ้าสีเงินจนดับไป
แต่ขณะนั้นเอง พลันมีคลื่นจางๆ ก่อตัวตรงใต้เท้า พยัคฆ์สีแดงและฟ้าปรากฏออกมา ขณะเดียวกันก็อ้าปากพ่นเปลวเพลิงกับแท่งวารีออกมา
หลิ่วหมิงขยับตัวด้วยสีหน้าอึมครึม จากนั้นก็หายไปจากที่เดิม แต่กลับถูกแทนที่ด้วยเงาภูเขาสีเหลืองลูกเล็กๆ ที่กดทับลงมา ขณะที่มันยังลงมาไม่ถึง ลูกเปลวไฟกับแท่งวารีก็ถูกสั่นสะเทือนจนแตกกระจุย
พยัคฆ์ทั้งสองรีบกระโดดหลบด้วยความตกใจ
ขณะนั้นเอง มีเสียงดัง “ฟิ้ว!”
หลิ่วหมิงปรากฏตัวกลางอากาศ และชกกำปั้นไปยังสายฟ้า
หลังจากพลังมหาศาลม้วนตัวผ่านไปอย่างบ้าคลั่ง ก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นมา!
กลุ่มหมอกสีทองปรากฏตัวกลางอากาศที่ดูว่างเปล่า สายฟ้าสีทองจำนวนมากพวยพุ่งออกมาผ่าสายรุ้งสีเทาอย่างบ้าคลั่ง
สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปทันที พอทำท่ามือด้วยมือเดียว ก็มีเสียงดังเปรี๊ยะๆ ภายในร่าง จากนั้นร่างของเขาก็ขยายใหญ่หนึ่งจั้งกว่าๆ ในพริบตา มีไอดำพวยพุ่งอยู่บนพื้นผิว
มีเสียงมังกรร้องดังก้องขอบฟ้า!
มังกรหมอกดำที่ยาวสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งพุ่งออกจากสายฟ้า และกระโจนเข้าหาเมฆอัสนี
เกิดเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมา!
เมฆอัสนีสีทองเปล่งประกาย สายฟ้าขนาดใหญ่เส้นหนึ่งพุ่งยิงออกไป หลังจากกระพริบไม่กี่ที ก็มาปรากฏตัวข้างสิงโตยักษ์สีขาว และก่อตัวเป็นสิงโตยักษ์สีทองตัวหนึ่ง
คิดไม่ถึงว่าปีศาจอสูรบนเจดีย์ซวีหลิงชั้นที่สามสิบหก จะเป็นสิงโตกับพยัคฆ์อย่างละคู่ที่มีคุณสมบัติสี่ประการ
“ฟู่!” มังกรหมอกดำกระโจนใส่เมฆอัสนีที่เหลือจนแตกกระจาย จากนั้นตัวมันเองก็สลายตัวไปด้วยเช่นกัน
หลังจากไอดำม้วนเข้าไปในร่างหลิ่วหมิง ร่างของเขาก็ปรากฏออกมา เพียงแต่ว่าบนตัวยังมีเศษสายฟ้าสีทองจำนวนหนึ่งดีดดิ้นอยู่ไม่หยุด ชุดคลุมสีเขียวบนตัวถูกโจมตีจนเกิดเป็นรูขนาดต่างๆ
หลิ่วหมิงก้มมองเสื้อผ้าของตนเองทีหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองปีศาจอสูรทั้งสี่ด้วยแววตาที่เคร่งขรึมกว่าเดิม
เทียบกับโครงกระดูกยักษ์ทั้งสี่แล้ว อสูรวายุ สายฟ้า วารี และอัคคีทั้งสี่ตัวน่ากลัวกว่าสองสามเท่าขึ้นไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา