ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 615

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 615 ทางปีศาจร้าย
ตอนที่ 615 ทางปีศาจร้าย
โดย
Ink Stone_Fantasy
หญิงสาวดวงตาสีเขียวรีบกระตุ้นร่มยักษ์สีแดงด้วยความตกใจ พริบตาเดียวก็กลายเป็นกลุ่มเมฆอัคคีม้วนตัวออกไปรับมือแสงสีทอง

แต่ฉากอันน่าประหลาดใจได้บังเกิดขึ้นแล้ว!

หญิงสาวรู้สึกตกใจจนไม่ทันได้ตั้งตัว ทันใดนั้น อากกาศตรงหน้าก็บิดเบี้ยวขึ้นมาฉับพลัน แสงสีทองจำนวนมากปรากฏออกมาอีกครั้ง และโจมตีลงบนม่านแสงเจ็ดสีราวกับพายุกระหน่ำ

หญิงดวงตาสีเขียวรีบทำท่ามือด้วยมือเดียวด้วยความตกใจ และกระตุ้นพลังเวทใส่ม่านแสงตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง

เสียงฝนตกกระทบรั้วดังอยู่ครู่หนึ่ง แสงสีทองเปล่งประกายบนม่านแสงเจ็ดสีอยู่ไม่หยุด ขณะเดียวกัน พลังมหาศาลก็ทะลักออกมา ทำให้หญิงสาวไม่อาจทรงตัวได้ และต้องถอยออกไปสองก้าว

หญิงสาวทั้งตกใจทั้งโมโห ขณะที่กำลังจะแสดงวิชาบางอย่างเพื่อโจมตีกลับไปนั้น สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็พุ่งเอียงออกไปด้านข้าง

เกือบจะในเวลาเดียวกัน มีคลื่นสั่นสะเทือนเหนือศีรษะของนาง เงายอดเขาสีเหลืองที่สูงเจ็ดแปดจั้งปรากฏออกมา และกดลงด้านล่าง

“ตู๊ม!” หญิงสาวอาศัยดวงตาแห่งความว่างเปล่า ทำให้หลบการโจมตีจากด้านบนได้อย่างฉิวเฉียด และเงายอดเขาก็ร่วงลงด้านล่างอย่างรุนแรง

ขณะนั้นเอง มีเสียงดัง “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” ไอดำม้วนตัวรอบตัวหญิงสาว จากนั้นเงาร่างของหลิ่วหมิงสี่เงาก็ปรากฏออกมาราวกับปีศาจ และต่างก็ทุบกำปั้นออกไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

หญิงสาวดวงตาสีเขียวมีสีหน้าอึมครึมขึ้นมา แสงสีเขียวเปล่งประกายในดวงตาทั้งคู่ นางไม่สนใจหลิ่วหมิงอีกสามคน แต่กลับหมุนตัวสะบัดแขนเสื้อใส่หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นไหมเงินกลุ่มหนึ่งก็พุ่งยิงออกไป

หลิ่วหมิงอีกสามคนสลายตัวอย่างไร้สุ้มเสียง และหลิ่วหมิงเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่เห็นเช่นนี้กลับยิ้มเล็กน้อย ร่างของเขาพร่ามัวในทันที

“ฟู่!”

หญิงสาวรู้สึกตกใจจนไม่ทันได้ตั้งตัว ทันใดนั้นอากาศตรงหน้าก็พร่ามัวขึ้นมา

“ฟิ้ว!” ไหมเงินเจาะทะลุร่างของหลิ่วหมิง แต่ร่างของเขากลับสลายกลายเป็นจุดแสงในทันที

ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง กำปั้นที่มีเกล็ดปกคลุม ก็โจมตีลงบนม่านแสงเจ็ดสีพร้อมกับไอดำที่พวยพุ่งอย่างรุนแรง

หญิงสาวรู้สึกว่ามีเสียงดังหวึ่งที่หูทั้งสองข้าง ม่านแสงเจ็ดสีถูกโจมตีจนแตกกระจาย ขณะเดียวกันพลังมหาศาลก็ถาโถมเข้ามา หลังจากนางทำเสียงฮึดฮัดแล้ว ก็พุ่งถอยออกไปทันที

……

“การประลองรอบที่สาม นิกายยอดบริสุทธิ์ชนะ” หลังจากแสงสีดำภายในค่ายกลสีทองดับลง และหลวงจีนอวิ๋นกังกวาดสายตามองดูแล้ว ก็ประกาศผลออกมาอย่างราบเรียบ

หลิ่วหมิงยังคงยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางค่ายกลด้วยสีหน้าสงบ และหญิงสาวดวงตาสีเขียวก็ล้มอยู่บริเวณขอบค่ายกลด้วยสีหน้าซีดขาว มือข้างหนึ่งค้ำยันร่างไว้ อีกข้างก็กุมหน้าท้องอยู่ นางดูมีสีหน้าเจ็บปวดเป็นอย่างมาก มีคราบเลือดจางๆ ปรากฏอยู่บนเสื้อ

ผลแพ้ชนะชัดเจนเป็นอย่างมาก

หลังจากหลิ่งหมิงกล่าวอย่างถ่อมตนแล้ว ก็ประสานมือคารวะก่อนเดินออกจากค่ายกล

เขารู้สึกพอใจกับพลังคุกมืดที่แสดงออกมาในเมื่อครู่มาก แม้ว่าด้วยระดับการฝึกฝนของเขาในตอนนี้จะยังไม่อาจสร้างปีศาจระดับพลทหาร และระดับขุนพลขึ้นมาได้ แต่การใช้พลังนี้ปลดปล่อยวิชาบดบังสายตาร่วมกับการโจมตีของตัวเอง ยังคงให้เป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก

หญิงสาวดวงตาสีเขียวทำเสียงฮึดฮัดออกมา หลังจากรับประทานโอสถเม็ดหนึ่งอย่างรวดเร็วแล้ว ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมา และเดินไปอยู่ด้านหลังกู่เจวี๋ยด้วยสีหน้าอับอาย

กู่เจวี๋ยย่อมมีสีหน้าอึมครึมเป็นอย่างมาก ศิษย์ชายผู้นั้นยิ่งเงียบกว่าเดิม

ในทางตรงกันข้าม ใบหน้าแห้งเหี่ยวของอินจิ่วหลิงกลับเผยสีหน้าพอใจออกมา ดวงตางดงามทั้งคู่ของเสี่ยวอู่ก็เปล่งประกายไม่หยุด และเผยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม

“การประลองสามรอบ นิกายยอดบริสุทธิ์ชนะสองรอบ ตามที่ตกลงกันไว้ กวางจิตวิญญาณเก้าสีตัวนี้ก็เป็นของเหลวสหายอินแล้ว คิดว่าสหายกู่เจวี๋ยคงไม่มีข้อคัดค้านใดๆ ใช่หรือไม่?” หลวงจีนอวิ๋นกังค่อยๆ กวาดสายตาดูอินจิ่วหลิงกับกู่เจวี๋ย และประกาศผลออกมาในที่สุด

พอกล่าวจบจะเห็นว่าเขายกมือข้างหนึ่งขึ้น แสงสีทองในค่ายกลสีทองก็ดับลง ลูกประคำที่อยู่ด้านล่างพุ่งขึ้นมา และค่อยๆ หมุนวนจนกลายเป็นสร้อยลูกประคำขนาดปกติก่อนพุ่งกลับมาในมือเขา

“ในเมื่อข้ารู้ตัวว่าด้อยกว่า ย่อมไม่มีข้อคัดค้านแต่อย่างใด ครั้งนี้ลำบากหลวงจีนอวิ๋นกังที่มาเป็นผู้ดำเนินการประลองแล้ว ข้ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ ต้องขอตัวก่อน หากวันหน้ามีเวลาจะต้องไปเยี่ยมเยียนที่เขาถานกวงอย่างแน่นอน” กู่เจวี๋ยกันมากุมมือคารวะหลวงจีนอวิ๋นกัง แต่กลับไม่มองอินจิ่วหลิงเลยแม้แต่น้อย

“สหายกู่เกรงใจเกินไปแล้ว” หลวงจีนอวิ๋นกังประนมมือพยักหน้าให้เขา และกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ

กู่เจวี๋ยจ้องมองกวางน้อยเก้าสีที่นอนหมดสติอยู่ในกรงด้วยความไม่พอใจ พอสะบัดแขนเสื้อ แสงสีเขียวก็ม้วนตัวลงมา และกลายเป็นนกกระยางขาวตัวหนึ่งที่มีขนาดสิบกว่าจั้ง

วิหคจิตวิญญาณพยุงตัวกู่เจวี๋ยและศิษย์สองคนที่อยู่ด้านหลังขึ้นมา จากนั้นก็กลายเป็นสายรุ้งสีขาวพุ่งออกไป

“ดี ดี พวกเจ้าทั้งสองทำได้ดีมาก” หลังจากเห็นกู่เจวี๋ยจากไปแล้ว อินจิ่วหลิงก็ไม่ปิดบังความดีใจของตนเองอีก ขณะเดียวกันก็จ้องมองลูกกวางเก้าสีด้วยแววตาเร่าร้อน

ภายในกรงห้าสี กวางจิตวิญญาณเก้าสีที่ถูกยันต์สีเหลืองควบคุมไว้ยังคงมีท่าทีเหนื่อยหน่าย แต่แสงแวววาวบนตัวยังคงดูละลานตาเป็นอย่างมาก สมกับเป็นหนึ่งในอสูรจิตวิญญาณฟ้าดิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา