ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 614

สรุปบท ตอนที่ 614 ดวงตาแห่งความว่างเปล่า: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอน ตอนที่ 614 ดวงตาแห่งความว่างเปล่า จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 614 ดวงตาแห่งความว่างเปล่า คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 614 ดวงตาแห่งความว่างเปล่า
ตอนที่ 614 ดวงตาแห่งความว่างเปล่า
โดย
Ink Stone_Fantasy
แม้ว่าม่านแสงสีแดงจะไม่เป็นอะไรอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่ชายรูปร่างสูงใหญ่ยังคงเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา จากนั้นก็ยกแขนปล่อยพลังใส่วงแหวนเหนือศีรษะ

ภายใต้การเปล่งประกายของวงแหวนสีแดง วงแหวนไฟก็ก่อตัวขึ้นและขยายออกไปรอบด้าน พออสรพิษสีดำสิบกว่าตัวสัมผัสกับมัน ก็ลุกไหม้สลายไปทันที

และภายใต้อานุภาพของวงแหวนไฟ ไอดำที่พวยพุ่งอยู่รอบด้านก็ถูกโจมตีจนสลายไปไม่น้อย พอชายรูปร่างสูงใหญ่เขม้นตามอง ก็มองเห็นรอยยิ้มเยือกเย็นของเสี่ยวอู่ที่อยู่ภายใต้การล้อมรอบของไอดำ และธงกระดูกสีดำสิบสองอันที่เรียงแถวอยู่ตรงหน้ากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้จิตใจของเขาร่วงหล่นไปทันที

ในขณะที่ชายหนุ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยนั้น ไอดำรอบตัวก็พวยพุ่งอีกครั้ง วัตถุสีดำที่มีลักษณะยาวๆ สิบสองอันปรากฏออกมา ที่แท้มันก็เป็นธงกระดูกเหล่านั้น

เกิดเสียงดังติดต่อกัน “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!”

ธงกระดูกแต่ละอันพ่นไอดำออกมาสามกลุ่ม พอไอดำแต่ละกลุ่มปรากฏตัว มันก็มีหัวและแขนขางอกออกมา จากนั้นก็กลายเป็นปีศาจสีดำที่มีลักษณะคล้ายวานร

พริบตาเดียว ชายรูปร่างสูงใหญ่ก็ถูกปีศาจสีดำสามสิบหกตัวห้อมล้อมไว้

ขณะที่มีชายรูปร่างสูงใหญ่มีสีหน้าเปลี่ยนไป และคิดที่จะกระตุ้นวงแหวนเหนือศีรษะนั้น ปีศาจสีดำเหล่านี้ก็แผดเสียงแหลมออกมาอย่างถึงขีดสุด

คลื่นเสียงไร้รูปสามสิบหกสายโจมตีม่านแสงสีแดงจนทะลุ ม่านแสงสามารถป้องกันการโจมตีของพลังเวทได้ แต่ไม่อาจกีดกั้นคลื่นเสียงได้

ชายรูปร่างสูงใหญ่รู้สึกว่าร่างกายแข็งขึ้นมา ใบหน้าของเขาดูเจ็บปวดเป็นอย่างมาก คลื่นเสียงจมเข้าไปในสมอง ทำให้รู้สึกราวกับว่าสมองถูกโจมตีสามสิบหกครั้ง

พอได้ยินเสียงดัง “โครม!” ดวงตาของชายรูปร่างสูงใหญ่ก็กลายเป็นสีขาว จากนั้นก็หมดสติก่อนล้มลงพื้น

ครู่ต่อมา ไอดำไร้ขอบเขตที่ปกคลุมเต็มค่ายกลสีทองก็หมุนวนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ สลายไปจนเผยให้เห็นสภาพด้านใน

จะเห็นว่าเสี่ยวอู่ยืนยิ้มอยู่ในนั้น ด้านข้างมีธงกระดูกสีดำลอยอยู่สิบสองอัน ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นอนสลบอยู่บนพื้น วงแหวนสีแดงที่มีสามสิบหกชั้นจำกัดหล่นอยู่ด้านข้างของเขา

ตั้งแต่ไอดำปกคลุมค่ายกลอย่างแน่นหนาจนถึงตอนที่สลายไปจนหมดสิ้นนั้น ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ก็ตัดสินผลแพ้ชนะได้แล้ว

ขณะนี้หลิ่วหมิงมองดูหญิงงดงามที่อยู่ด้านในค่ายกลด้วยความตกใจ

ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้มีพลังเหนือกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้มาก

“การประลองรอบที่สอง นิกายยอดบริสุทธิ์ชนะ” หลวงจีนอวิ๋นกังไม่รู้สึกยินดียินร้ายกับผลการประลองนี้ ยังคงประกาศออกมาอย่างราบเรียบ

อินจิ่วหลิงเห็นศิษย์ของตนเองชนะ ก็เผยรอยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก

“ศิษย์หลานเสี่ยวมีระดับการฝึกฝนที่มหัศจรรย์มาก ศิษย์สายตรงของสหายอินไม่ธรรมดาจริงๆ” กู่เจวี๋ยดูมีสีหน้าอึมครึมเล็กน้อย ขณะที่กล่าวออกมาเช่นนี้ เขาก็โบกแขนเสื้อปล่อยแสงสีแดงไปม้วนตัวชายรูปร่างสูงใหญ่ออกจากค่ายกล

“พี่กู่ชมเกินไปแล้ว” อินจิ่วหลิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบ

“ในเมื่อตอนนี้ชนะกันหนึ่งต่อหนึ่งแล้ว ก็ทำการประลองรอบสุดท้ายกันเถอะ!” กู่เจวี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“ดี! ถ้าอย่างนั้นก็ต่อสู้เพื่อตัดสินชัยชนะกัน!” อินจิ่วหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ขณะเดียวกัน พลันมีเสียงอินจิ่วหลิงดังขึ้นข้างหูหลิ่วหมิง

“กวางจิตวิญญาณเก้าสีนี้มีประโยชน์กับข้ามาก เจ้าจะต้องประลองอย่างสุดความสามารถ เพียงแค่สามารถเอาชนะได้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังอย่างแน่นอน”

“ศิษย์เข้าใจแล้ว จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน” หลิ่วหมิงได้ยินก็ส่งเสียงตอบกลับไป จากนั้นก็ก้าวไปในในค่ายกลสีทอง

ดูเหมือนหญิงสาวดวงตาสีเขียวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ถูกกู่เจวี๋ยกำชับเช่นกัน หลังจากแสงสีเขียวหมุนวนอยู่ในดวงตา นางก็กระโดดเข้าไปในค่ายกลทันที

“เริ่มการประลองได้”

พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง หลิ่วหมิงก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว จากนั้นไอดำก็พุ่งออกจากร่าง พอขยับเท้า ร่างของเขาก็หายไปจากที่เดิม “ฟู่!”

“เร็วมาก!” กู่เจวี๋ยที่อยู่นอกค่ายกลเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

หลวงจีนอวิ๋นกังก็เผยแววตาประหลาดใจออกมา

หญิงดวงตาสีเขียวที่อยู่ฝั่งข้ามรู้สึกอึ้งไปทันที แสงสีเขียวเปล่งประกายในดวงตา พอพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง มีดเล็กสีทองก็ปรากฏออกมา พอบิดเอวราวกับอสรพิษ มีดเล็กในมือก็กลายเป็นเส้นสีทอง และฟันไปยังอากาศบางแห่ง

“เพล้ง!”

พริบตาที่มีดเล็กปะทะกับกำปั้นที่มีไอดำพวยพุ่ง ก็มีเงาร่างกระเด็นออกไป ซึ่งก็คือหลิ่วหมิงที่หายไปในตอนแรกนั่นเอง และเขาเองก็อุทาน “เอ๊ะ!” ออกมาอย่างอดไม่ได้

วิชาท่าร่างของเขาผ่านการฝึกฝนกับหลานสี่และราชาปีศาจสมุทรมาอย่างต่อเนื่อง จนเคลื่อนไหวไปมาราวกับปีศาจ และร่างของเขาก็ผ่านการชุบหลอมมาจากถ้ำวายุสวรรค์ ทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมามาก

หญิงดวงตาสีเขียวมีระดับการฝึกฝนแค่ระดับของเหลวขั้นปลาย ไม่เพียงแต่จะมองเห็นร่องรอยของเขาภายในพริบตาเท่านั้น แต่ยังรับการโจมตีได้อย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่ามีดเล็กสีทองในมือของนางจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

“ในเมื่อเจ้ามีดวงตาแห่งความว่างเปล่า ข้าก็จะได้ลองใช้พลังใหม่พอดี”

พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง เขาก็เอาแขนทั้งสองตั้งไขว้กัน และทำท่ามือประหลาดออกมา ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาก่อนกางแขนออกมา ทันใดนั้นไอดำบนตัวก็พุ่งขึ้นฟ้า และก่อตัวเป็นมังกรหมอกกับพยัคฆ์หมอกอย่างละสามตัว พวกมันคำรามอยู่ท่ามกลางไอดำราวกับมีชีวิต

พอหลิ่วหมิงตะโกนคำว่า “ระเบิด!” มังกรหมอกกับพยัคฆ์หมอกก็ระเบิดตัวพร้อมกัน และกลายเป็นแสงสีดำกดดันไปยังฝ่ายตรงข้าม

หญิงสาวชุดเขียวรู้สึกว่าด้านหน้ามืดลง และร่างของนางก็หล่นลงไปในมิติมืด ในหูไม่ได้ยินสุ้มเสียงใดๆ รอบด้านล้วนมืดมิด ราวกับว่าตนเองอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่ง

นางรีบกระตุ้นลูกประคำตรงหน้าด้วยความตกใจ ทำให้แสงเจ็ดสีที่ปกคลุมอยู่ขยายใหญ่กว่าเดิมครึ่งหนึ่ง และปกป้องตนเองไว้อย่างแน่นหนา

ในสายตาของคนที่อยู่ด้านนอกค่ายกล จะเห็นว่าภายในค่ายกลถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีดำทั้งหมด คนที่อยู่ด้านนอกไม่อาจมองเห็นเหตุการณ์ด้านในได้เลยแม้แต่น้อย มีเพียงแค่เสียง “อู้ๆ!” ดังออกมาเท่านั้น

กู่เจวี๋ยเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

“คุกมืด! คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะสามารถบรรลุพลังนี้ได้ตั้งแต่ระดับของเหลว” อินจิ่วหลิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกงงงันเล็กน้อย แต่ดวงตากลับเผยแววยินดีออกมา

หญิงดวงตาสีม่วงก็เป็นศิษย์อัจฉริยะในบรรดาศิษย์สายในของสำนักเฮ่าหราน ย่อมมีประสบการณ์ไม่ธรรมดา ไม่นานก็สงบจิตลงได้ ทันใดนั้นแสงสีเขียวก็เปล่งประกายในดวงตาทั้งคู่ทันที และนางก็คิดจะกระตุ้นดวงตาแห่งความว่างเปล่าเพื่อมองทะลุวิชามายาตรงหน้า

แต่ขณะนั้นเอง แสงสีทองเป็นจุดๆ ก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ หลังจากรวมตัวกันแล้ว ก็กลายเป็นมือยักษ์สีทองอร่ามข้างหนึ่งที่มีขนาดจั้งกว่าๆ จากนั้นก็กำนิ้วทั้งห้าโจมตีลงไปด้านล่างอย่างไม่ปราณี

หญิงสาวดวงตาสีเขียวทำเสียงฮึดฮัดในทันที พอนางยกแขนข้างหนึ่งขึ้น กลุ่มแสงสีแดงก็พุ่งยิงออกไป หลังจากหมุนติ้วๆ แล้ว ก็กลายเป็นร่มสีแดงคันหนึ่ง มีอักขระสีแดงกระพริบอยู่บนพื้นผิว จากนั้นก็ขยายใหญ่ตามลมจนมีขนาดเท่าบ้านหลังหนึ่ง

เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วฟ้าและปฐพี!

หลังจากฝ่ามือยักษ์สีทองโจมตีลงบนร่มยักษ์อย่างรุนแรง ร่มยักษ์ก็เปล่งประกายอยู่ไม่หยุด คลื่นสั่นสะเทือนไร้รูปม้วนตัวออกไปทั่วทิศ

ร่างอรชรของหญิงสาวดวงตาสีเขียวสั่นไหวติดต่อกัน ใบหน้าซีดขาวขึ้นมาทันที สีหน้าดูไม่ได้อย่างถึงขีดสุด พลังที่แฝงอยู่ในมือยักษ์เหนือกว่าที่นางคาดคิดมาก

และขณะนั้นเองมือยักษ์สีทองก็ระเบิดตัวออกมา “ตู๊ม!” และกลายเป็นแสงสีทองปกคลุมเต็มฟ้าก่อนพุ่งลงมา

………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา