สรุปเนื้อหา ตอนที่ 613 ศึกของเสี่ยวอู่ – ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
บท ตอนที่ 613 ศึกของเสี่ยวอู่ ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“เปรี๊ยะๆ!” มีเสียงโจมตีดังขึ้นกลางอากาศ
กรงเล็บกระดูกถูกแสงสีเขียวสั่นสะเทือนจนกระเด็นออกไปเล็กน้อย แต่เป็นเพราะสุนัขสีเขียวช้าไปก้าวหนึ่ง แสงสีเขียวจึงก่อตัวอย่างกระชั้นชิดเกินไป ทำให้พลังโจมตีไม่เพียงพอ
กรงเล็บกระดูกทั้งคู่ของมังกรกระดูกดำถูกเบี่ยงเบนตำแหน่งเล็กน้อย จึงทิ้งรอยแผลยาวๆ ไว้บนหลังสุนัขสีเขียวสองเส้น
ดูเหมือนว่าสุนัขสีเขียวจะถูกกระตุ้นให้โมโห มันสะบัดหัวขนาดใหญ่ และอ้าปากพ่นเปลวไฟสีเขียวออกมา
ร่างที่ยาวสิบกว่าจั้งของมังกรกระดูกบิดตัวกลางอากาศ หางที่มีไอดำปกคลุมสะบัดใส่เปลวไฟอย่างรวดเร็ว
“ตู๊มตาม!” เกิดเสียงดังขึ้น ค่ายกลสีทองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่ภายใต้การเปล่งประกายของลูกประคำที่อยู่ด้านล่าง ครู่เดียวมันก็กลับมาเป็นปกติ
ครู่ต่อมา จะเห็นว่าแสงสีดำปะทะกับแสงสีเขียวราวกับฟ้าผ่า เวลาที่มันปะทะกันจะทำให้แผ่นดินสะเทือนทุกครั้ง และปลดปล่อยแรงกดดันจิตวิญญาณออกไป แม้ว่าจะมีค่ายกลต้านทานอยู่ แต่ยังคงทำให้หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ต้องร่นถอยออกไปโดยไม่ตั้งใจ
ด้วยสายตาระดับหลิ่วหมิง ก็เกือบจะมองไม่เห็นอสูรจิตวิญญาณสองตัวนี้
เมื่อเทียบกับอสูรแปลกประหลาดสองตัวนี้แล้ว แมงป่องกระดูกกับหัวบินในมือเขายังห่างชั้นเป็นอย่างมาก
ขณะนั้นเอง หลวงจีนอวิ๋นกังที่อยู่ไม่ไกล ก็มองมาทางหลิ่วหมิงโดยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
แม้หลิ่วหมิงจะไม่ได้หันหน้ากลับมา แต่ด้วยพลังจิตอันแข็งแกร่ง ก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน
เขาดูเหมือนจะมีสีหน้าปกติ แต่ในใจกลับรู้สึกเย็นสะท้าน ไม่รู้ว่าว่าหลวงจีนแห่งเขาถานกวงสนใจอะไรในตัวเขากันแน่
ขณะนั้นเอง เสียงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดก็ดังมาจากด้านในค่ายกล จะเห็นว่าเงาร่างสีดำกับสีเขียวแยกจากกัน จากนั้นก็กลายเป็นมังกรกระดูกดำกับสุนัขสีเขียว และยืนอยู่คนละฝั่ง
สุนัขสีเขียวในขณะนี้ ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างมาก บาดแผลสิบกว่ารอยปกคลุมเต็มตัว แม้ว่าบนตัวมังกรกระดูกดำจะได้รับความเสียหายสองสามแห่ง แต่โดยรวมแล้วดูดีกว่าสุนัขสีเขียวมาก
หลังจากมังกรกระดูกแหงนหน้าส่งเสียงคำรามออกมา ไอดำบนตัวก็พวยพุ่ง และหลุดออกจากตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ก่อตัวเป็นลูกแสงสีดำมืด
ไอดำบนตัวมังกรกระดูกยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นมังกรกระดูกขาวหิมะ และกลืนลูกแสงสีดำลงไปทันที
ครู่ต่อมา กลิ่นไออันน่าตกใจแผ่ออกจากร่างมังกรกระดูก พลังของมันพุ่งขึ้นมาเป็นระยะๆ ในที่สุดก็ทะลุระดับผลึกขั้นปลาย และเข้าสู่ระดับแก่นเสมือน
“เอ๊ะ?” หลวงจีนอวิ๋นกังเผยแววตาประหลาดใจออกมา การเปลี่ยนแปลงของมังกรกระดูกเหนือความคาดหมายของเขาไปมาก
อินจิ่วหลิงเผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา
เหตุผลที่เขาตอบรับการประลองอสูรอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ ก็เพราะว่าช่วงนี้มังกรกระดูกฝึกฝนวิชาใหม่ซึ่งเหมาะสมกับไอปีศาจลึกลับบนตัว สามารถทำให้พลังของตนเองเข้าสู่ระดับแก่นเสมือนได้ชั่วคราว
แม้ว่าพลังเช่นนี้จะถูกยกระดับได้ชั่วคราว แต่ก็ทิ้งผลกระทบไว้ไม่น้อย แต่การเอาชนะสุนัขสีเขียวระดับผลึกขั้นปลายตนนี้คงไม่มีปัญหาอะไร
กู่เจวี๋ยเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็มีสีหน้าอึมครึมเล็กน้อย
แต่พอมังกรกระดูกอ้าและหุบปากขนาดใหญ่ของมัน ไอดำเข้มข้นก็ถูกพ่นออกมา และพุ่งยิงไปยังสุนัขสีเขียว
ประจักษ์ชัดว่าสุนัขสีเขียวก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดของมังกรกระดูก พอเห็นไอดำพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างขนาดมหึมาของมันก็พร่ามัว และคิดจะกระโดดออกไปด้านข้าง
แต่ทว่าฉากอันน่าประหลาดใจได้บังเกิดขึ้นแล้ว!
ไอดำเข้มข้นราวกับมีชีวิต ขณะที่ร่างของสุนัขสีเขียวเกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น มันก็เปลี่ยนทิศทางพุ่งยิงไปด้วย
“ตู๊ม!”
ภายใต้สถานการณ์ที่สุนัขสีเขียวไม่ทันได้ระวัง ถึงถูกไอดำโจมตีหน้าอกโดยตรงจนหกคะเมนตีลังกาออกไป หน้าอกของมันราวกับโดยกัดกร่อนจนเป็นบาดแผลจางๆ
ครู่ต่อมา เงาสีขาวเปล่งประกายกลางอากาศ มังกรกระดูกกระโจนเข้ามา “ฟู่!” ลำตัวสิบกว่าจั้งรัดพันสุนัขสีเขียวไว้ ขณะเดียวกันพอมันอ้าปาก คมเขี้ยวอันแหลมคมก็กัดไปยังคอหอยของสุนัขสีเขียว
ขณะนั้นเอง แสงสีเขียวก็เปล่งประกายเจิดจ้าบนตัวสุนัขสีเขียว วงกลมแสงสีเขียวดันร่างของมังกรออกไป
ภายใต้การเปล่งประกายของแสงสีเขียว ทำให้สุนัขสีเขียวหลุดพ้นจากพันธการของมังกรกระดูก และกระโดดขึ้นบนอากาศ ขณะเดียวกันแสงสีเขียวก็เปล่งประกายบนพื้นผิว
อินจิ่วหลิงเห็นเช่นนี้ก็หรี่ตาทั้งคู่ลงทันที
ใบหน้าอึมครึมของกู่เจวี๋ยผ่อนคลายลง
เกิดเสียงดัง “ฟู่ๆ!” บนผิวสุนัขสีเขียวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีเกล็ดสีเขียวค่อยๆ ปรากฏบนผิวที่เต็มไปด้วยบาดแผล
หลังจากแสงบนตัวดับลง อสูรประหลาดที่มีลักษณะคล้ายกิเลนก็ปรากฏต่อหน้าผู้คน กลิ่นไอบนตัวของมันก็ทะลุถึงระดับแก่นเสมือนแล้ว และยังดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่ามังกรกระดูกหนึ่งขั้น
เสี่ยวอู่พยักหน้า จากนั้นก็กระโดดเข้าไปในค่ายกล ขณะเดียวกัน ชายรูปร่างสูงใหญ่ผู้นั้นก็เดินเข้ามาจากอีกด้านเช่นกัน
“เริ่มการประลองได้” หลวงจีนอวิ๋นกังกวาดสายตามองทั้งสองที่อยู่ในค่ายกล และประกาศออกมาอย่างไม่ลังเล
พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง เสี่ยวอู่ก็ยกแขนทั้งสองขึ้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ไอสีขาวเทาสิบกว่าจั้งพุ่งออกจากตัว และพวยพุ่งอย่างรุนแรง พริบตาเดียวก็กลายเป็นอสรพิษยักษ์สีขาวเทาตัวหนึ่ง มันอ้าปากและกระโจนเข้าหาชายรูปร่างสูงใหญ่อย่างโหดเหี้ยม
ชายรูปร่างสูงใหญ่รู้สึกใจเย็นสะท้าน คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวอู่จะลงมือรวดเร็วเช่นนี้ เขารีบทำท่ามือด้วยมือทั้งสองอย่างรวดเร็ว แสงเพลิงเปล่งประกายบนตัว ม่านแสงร้อนแรงชั้นหนึ่งปรากฏออกมา
อสรพิษยักษ์สีขาวเทาชนลงบนม่านแสง และระเบิดออกมา
อินจิ่วหลิงขมวดคิ้วทันที เห็นได้ชัดว่าชายรูปร่างสูงใหญ่ผู้นี้ฝึกฝนวิชาธาตุไฟ ซึ่งสามารถควบคุมวิชาสายปีศาจได้พอดี
พอชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เห็นว่าม่านแสงป้องกันตรงหน้าไม่เป็นอะไร เขาก็เผยแววตาเยือกเย็นออกมา พอพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ก็มีวงแหวนสีแดงแวววาวปรากฏอยู่ในมือ
พอชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขึ้น วงแหวนสีแดงก็ทิ้งเงาสีแดงไว้บนอากาศจำนวนหนึ่ง ภายใต้การรวมตัวกันของเงาสีแดง มันก็กลายเป็นเมฆอัคคีอันร้อนแรง และพุ่งไปด้านหน้าด้วยอานุภาพดุดัน บริเวณอากาศที่มันพุ่งผ่านเกิดการบิดเบี้ยวขึ้นมา
หลิ่วหมิงดวงตาเป็นประกาย เขามองออกอย่างรวดเร็วว่าวงแหวนสีแดงนี้เป็นต้นแบบอาวุธเวทชิ้นหนึ่ง
ดวงตางดงามของเสี่ยวอู่เป็นประกาย นางอ้าปากพ่นแสงสีดำออกมาเรียงอยู่ด้านหน้า ขณะเดียวกัน นิ้วทั้งสิบก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ธงกระดูกสีดำสิบสองอันปรากฏขึ้นตรงหน้า ท่ามกลางเสียงร้องหวึ่งๆ ไอดำก็พุ่งออกจากผิวธงที่มีขนาดใหญ่จั้งกว่าๆ
เมฆอัคคีอันร้อนแรงปะทะเข้ากับไอดำจนเกิดเสียงดัง “ฟู่ๆ!” ทั้งสองต่างก็ควบคุมกันและกัน และค่อยๆ ละลายลง
ในที่สุดเมฆอัคคีก็อ่อนแอกว่าเล็กน้อย เพียงแค่ไม่กี่อึดใจก็ถูกไอดำพวยพุ่งปกคลุมไว้
ครู่ต่อมา ไอดำจำนวนมากพวยพุ่งไปด้านหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ครู่เดียวก็ปกคลุมไปทั่วค่ายกลสีทอง
ชายรูปร่างสูงใหญ่มีสีหน้าหนักอึ้ง เขารีบโยนวงแหวนสีแดงในมือขึ้นไปเหนือศีรษะ ทันใดนั้นมันก็ก่อตัวเป็นม่านแสงสีแดงปกคลุมรอบตัว และต้านทานไอดำอันพวยพุ่งไว้ด้านนอก
“ฟู่ๆ!” ภายใต้การพวยพุ่งของไอดำไร้ขอบเขต มันก็กลายเป็นอสรพิษยักษ์สิบกว่าตัวพุ่งออกไปโจมตีม่านแสงจากรอบด้าน
“เพล้ง!” “เพล้ง!” เกิดเสียงดังติดต่อกัน ม่านแสงสีแดงเพียงแค่สั่นสะท้านเล็กน้อย จากนั้นก็กลับมามั่นคงอย่างรวดเร็ว
………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา