ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 617

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 617 การจู่โจมของผู้ฝึกฝนชั่วร้าย
ตอนที่ 617 การจู่โจมของผู้ฝึกฝนชั่วร้าย
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทั้งสามคนพากันหันหน้าหนีด้วยความตกใจ

แต่ว่าแสงกระบี่สีเขียวจำนวนมากกลับโบกสะบัดราวกับมังกรร่ายระบำอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นคนทั้งสามก็กลายเป็นฝนโลหิตร่วงลงมา

ตั้งแต่ตอนที่หลิ่วหมิงลืมตากระตุ้นเคล็ดวิชาเงาร่างสามส่วนกับวิชาขี่กระบี่สังหารคนทั้งห้านั้น ใช้เวลาเพียงแค่สองสามอึดใจเท่านั้น

พอชายที่มีตุ่มหนองเห็นเช่นนี้ ก็ขยี้ยันต์สีทองในมือจนแตกกระจายอย่างรวดเร็ว มันกลายเป็นม่านแสงปกคลุมร่างของเขาไว้ จากนั้นก็หยิบยันต์สีดำอีกผืนมาแปะไว้บนตัวอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นแสงสีดำพุ่งขึ้นฟ้า

หลิ่วหมิงเผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา จนถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะให้คนผู้นี้หลบหนีไปง่ายดายได้อย่างไร ทันใดนั้นกลิ่นไอกระบี่อันน่ากลัวก็พุ่งขึ้นฟ้า และกลายเป็นสายรุ้งแวววาวม้วนตัวตามไป

ผ่านไปเพียงแค่สองอึดใจ สายรุ้งสีเขียวก็ตามแสงหลบหลีกที่อยู่ตรงหน้าทัน และฟันลงไปอย่างโหดเหี้ยม

มีเสียงร้องดังออกมาอย่างน่าเวทนา แสงสีทองบนผิวชายที่มีตุ่มหนองแตกกระจายออกมา และร่างของเขาก็ร่วงลงด้านล่าง

พอแสงสีเขียวเปล่งประกาย หลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวตรงด้านล่าง และคว้าเอาไหล่ของฝ่ายตรงข้ามไว้ จากนั้นก็สะบัดข้อมือปล่อยกำปั้นออกไปอย่างรุนแรง

หน้าอกของชายที่มีตุ่มหนองถูกหลิ่วหมิงโจมตีซึ่งๆ หน้าจนเกิดเสียงดัง “ตู๊ม!” จากนั้นก็ร่วงลงพื้นราวกับฝนดาวตก และกระแทกพื้นจนเกิดเป็นหลุมใหญ่หลายจั้ง เขากระอักเลือดออกมาและไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีก

หลิ่วหมิงหายวับมาปรากฏตัวด้านข้างชายผู้นี้อย่างรวดเร็วราวกับปีศาจ และเอาเท้าเหยียบหน้าอกไว้ ทำให้เขากระอักเลือดออกมามากกว่าเดิม

“บอกมาเถอะ! พวกเจ้าลอบซุ่มโจมตีข้าด้วยจุดประสงค์อันใด อย่าบอกนะว่าแค่บังเอิญผ่านมา” หลิ่วหมิงถามด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

“สะ…สหายไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยปีศาจระฆังเซวี่ยอวี้ ครั้งนี้…พวกข้ามาเพราะเจ้าจริงๆ หากรู้ตั้งแต่แรกว่าสหายมีพลังมากมายเช่นนี้ พวก…พวกข้าจะต้องไม่กล้าล่วงเกินอย่างแน่นอน” ชายที่มีตุ่มหนองบนใบหน้าหอบหายใจกล่าวออกมา ใบหน้าเต็มไปความหวาดกลัวสุดขีด

หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา เขาเองก็รู้สึกคุ้นกับปีศาจระฆังเซวี่ยอวี้อยู่บ้าง ซึ่งเป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีความเป็นความตายเช่นกัน ดูเหมือนว่าจะอยู่อันดับที่หกสิบ ดูท่าคนอื่นๆ ก็คงเป็นผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเช่นกัน

ห้าปีก่อน หลิ่วหมิงก็สามารถสังหารหลวงจีนกระดูกแห้งที่จัดอยู่อันดับสามได้แล้ว ห้าปีให้หลัง พลังก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก การสังหารผู้ฝึกฝนชั่วร้ายที่ติดอันดับท้ายๆ เหล่านี้ย่อมง่ายกว่าเดิมมาก

“ดูเหมือนว่าข้าไม่ได้มีความแค้นกับพวกเจ้า ใยต้องมาหาเรื่องข้าด้วย?” หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ แต่กลับถามออกมาอย่างราบเรียบ

“เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ…หลวงจีนกระดูกหยกประกาศมอบรางวัลสิบล้านหินจิตวิญญาณในบัญชีความเป็นความตายเพื่อเอาหัวของเจ้า ทั้งยังมอบโอสถกระดูกมรกตนักรบพระโพธิสัตว์ที่เขาปรุงขึ้นมาโดยเฉพาะให้หนึ่งเม็ด แม้แต่ราชาโลหิตกับท่านเซียนหงส์ดำเมื่อทราบเรื่องนี้ ยังบอกว่าจะเอาชีวิตเจ้าด้วยตัวเอง จะได้นำหัวไปรับรางวัล” พอชายที่มีตุ่มหนองเห็นว่าหลิ่วหมิงสงบลงเล็กน้อยแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจมาก คำพูดคำจาก็ดูเรียบร้อยขึ้น

หลังจากหลิ่วหมิงได้ยินชื่อหลวงจีนกระดูกหยกก็รู้สึกใจเย็นสะท้าน และนึกถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลวงจีนกระดูกแห้งที่บันทึกไว้ในบัญชีความเป็นความตายในตอนนั้น

หลวงจีนกระดูกหยกผู้นี้ก็คืออาจารย์ของหลวงจีนกระดูกแห้ง ขณะเดียวกันก็เป็นผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถที่มีชื่อเสียงของผู้ฝึกฝนชั่วร้าย และหลวงจีนกระดูกแห้งก็เป็นศิษย์ที่เขารักที่สุด

ตอนที่หลิ่วหมิงส่งมอบศีรษะของหลวงจีนกระดูกแห้งนั้น ผู้ดำเนินการในหอความเป็นความตายยังบอกให้เขาระมัดระวังตัวไว้ด้วย

แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก กลับคิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านมาห้าปี คนผู้นี้ก็รู้ร่องรอยของตัวเอง และยังตั้งราคาค่าหัวสูงเช่นนี้ด้วย

แม้หลิ่วหมิงจะไม่รู้ว่าโอสถกระดูกมรกตนักรบพระโพธิสัตว์ที่ปรุงขึ้นมาโดยเฉพาะนี้ จะมีผลลัพธ์เป็นเช่นไร แต่ราชาโลหิตที่มีรายชื่ออันดับหนึ่ง และเซียนหงส์ดำที่มีรายชื่ออันดับสองในบัญชีความเป็นความตายต่างก็ใจเต้นเช่นนี้ คิดว่าคงเป็นโอสถประเภทหลอมร่างล้างไขกระดูกที่มีมูลค่าไม่น้อย

“พวกเจ้ารู้เบาะแสของข้ามาจากที่ใด?” หลิ่วหมิงเลิกคิ้วถาม

“ในแผ่นดินจงเทียนนี้ ผู้ที่สามารถหาตำแหน่งของคนๆ หนึ่งได้อย่างแม่นยำนั้น นอกจากหอเป๋ยโต่วแล้ว ยังมีกลุ่มใดสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้อีก เป็นเพราะข้าและพี่น้องทั้งห้าอาศัยอยู่บริเวณนี้ จึงหาสหายเจออย่างรวดเร็ว สิ่งที่ข้ารู้ก็ได้บอกไปหมดแล้ว หวังว่าสหายจะไว้ชีวิตด้วย” ชายที่มีตุ่มหนองลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าวออกมา

“ในเมื่อข้ารู้เรื่องที่ข้าอยากรู้หมดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไว้ชีวิตเจ้าอีก” ดวงตาหลิ่วหมิงเป็นประกายเยือกเย็น นิ้วข้างหนึ่งวาดไปทางอากาศ แสงกระบี่สีเขียวกระพริบออกมาฟันหัวของชายที่อยู่ด้านล่างจนขาด

พอเขาคว้ามือข้างหนึ่งออกไป หัวของคนผู้นี้ก็ถูกเก็บเข้าไปในยันต์เก็บของ และร่างของเขาก็กระพริบไปตัดหัวคนอื่นๆ

นอกจากชายร่างสูงที่ถูกเขาใช้พลังดัชนีกระบี่ระเบิดศีรษะแล้ว ในแหวนย่อส่วนของเขาก็มีศีรษะเพิ่มขึ้นมาห้าใบ หากคนเหล่านี้ต่างก็มีชื่อในบัญชีความเป็นความตายล่ะก็ หลิ่วหมิงคงได้แต้มคุณูปการจำนวนไม่น้อย

จากนั้นหลิ่วหมิงก็นำยันต์เก็บของกับอาวุธจิตวิญญาณของคนเหล่านี้ใส่เข้าไปในแหวนย่อส่วน

ระฆังเล็กสีเขียวของชายที่มีตุ่มหนองผู้นั้น เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดที่มียี่สิบแปดชั้นจำกัด

แต่เมื่อหลิ่วหมิงใส่พลังเวทเข้าไป กลับไม่สามารถกระตุ้นมันได้ ด้านหนึ่งของระฆังนี้ก็มีภาพโครงกระดูกแปลกประหลาดสลักอยู่

ดูท่าการกระตุ้นระฆังนี้ อาจต้องใช้เคล็ดวิชาสายปีศาจบางอย่าง

และภายในยันต์เก็บของของคนอื่นๆ ก็มีอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดกับระดับสูงเป็นจำนวนมาก เพียงแต่ไม่มีชั้นจำกัดมากเหมือนระฆังวิญญาณปีศาจ และยังมีหินจิตวิญญาณอยู่จำนวนไม่น้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา