ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 622

สรุปบท ตอนที่ 622 การปรากฏตัวของซากโบราณ: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

อ่านสรุป ตอนที่ 622 การปรากฏตัวของซากโบราณ จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 622 การปรากฏตัวของซากโบราณ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 622 การปรากฏตัวของซากโบราณ
ตอนที่ 622 การปรากฏตัวของซากโบราณ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ครึ่งเดือนต่อมา ภายในหุบเขาแห่งหนึ่งบริเวณเมืองโบราณเทียนเหย่ หญิงสาวอรชร ใบหน้างดงาม สวมชุดสีดำกำลังยืนอยู่บนก้อนหินยักษ์ นางกำลังมองดูภาพของเมืองโบราณที่ปรากฏอยู่ลิบๆ เสื้อผ้าของนางยังคงโบกสะบัดตามแรงลม

หากหลิ่วหมิงอยู่ที่นี่ด้วย คงจะสามารถจำหญิงสาวตรงหน้าได้ ซึ่งนางก็คือเซียนหงส์ดำที่มีชื่ออันดับสองในบัญชีความเป็นความตายนั่นเอง

และด้านหลังของนางกลับมีศพไหม้เกรียมวางอยู่เกลื่อนกลาด ที่น่าแปลกใจก็คือบนพื้นไม่มีเลือดเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าศพทั้งหมดจะถูกเผาไหม้จนตาย มีกลิ่นไหม้เกรียมจางๆ ลอยอยู่บนอากาศ

บนศพสองสามศพที่ยังมีสภาพสมบูรณ์อยู่ สามารถมองเห็นภาพโครงกระดูกสีเลือดบนชายเสื้อลางๆ

ผู้ที่คุ้นเคยกับทุ่งหญ้าอาชาสวรรค์ จะมองออกว่านี่คือสัญลักษณ์กระดูกโลหิตของกลุ่มผู้ฝึกฝนชั่วร้าย และมีชื่อเสียงเหม็นโฉ่ที่ชอบปล้นสดมภ์ผู้ฝึกฝนหญิงไปทำเตาหลอมพลัง

ไม่นาน แสงสีดำก็พุ่งออกจากหุบเขา และพุ่งไปยังเมืองโบราณทันที

……

หนึ่งเดือนต่อมา บริเวณทุ่งหญ้าอาชาสวรรค์ที่อยู่ห่างจากเมืองโบราณเทียนเหย่ด้วยการเหินเวหาหนึ่งวัน ขณะนี้กำลังมีการสังหารกันอย่างดุเดือด

เงาร่างสีเลือดกับเงาร่างสีขาวกำลังโจมตีกันไม่หยุด ในระหว่างนั้นก็มีเสียงของแสงกระบี่กับแสงอัคคีดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มีแสงกระบี่สองสามลำพุ่งออกมาเป็นบางครั้ง ทำให้ต้นหญ้าสูงครึ่งจั้งในบริเวณที่มันเคลื่อนตัวผ่านถูกตัดขาดในทันที มีกลุ่มไฟกระเด็นออกมาอยู่ไม่หยุด ก่อให้เกิดเปลวไฟอันคุโชนขึ้นมา

ขณะนั้นเอง มีเสียงดังโครมครามดังมาจากสถานที่ที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นสิ่งของขนาดมหึมาก็พุ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว มันคือมนุษย์ทองแดงยักษ์ที่สูงสิบกว่าจั้ง

มนุษย์ทองแดงนี้มีความเร็วน่าตกใจมาก พริบตาเดียวก็มาถึงบริเวณที่ทั้งสองต่อสู้กันอยู่ และยกแขนขึ้นมาอย่างไม่ลังเล กำปั้นยักษ์ที่เปล่งแสงแวววาวทุบลงไปทันที

เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วฟ้า ทำให้อากาศสั่นสะเทือนขึ้นมา!

แสงกระบี่และเงาอัคคีค่อยๆ ระเบิดตัวท่ามกลางกลุ่มการต่อสู้ เงาร่างสีแดงกับสีขาวปรากฏออกมาท่ามกลางแสงสีทอง จากนั้นก็ร่วงลงพื้น และโซซัดโซเซถอยออกไปสิบกว่าก้าวถึงทรงตัวไว้ได้

ที่แท้ก็เป็นหญิงชุดแดงที่ในมือถือพัดสีแดงกับชายวัยกลางคนชุดขาวที่ถือกระบี่เล็กอยู่ ขณะนี้ทั้งสองกำลังมองไปทางมนุษย์ทองแดงยักษ์ด้วยสีหน้าตกใจ และหวาดกลัว

“ท่านเป็นใคร? ใยต้องก้าวก่ายเรื่องของพวกเราโดยไม่มีเหตุผลด้วยเล่า?” ชายวัยกลางคนที่สวมชุดขาวมีสีหน้าผ่อนคลายลง พอเห็นว่าบนไหล่ของมนุษย์ทองแดงมีชายหนุ่มหน้าซื่อที่สวมชุดผ้าหยาบๆยืนอยู่ ก็ตะโกนถามออกไป

หญิงชุดแดงดวงตาเป็นประกายอยู่ครู่หนึ่ง และเงยหน้ามองชายหนุ่มหน้าซื่อด้วยสีหน้าหวาดกลัวเช่นกัน แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา

ชายหนุ่มหน้าซื่อก็คือเผิงเยวี่ยจากนิกายเทียนกงนั่นเอง

เผิงเยวี่ยยืนอยู่บนไหล่มนุษย์ทองแดงโดยไม่กล่าวอะไรออกมา แต่สายตากลับจ้องมองสิ่งที่อยู่ระหว่างแสงสีแดงกับแสงสีขาวตรงด้านหลังชายชุดขาวกับหญิงชุดแดง

พอมองอย่างละเอียด สิ่งนั้นดูคล้ายอาวุธจิตวิญญาณประเภทแหสีแดง ภายในมีอาชาจิตวิญญาณสีแดงขาวถูกขังอยู่ ขณะนี้กำลังอยู่ในสภาพหมดสติภายใต้การเปล่งแสงของตาข่ายอย่างเป็นจังหวะ

อาชาจิตวิญญาณทั่วไปในทุ่งหญ้าอาชาสวรรค์ล้วนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ แต่ร่างของอาชาตัวนี้กลับเป็นสองสี ผู้ที่มีความรอบรู้หน่อยจะมองออกว่าอาชาจิตวิญญาณตัวนี้เป็นปีศาจอสูรกลายพันธุ์ตัวหนึ่ง ซึ่งไม่เพียงแต่จะพบเจอได้น้อยมาก ความเร็วของมันก็เร็วกว่าอาชาจิตวิญญาณทั่วไปมาก

ชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมสีขาวเห็นเช่นนี้ ร่องรอยของความโกรธก็ฉายในดวงตาของเขา แต่พอนึกถึงการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามในเมื่อครู่ ก็ได้แต่อ้าปากค้างและไม่กล้ากล่าวอะไรออกมา

เห็นได้ชัดว่าหญิงชุดแดงตรงหน้า ก็รู้สึกว่าพลังของตนเองไม่อาจต่อสู้กับชายหนุ่มหน้าซื่อได้ หลังจากหัวเราะอย่างขมขื่นแล้ว ก็ลดพัดขนนกในมือลง

เผิงเยวี่ยกลับกล่าวขอโทษคนทั้งสอง “ล่วงเกินแล้ว!” พอชี้มือข้างหนึ่งออกไป ดวงตาของมนุษย์ทองแดงที่อยู่ด้านล่างก็คุโชนขึ้นมา จากนั้นก็อ้าปากพ่นแสงสีเหลืองออกมาลำหนึ่ง ภายใต้การเปล่งประกาย มันก็ม้วนเอาแหสีแดงกับอาชาจิตวิญญาณไว้ในนั้น และลากเข้าไปในปาก

ชายวัยกลางคนกับหญิงชุดแดงเห็นเช่นนี้ ก็สบตากันทีหนึ่ง และต่างก็ค้นพบถึงความลังเลกับการไม่ยอมละทิ้งของอีกฝ่าย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำการต้านทานแต่อย่างใด

หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จ มนุษย์ทองแดงยักษ์ที่อยู่ใต้เท้าของเผิงเยวี่ย ก็ก้าวจากไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน แสงสีดำก็ร่วงลงตรงหน้าทั้งสอง มันคือยันต์เก็บของเล็กๆ ผืนหนึ่ง

“ปัญญาชนไม่แย่งของรักของผู้อื่น อาชาจิตวิญญาณตัวนี้มีประโยชน์ต่อข้ามาก ในนี้มีอยู่ห้าแสนหินจิตวิญญาณ ถือเสียว่าเป็นการซื้ออาชาจิตวิญญาณตัวนี้เถอะ!”

ขณะที่เสียงสุดท้ายดังเข้ามานั้น มนุษย์ทองแดงยักษ์ก็จากไปไกลหลายร้อยจั้ง และกลายเป็นจุดสีดำแล้ว

และทิศทางที่เขาไปก็คือเมืองโบราณเทียนเหย่นั่นเอง

ฉากที่คล้ายเคียงกันเกิดขึ้นบ่อยครั้งในทุ่งหญ้าบริเวณเมืองโบราณเทียนเหย่ มีผู้ฝึกฝนจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิตอย่างน่าประหลาดใจ บ้างก็ได้รับบาดเจ็บจนแอบหนีไป

เหตุการณ์ดำเนินเช่นนี้ไปเรื่อยๆ พริบตาเดียวเวลาสามเดือนก็ผ่านไป

วันนี้ บนทุ่งหญ้าทางด้านตะวันตกของเมืองโบราณเทียนเหย่ เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นพลังมหาศาลก็ระเบิดออกมาจากใต้ดิน

ท้องฟ้าที่เคยปลอดโปร่ง พลันเกิดเมฆดำขนาดใหญ่ขึ้นมาในฉับพลัน และบดบังท้องฟ้าบริเวณนี้จนกลายเป็นสีดำไปทั้งแถบ

“ที่แท้ก็เป็นซากโบราณเผ่าปีศาจในสมัยบรรพกาล!” ด้านหนึ่งของซากโบราณ มีแสงสีดำเปล่งประกาย และเผยให้เห็นร่างของหลิ่วหมิง เขามองผ่านม่านแสงเพื่อสังเกตดูซากโบราณขนาดมหึมาตรงหน้า และอุทานออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้

แม้ไม่รู้ว่ามันผ่านมานานกี่หมื่นปีแล้ว แต่ซากโบราณแห่งนี้ยังคงมีสภาพสมบูรณ์ กำแพงสีม่วงเข้มอันแข็งแกร่งทอดยาวออกไปหลายร้อยลี้ มีพระราชวังขนาดใหญ่ที่มีโดมสีทองเหลืองอร่ามงามตาตั้งตระหง่านไปทั้งแถบ นอกจากนี้ยังมีหอขนาดเล็กแทรกอยู่ในนั้น หอต่างๆ ทับซ้อนกันแน่นขนัด พระราชวังสูงตะหง่าน มีลักษณะทรงพลังน่าเกรงขามราวกับมองเห็นภาพหมู่ปีศาจอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

ทันใดนั้น ไม่รู้ว่าใครใช้กระบี่ฟันม่านแสงตรงหน้า ทำให้ผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ พากันนำอาวุธจิตวิญญาณออกมาโจมตีชั้นจำกัดอย่างบ้าคลั่ง

แสงดาบเงากระบี่หลากสีเปล่งประกายกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง ทำให้ม่านแสงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่มันยังคงมั่นคงแข็งแกร่งดังเดิม

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้ทำการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด แต่กลับพุ่งถอยออกไปสิบกว่าจั้ง และสังเกตการเคลื่อนไหวของผู้คนอย่างเงียบๆ

ดูเหมือนว่าทุกๆ ระยะห่างไม่กี่สิบจั้ง จะมีผู้ฝึกฝนกลุ่มเล็กๆ รวมตัวกันโจมตีม่านแสง ชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา สถานที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยผู้ฝึกฝนนับพัน และกำลังร่วมมือกันจัดการกับสิ่งของขนาดมหึมาตรงหน้า

มีเสียงระเบิดดังออกจากจุดต่างๆ อยู่ไม่หยุด เป็นฉากที่ดูยิ่งใหญ่มาก

ขณะนั้นเองก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากทิศทางบางแห่ง

“ฮ่าๆ! ชั้นจำกัดบรรพกาลอะไรกัน มันก็แค่นั้นแหละ!”

พอผู้คนบริเวณรอบๆ ได้ยินก็มองไปทันที ผู้ที่กล่าวคำพูดนี้เป็นชายร่างผอมบางที่มีไอดำพวยพุ่งรอบตัว ม่านแสงแวววาวตรงหน้ามีรอยร้าวยาวฉื่อกว่าๆ ไอปีศาจสีดำเป็นกลุ่มๆ พวยพุ่งออกมา และถูกเขาดูดซับเข้าไปในร่างอย่างต่อเนื่อง

แต่ทว่าในขณะนั้นเอง ชายชุดเขียวผู้หนึ่งกลับปรากฏตัวด้านข้างเขาในฉับพลัน และกระตุ้นพลังปีศาจดูดซับไอปีศาจจากรอยร้าวอย่างไม่เกรงใจ

ชายร่างผอมบางเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เขากระตุ้นเคล็ดวิชาในทันที ทำให้ไอดำบนตัวกลายเป็นฝ่ามือยักษ์สีดำขนาดใหญ่ข้างหนึ่ง และฟันไปทางชายชุดเขียว

ดูเหมือนว่าชายชุดเขียวจะทำการป้องกันไว้ก่อนแล้ว เขาพุ่งถอยออกไปไกลหลายจั้ง และพ่นธงเล็กสีดำออกมา พอโบกสะบัด มันก็กลายเป็นธงยักษ์ที่สูงจั้งกว่าๆ มีภาพโครงกระดูกปรากฏอยู่บนนั้นอย่างชัดเจน

พอเขาสะบัดมันอย่างรุนแรง พายุบ้าระห่ำสีดำก็พัดไปทางชายร่างผอมบาง

ครู่เดียว ทั้งสองก็ทำการต่อสู้อยู่บริเวณรอยร้าวอย่างดุเดือด

………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา