หลังจากเผิงเยวี่ยสูญเสียหุ่นมนุษย์ทองแดง เขาก็ปล่อยหุ่นสำรองตัวอื่นๆ ที่เตรียมไว้ออกมา แต่มันยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชาโลหิต สุดท้ายก็ถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ และต้องระเบิดหุ่นสองตัวสุดท้ายออกมา จากนั้นก็ใช้ยันต์หลบหนีสวรรค์ที่ผู้อาวุโสในนิกายมอบให้เพื่อทำการหลบหนี
แต่ก็ผีซ้ำด้ามพลอย แม้เขาจะอาศัยยันต์หลบหนีราชาโลหิตมาได้ แต่กลับเผชิญหน้ากับเซียนหงส์ดำในทางเข้าตำหนักบางแห่ง
พอนางเห็นฝ่ายตรงข้ามมีสภาพกระเซอะกระเซิงเช่นนี้ ย่อมไล่ล่าด้วยความดีใจ
เผิงเยวี่ยก็ได้แต่หลบหนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น
ขณะนี้ เซียนหงส์ดำมองดูแสงหลบหลีกตรงหน้าที่เริ่มมีกลิ่นไอไม่มั่นคง และกระตุ้นพลังในทันที ความเร็วของนางเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางคิดที่ถือโอกาสนี้สังหารเผิงเยวี่ย เพื่อระบายความแค้นที่ถูกไล่ล่าในก่อนหน้านั้น
แต่เมื่อระยะห่างระหว่างทั้งคู่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เซียนหงส์ดำกลับหยุดชะงักในทันที และหันไปมองทิศทางบางแห่งด้วยสีหน้าฉงน
ทันใดนั้น นางก็คว้ามือข้างหนึ่งไปบนอากาศ และจานเข็มทิศสีขาวก็ปรากฏในมือ บนนั้นมีเข็มสีเงินวางอยู่อย่างเงียบๆ
เซียนหงส์ดำขยับนิ้วโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และดีดพลังไม่ทราบชื่อลงไปบนจานเข็มทิศ
เข็มสีเงินที่เดิมทีอยู่นิ่งๆ หมุนวนบนจานเข็มทิศอย่างรวดเร็วจนพร่ามัวเป็นแสงสีเงิน ขณะเดียวกันก็มีอักขระสีเงินเปล่งประกายบนจานเข็มทิศเป็นรูปวงกลม
เซียนหงส์ดำมองดูการเปลี่ยนแปลงบนจานเข็มทิศตาไม่กระพริบ ในที่สุดเข็มเงินก็หยุดชะงักลง “กึก!” เข็มทิศชี้ไปทางที่นางมองดูในก่อนหน้านั้น จานเข็มทิศถูกห่อหุ้มอยู่ในกลุ่มแสงสีเงิน และส่งเสียงดังหวึ่งๆ
“มีคนค้นพบไอปีศาจแท้ทางด้านนั้นจริงๆ ด้วย ถึงทำให้เข็มทิศปีศาจมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ดูท่าไอปีศาจแท้ทางด้านนั้นจะต้องมีไม่น้อยอย่างแน่นอน” พอเซียนหงส์ดำเห็นปรากฏการณ์บนจานเข็มทิศ ก็พูดพึมพำออกมาด้วยสีหน้าดีใจ
พอแสงสีดำเปล่งประกายบนตัว นางก็ถือจานเข็มทิศพุ่งไปยังทางที่เข็มทิศชี้ โดยไม่สนใจเผิงเยวี่ยอีก
……
ด้านหนึ่งของสระน้ำสีดำมืด ชายชุดคลุมสีเทาผู้หนึ่งกำลังนำแมลงปีกแข็งที่ไม่ขยับเขยื้อนตัวหนึ่งใส่เข้าไปในยันต์เก็บของ ทันใดนั้น เขาก็หันหน้ามองไปยังทิศทางบางแห่งด้วยแววตาดีใจ ไอหมอกสีเขียวพวยพุ่งตรงใต้เท้า จากนั้นร่างของเขาก็หายไปจากที่เดิม
……
ภายในศาลาที่สร้างขึ้นบนพื้นที่สูงบางแห่ง ก่อนหน้านั้นชายสองคนที่มีหมอกดำปกคลุมเต็มตัวยังต่อสู้กันอุตลุด แต่ครู่ต่อมากลับเก็บอาวุธจิตวิญญาณเข้าไปพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และหยุดการต่อสู้ในทันที จากนั้นก็มองไปยังทิศทางบางแห่ง
“พี่เฟิง พวกเราต่อสู้กันไม่หยุดเพียงเพราะหยกปีศาจที่มีสภาพไม่สมบูรณ์ชิ้นนี้ คนอื่นกลับหาไอปีศาจแท้พบ อย่างที่รู้ว่าไอปีศาจทั้งหมดในสถานที่แห่งนี้ ยังไม่อาจสู้ไอปีศาจแท้กลุ่มเดียวได้ พวกเราทั้งสองใยต้องมาต่อสู้กันด้วยเล่า!” ชายวัยกลางคนที่ถือดาบสีดำละสายตากลับมา และกล่าวออกมาเช่นนี้
“ฮึ! ช่างเถอะ เรื่องที่เจ้าลอบโจมตีข้าในวันนี้ ค่อยคิดบัญชีหลังไปจากซากโบราณแห่งนี้ก็แล้วกัน” พอน้ำเสียงอีกคนสิ้นสุดลง ไอดำรอบตัวก็ม้วนตัวไปยังทิศทางบางแห่งทันที
คนในก่อนหน้านั้นเห็นเช่นนี้ ก็กลายเป็นแสงหลบหลีกสีดำพวยพุ่งตามไป
……
ขณะที่หลิ่วหมิงทำลายผนึกแท่นบูชาที่อยู่ใจกลางซากโบราณ และเริ่มดูดซับไอปีศาจแท้นั้น ผู้ฝึกฝนสายปีศาจที่อยู่ใกล้ใจกลางซากโบราณหน่อย ก็จะรับรู้ได้ถึงการดำรงอยู่ของไอปีศาจแท้ และพากันพุ่งไปยังแท่นบูชาอย่างบ้าคลั่ง
……
หลิ่วหมิงยืนอยู่ข้างแท่นบูชาที่แตกละเอียด ไม่ว่าไหมดำจะจมเข้าไปบริเวณหน้าท้องเท่าใด เขาก็ยังไม่ขยับเขยื้อน
ขณะเดียวกัน ตรงทางเข้าห้องโถงก็มีเงาร่างพร่ามัวสองเงาซ่อนตัวอยู่ในความมืด และส่งเสียงสนทนากันอย่างรวดเร็ว
“คิดไม่ถึงว่าร่างจิตวิญญาณของข้าหมัวชิงซานที่มีความไวต่อไอปีศาจ ยังไม่อาจหาที่นี่พบเป็นคนแรก กลับถูกเจ้าเด็กนี่แย่งไปก่อน ไอปีศาจแท้ของที่นี่มีมากเช่นนี้ หากพวกเราได้มันไป ก็พอที่จะทำให้พวกเราทะลวงระดับผลึกได้ แม้กระทั่งสามารถฝึกฝนถึงระดับแก่นแท้ได้ด้วย” ชายวัยกลางคนหลังค่อมคนหนึ่งจ้องมองเส้นสีดำที่พุ่งออกจากผนึก และกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ไม่เป็นไร เพียงแค่พวกเราทั้งสองรีบสังหารเจ้าเด็กนี่ซะ ก็สามารถใช้วิชาวิญญาณสูบกลับมาให้พวกเราใช้ได้ เพียงแค่เสียเวลาเล็กน้อยเท่านั้น” เงาร่างค่อนข้างเล็กกลับกล่าวอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งนางเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีหน้าตาธรรมดาผู้หนึ่ง
“ดี! งั้นตกลงตามนี้ เจ้ากับข้าร่วมมือกัน และแบ่งไอปีศาจแท้ในสถานที่แห่งนี้” ชายหลังค่อมที่เรียกตัวเองว่าหมัวชิงซานหัวเราะแล้วกล่าวออกมา พอพลิกฝ่ามือ ตรีศูลคู่หนึ่งก็ปรากฏออกมา
หญิงวัยกลางคนพยักหน้าตอบรับ และหยิบกริชสีดำไม่ทราบชื่อออกมาเล่มหนึ่ง
หมัวชิงซานเห็นเช่นนี้ ก็กระทืบเท้าทั้งคู่ และพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงในทันที
ขณะเดียวกัน หญิงวัยกลางคนก็สะบัดข้อมือ จากนั้นกริชสีดำในมือก็พร่ามัวหายไป
ตอนนี้แม้ว่าฟองอากาศจะดูดซับไอปีศาจอยู่ไม่หยุด แต่ด้วยพรสวรรค์หนึ่งจิตสองพลังของเขา ย่อมรับรู้สถานการณ์รอบด้านได้อย่างชัดเจน
ขณะที่ชายหลังค่อมพุ่งเข้ามาด้วยความโหดร้ายนั้น เขาก็หันตัวมาทันที พอดีดนิ้วทั้งสิบก็เกิดเสียงดังขึ้น ปราณกระบี่สีเขียวสิบสายม้วนตัวออกไปราวกับคมดาบอันแหลมคม
ชายหลังค่อมตะโกนออกมา ตรีศูลในมือหลุดออกไป และกลายเป็นอสรพิษสีเทาสองตัวก่อนม้วนตัวออกไป
“ตู๊ม!”
อสรพิษยักษ์สีเทาปะทะกับปราณกระบี่ทั้งสิบสายจนระเบิดออกมาพร้อมกัน
ขณะนั้นเอง มีคลื่นก่อตัวขึ้นด้านหนึ่งของหลิ่วหมิง กริชสีดำโผล่ออกมา และกลายเป็นแสงสีดำทิ่มเข้าหาหลิ่วหมิงอย่างรุนแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา