แสงสีดำสองลำพุ่งออกจากด้านหลังเสาหิน และกระพริบไปรับมือกับแสงกระบี่สีเขียว หลังจากประสานกันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ต่างก็พุ่งยิงกลับไป
หลิ่วหมิงคว้ามือข้างหนึ่งไปทางอากาศ หลังจากเก็บกระบี่เล็กในมือแล้ว ก็มองไปทางเสาหินด้วยแววตาเยือกเย็น
อากาศด้านหลังเสาหินบิดเบี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเงาร่างอรชรสีดำก็ปรากฏออกมา เงาร่างนี้เป็นหญิงสาวใบหน้างดงามผู้หนึ่งที่สวมชุดกระโปรงสีดำ ในมือถือดาบสั้นสีดำอยู่สองเล่ม นางคือเซียนหงส์ดำนั่นเอง
“ท่านช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก ห่างกันไกลขนาดนี้ ก็ยังมองเห็นวิชาซ่อนเร้นของข้าได้ แต่ว่าใบหน้าของสหายแตกต่างจากเดิมมาก วันนั้นท่านต่อสู้กับราชาโลหิตยังไม่รู้ว่าใครแพ้ชนะเลย วันนี้ดูท่าข้าจะหาเรื่องผิดคนแล้ว” นางซ่อนตัวอยู่ที่นี่มาพักหนึ่งแล้ว เดิมทีคิดจะรอให้หลิ่วหมิงต่อสู้กับคนอื่นๆ จนได้รับบาดเจ็บเสียก่อน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกค้นพบเข้า นางจึงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
พอหลิ่วหมิงได้ยินว่าฝ่ายตรงข้ามรู้สถานะของตนแล้ว ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่กลับกล่าวด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น
“สหายหงส์ดำมาปรากฏตัวที่นี่ คิดว่าคงไม่ได้มาเพื่อไอปีศาจแท้เพียงอย่างเดียว คงมีเป้าหมายอื่นด้วยสินะ!”
เห็นได้ชัดว่าวิชาที่เซียนหงส์ดำฝึกฝนไม่ใช่พลังปีศาจ ไอปีศาจแท้ไม่มีประโยชน์ใดๆ กับนางเลย แต่เมื่อนางยังคงเข้ามาที่นี่ มีโอกาสเป็นไปได้แปดถึงเก้าในสิบส่วนว่า นางมาเพราะเขา
พริบตาที่หลิ่วหมิงพูดจบ เขาก็เอามือข้างหนึ่งลูบหน้าทันที จากนั้นก็พร่ามัวกลับคืนสู่รูปโฉมที่แท้จริง
“หากเป็นไอปีศาจแท้หนึ่งถึงสองกลุ่ม ข้าย่อมไม่ใส่ใจอย่างแน่นอน แต่ไอปีศาจแท้จำนวนมากเช่นนี้ หากรวบรวมมาได้ทั้งหมด มันก็สามารถแลกหินจิตวิญญาณในจำนวนที่ยากจะจินตนาการได้ ส่วนสหายนั้น ข้าย่อมไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน โอสถกระดูกนักรบพระโพธิสัตว์ เป็นสิ่งของสำคัญต่อความสำเร็จของข้าในอนาคตมาก” เซียนหงส์ดำหัวเราะอิๆ ก่อนกล่าวออกมา
“ฮึ! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ข้ากับเจ้าจะต้องมีคนใดคนหนึ่งอยู่เท่านั้น” พอหลิ่วหมิงฟังมาถึงจุดนี้ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมในทันที เขาทำท่ามือโดยไม่พูดอะไรให้มากความ และไอดำก็พวยพุ่งออกจากตัว
เซียนหงส์ดำเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็เริ่มร่ายคาถา ร่างของนางพร่ามัวกลายเป็นสอง พริบตาเดียวก็กลายเป็นสี่ ผ่านไปสักพักก็กลายเป็นเงาร่างสิบหกเงา และล้อมรอบหลิ่วหมิงไว้
ไม่รู้เป็นเพราะว่าพลังจิตของหลิ่วหมิงแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกฝนระดับเดียวกัน หรือเป็นเพราะเคยฝึกฝนเคล็ดวิชาสามเงาที่เป็นวิชาประเภทเดียวกัน พอเซียนหงส์ดำเริ่มแบ่งร่าง เขาก็มองเห็นเงาร่างมายาเหล่านี้อย่างชัดเจน
ขณะนั้นเอง ร่างของหลิ่วหมิงก็พร่ามัว และพุ่งตรงเข้าหาร่างจริงของเซียนหงส์ดำอย่างรวดเร็ว
เซียนหงส์ดำหยุดร่ายคาถาในทันที เท้าทั้งคู่กระทืบลงพื้นแล้วพุ่งถอยออกไปด้านหลัง เงาร่างสิบห้าเงาที่เหลือแตกกระจายในทันที ขณะเดียวกัน ดาบคู่ในมือก็ถูกตั้งไขว้กัน จากนั้นลูกเปลวไฟสีดำสองลูกก็กลิ้งออกมา
หลิ่วหมิงขยับตัวหลบลูกเปลวไฟสีดำทั้งสองไปได้ และมาปรากฏตัวด้านหลังของนางราวกับปีศาจ มือข้างหนึ่งคว้าผ่านอากาศไปที่ไหล่ของนาง
เซียนหงส์ดำมีท่าทีตอบสนองรวดเร็วมาก นางบิดตัวและเอาเท้าข้างหนึ่งแตะพื้น และพุ่งถอยออกไปในทันที
ด้านหนึ่งเซียนหงส์ดำก็ทำการหลบหลีกไปด้วย อีกด้านก็โบกสะบัดดาบคู่ในมือ จนเกิดเป็นเปลวเพลิงสีดำในการต่อสู้กับหลิ่วหมิง
ตอนแรกหลิ่วหมิงยังกำมุกพลังวารีทั้งสองไว้ในมือ เพื่อที่จะรับมือกับเปลวเพลิงเหล่านี้โดยตรง แต่พอเปลวเพลิงนี้สัมผัสกับไอหมอกที่มุกพลังวารีในกำปั้นสร้างขึ้นมา มันก็ส่งเสียงดังฟิ้วๆ และกลายเป็นควันสีดำ
ลูกเปลวไฟสีดำที่ดาบคู่สีดำปล่อยออกมามีอานุภาพเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่อาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดทั่วไป และสามารถสัมผัสได้ถึงต้นแบบอาวุธเวทอยู่ลางๆ
แม้ว่าหลิ่วหมิงจะอาศัยกายเนื้ออันแข็งแกร่ง ทั้งยังมีมุกพลังวารีคอยช่วยเสริม แต่ก็พอที่จะรับมือกับการโจมตีได้ไม่กี่ครั้ง หากเป็นผู้ที่มีระดับการฝึกฝนต่ำหน่อยล่ะก็ คาดว่าคงถูกลูกเปลวไฟสีดำโจมตีจนกลายเป็นขี้เถ้าตั้งแต่แรกแล้ว
ดังนั้น หลังจากหลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้ว ก็ได้แต่อาศัยท่าร่างแปลกประหลาดหลบเปลวเพลิงสีดำเหล่านี้เท่านั้น
ไม่ว่าลูกเปลวไฟสีดำจะมีอานุภาพมากเพียงใด แต่ภายใต้การกระตุ้นติดต่อกันของเซียนหงส์ดำ ทำให้ความเร็วลดลงไปเล็กน้อย
หากเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันคนอื่นๆ ภายใต้สถานการณ์ที่เซียนหงส์ดำอาศัยท่าร่างอันน่าตกใจของตนเอง ย่อมไม่นับประสาอะไรกับความเร็วที่ลดน้อยลงไปเช่นนี้
ที่น่าเสียดายก็คือ ที่นางเผชิญในตอนนี้คือหลิ่วหมิง ผู้ที่เคยแลกมือกับระดับแก่นแท้และปีศาจอสูรมาก่อน
ขณะนี้ หลิ่วหมิงอาศัยท่าร่างแปลกประหลาดกว่าเดิม ทำการหลบหลีกเปลวไฟสีดำแต่ละกลุ่มไปได้ นอกจากนี้ยังปล่อยเงากำปั้นสีดำออกไปเป็นระยะๆ มืออีกข้างก็ปล่อยปราณกระบี่ออกไปเป็นสายๆ การโจมตีด้วยกำปั้นและดรรชนีกระบี่เช่นนี้ เป็นการโจมตีที่สมบูรณ์แบบมาก ทำให้เซียนหงส์ดำร่นถอยเป็นระยะๆ ไม่นานนางก็ตกเป็นเบี้ยล่าง
การต่อสู้ของทั้งสอง ทำให้ค่ายกลผนึกถูกโจมตีจนระเบิดออกมาไม่หยุด ส่งผลให้ซากโบราณของเผ่าปีศาจบรรพกาลสั่นสะเทือนเล็กน้อย แม้แต่ผู้ฝึกฝนจำนวนหนึ่งที่ไม่อาจสัมผัสกับไอปีศาจแท้ได้ ก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของสถานที่แห่งนี้ และพากันค้นหา
……
ในระเบียงทางเดินเปิดโล่งที่อยู่ห่างจากหลิ่วหมิงไม่ไกล ชายชุดคลุมสีดำผู้หนึ่งกำลังถูกขังอยู่ในค่ายกลกับดักสมัยบรรพกาล โดยไม่อาจเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย
“คุณชาย ช่วยด้วย! เพียงแค่ข้าน้อยออกไปจากที่นี่ได้ จะต้องยอมสละชีพเพื่อคุณชายอย่างแน่นอน” ชายชุดคลุมสีดำขอความช่วยเหลือจากราชาโลหิตที่อยู่ข้างค่ายกลด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“เจ้าพวกใช้ไม่ได้จริงๆ เลย เจ้าค่อยๆ รออยู่ที่นี่เถอะ! ไหนเลยข้าจะมีเวลาช่วยเจ้า อย่างไรซะค่ายกลนี้ก็ชำรุดไปนานแล้ว จะมีชีวิตรอดหรือไม่นั้น ต้องดูว่าดวงของเจ้าแข็งหรือไม่ พวกเจ้าตามข้ามา” ชายหนุ่มชุดแดงทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็หันไปสั่งอีกสองคนที่เหลือ
ราชาโลหิตและลูกน้องสองคนกลายเป็นกลุ่มหมอกโลหิตก่อนพุ่งไปยังใจกลางซากโบราณ โดยไม่สนใจชายชุดดำคนนั้นอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา