ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 635

สรุปบท ตอนที่ 635 วังหลีเหอ: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอน ตอนที่ 635 วังหลีเหอ จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 635 วังหลีเหอ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 635 วังหลีเหอ
ตอนที่ 635 วังหลีเหอ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ผู้อาวุโสร่างผอมสูงลังเลอยู่พักใหญ่ๆ ถึงพยักหน้า

ทั้งสองแลกเปลี่ยนกันอย่างรวดเร็ว หลังจากหลิ่วหมิงนำกล่องไม้ที่บรรจุหลินจือแฝงตะวันเข้าไปในแหวนย่อส่วนแล้ว ถึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา

แม้ว่าการแลกเปลี่ยนนี้ เขาจะเสียเปรียบไปหน่อย แต่ว่าโอสถผลึกเย็นสามารถปรุงใหม่ได้ตลอดเวลา ได้สิ่งของจิตวิญญาณฟ้าดินมาช่วยทะลวงระดับผลึกหนึ่งชิ้น เขาก็รู้สึกพอใจมากแล้ว

การแลกเปลี่ยนยังคงดำเนินต่อไป การปรากฏตัวของโอสถผลึกเย็นกับหลินจือแฝงตะวัน ทำให้บรรยากาศเร่าร้อนขึ้นมาทันที

แต่สำหรับงานแลกเปลี่ยนในช่วงหลัง หลิ่วหมิงรู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว สิ่งของอย่างอื่นแม้จะล้ำค่า แต่กลับไม่เข้าตาเขา

ครึ่งชั่วยามผ่านไป งานแลกเปลี่ยนก็ดำเนินมาถึงช่วงท้าย

ผู้ฝึกฝนหญิงที่ปิดบังใบหน้าในก่อนหน้านั้น กำลังจะเก็บขวดที่ไม่มีคนถามหา แต่กลับมีน้ำเสียงดังขึ้นด้านหลัง

“ช้าก่อน! สหายผู้นี้ ข้าเอาสุราคุณภาพเยี่ยมขวดนี้ แต่ว่าข้าไม่มีแก่นอสูรคางคกเพลิง เชิญท่านเสนอราคาเถอะ!” เป็นหลิ่วหมิงที่หยุดหญิงสาวไว้

“หก…….ไม่! ห้าแสนหินจิตวิญญาณก็แล้วกัน” ผู้ฝึกฝนหญิงได้ยินก็รู้สึกดีใจมาก หลังจากมองดูหลิ่วหมิงทีหนึ่งแล้ว ก็กล่าวด้วยความลังเล

สุราคุณภาพเยี่ยมหนึ่งขวดราคาห้าแสนหินจิตวิญญาณ นับว่าเป็นราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดเล็กน้อย

หลิ่วหมิงได้ยินก็พลิกฝ่ามือหยิบหินจิตวิญญาณระดับสูงยื่นให้ห้าสิบก้อนโดยไม่พูดอะไรให้มากความ

หลังจากทั้งสองทำการแลกเปลี่ยนอย่างราบรื่น หญิงที่ปิดบังใบหน้าก็พยักหน้าให้หลิ่วหมิงด้วยความซาบซึ้งใจ จากนั้นก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงถือขวดหยกอยู่ในมือ แต่พอรู้สึกว่ามีไอเย็นแทรกซึมออกมาจากด้านใน เขาก็คิดใคร่ครวญดูเล็กน้อย จากนั้นก็ใส่เข้าไปในแหวนย่อส่วน

“สหายเย่ ช้าก่อน!”

ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปนั้น น้ำเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นข้างหู พอเงยหน้าขึ้นมอง ก็ค้นพบว่าฝูอวิ๋นจื่อผู้นั้นกำลังเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม และหญิงสาวชุดขาวก็ตามติดอยู่ด้านหลัง

“ที่แท้ก็เป็นสหายฝูอวิ๋นจื่อ ไม่ทราบว่าเรียกข้ามีธุระอันใดหรือ?” หลิ่วหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย และถามอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ที่จริงก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่อยากจะถามอะไรสักเล็กน้อย บนตัวของสหายยังมีโอสถผลึกเย็นอยู่หรือไม่ ข้าน้อยอยากจะแลกสักหน่อย ส่วนเรื่องของราคานั้นท่านวางใจได้เลย จะต้องไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน” ฝูอวิ๋นจื่อมองดูหลิ่วหมิงด้วยสีหน้านอบน้อมและจริงใจ

หญิงชุดขาวที่อยู่ด้านหลังของเขา ก็จ้องมองหลิ่วหมิงด้วยความหวัง

“คงต้องทำให้ทั้งสองผิดหวังแล้วล่ะ บนตัวข้ามีโอสถผลึกเย็นแค่หกเม็ดเท่านั้น ท่านทั้งสองก็เห็นแล้วว่าเมื่อครู่ข้าได้แลกไปหมดแล้ว” หลิ่วหมิงกล่าวในเชิงขอโทษ

“บนตัวสหายไม่มีจริงๆ หรือ? ต่อให้ไม่ใช่โอสถระดับพสุธาก็ได้” หญิงสาวชุดขาวถามอย่างอดไม่ได้

“ไม่มีแล้ว โอสถทั้งหกเม็ดนั้น ข้าซื้อมาจากตลาดด้วยราคาที่สูงในหลายปีก่อน หากไม่ใช่ว่าต้องทะลวงคอขวดระดับผลึกล่ะก็ ข้าก็ไม่อยากเอาออกมาหรอก” หลิ่วหมิงส่ายหน้าถอนหายใจออกมา

“สหายเย่ได้โอสถผลึกเย็นมาจากที่ใด ไม่ทราบว่าสามารถบอกได้หรือไม่?” ฝูอวิ๋นจื่อซักถามด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“หากท่านทั้งสองอยากได้โอสถนี้ ก็ลองไปเสี่ยงดวงดูที่เทือกเขาต้นกล้าเขียวแถวตลาดฉางหยางได้ เท่าที่ข้าทราบมา ดูเหมือนว่าหลายปีมานี้จะมีโอสถผลึกเย็นปล่อยออกมาไม่น้อย ระดับสูงก็มีไม่น้อยเช่นกัน” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างราบเรียบ

ฝูอวิ๋นจื่อกับหญิงสาวชุดขาวได้ยินเช่นนี้ ก็มองหน้ากันครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

เพราะโอสถผลึกเย็นที่มีผลลัพธ์ระดับนี้ ทั้งยังเป็นโอสถที่ปรุงได้ยากเป็นอย่างยิ่ง ไม่เคยปรากฏออกมาจำนวนมากเช่นนี้มาก่อน

พอเห็นสีหน้าของทั้งสอง หลิ่วหมิงก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากประสานมือคารวะทั้งสองแล้ว ก็จากไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเดินออกจากวังหยกขาว หลิ่วหมิงก็ทำท่ามือทันที และขี่แสงหลบหลีกสีดำพุ่งขึ้นฟ้า

หลิ่วหมิงรับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่างในสายตาของฝูอวิ๋นจื่อและหญิงชุดขาว ดูท่าหอการค้าเชียนเหมิงยังคงไม่ละทิ้งการสืบหาเบาะแสของผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถที่ปรากฏตัวในตลาดฉางหยางปีนั้น

วันนี้ตนเองนำโอสถผลึกเย็นระดับพสุธาออกมาหกเม็ด ประจักษ์ชัดว่าได้สร้างความสงสัยให้กับพวกเขาแล้ว

แต่ว่าเรื่องราวเหล่านี้ เขาไม่อาจกังวลกับมันได้อีกต่อไป ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการเข้าสู่ระดับผลึก มิเช่นนั้นทุกอย่างจะสูญเปล่า

ผ่านไปครึ่งค่อนวัน ภายในห้องโถงข้างวังหยกขาว ฝูอวิ๋นจื่อที่สวมชุดสีแดงกับหญิงชุดขาวกำลังยืนอยู่ตรงข้ามกัน

“อาจารย์ ท่านคิดว่าคนผู้นั้นพูดจริงหรือไม่?” หญิงสาวชุดขาวมีสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามอย่างอดไม่ได้

“คำพูดของคนผู้นั้นเหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่ คาดว่าคงไม่อยากบอกที่มาที่แท้จริงของโอสถผลึกเย็น แต่ว่าเขาพูดถึงตลาดฉางหยาง ตอนที่วังมายานภาหยกเปิดในตอนนั้น ที่นั่นมีผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถผลึกเย็นท่านหนึ่งปรากฏออกมาจริงๆ บางทีเขาอาจจะไม่ได้โกหกพวกเรา” ฝูอวิ๋นจื่อขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

“หรือว่าจะเป็นคนที่เบื้องบนขอให้พวกเราให้ความสนใจผู้นั้น?” ดูเหมือนว่าหญิงสาวชุดขาวจะนึกอะไรขึ้นมาได้

“ไม่ผิด! ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จำเป็นต้องตรวจสอบให้ดีๆ สักรอบ เพราะโอสถผลึกเย็นระดับพสุธามีส่วนช่วยในการเข้าสู่ระดับผลึกของเจ้าเป็นอย่างมาก” ฝูอวิ๋นจื่อค่อยๆ กล่าวออกมา

“ขอบคุณอาจารย์ที่คิดถึงเรื่องนี้” หญิงสาวชุดขาวกล่าวด้วยความดีใจ

“ดี! ดีมาก! สหายช่างมีความสามารถจริงๆ คิดไม่ถึงว่าราชาโลหิตก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า เจ้าอมนุษย์ผู้นี้อยู่ในบัญชีความเป็นความตายมาเกือบร้อยปีแล้ว แม้ว่าระดับผลึกในนิกายเราจะออกมือเอง ก็ไม่อาจสังหารได้ นับว่าครั้งนี้เจ้าได้สร้างคุณูปการให้กับนิกายเราแล้ว” ดูเหมือนว่าผู้ดำเนินการฟางจะรู้จักกับหลิ่วหมิงใหม่อีกครั้ง หลังจากสำรวจดูตัวเขาอยู่พักหนึ่งแล้ว ถึงแหงนหน้าหัวเราะออกมา จากนั้นถึงดึงนิ้วออกจากศีรษะ

“ข้าน้อยก็แค่โชคดีพบเจอเท่านั้น” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

“ดี! เจ้านำป้ายประจำตัวมาเถอะ” ผู้ดำเนินการฟางเห็นหลิ่วหมิงไม่ยอมพูดอะไรมาก ย่อมไม่ซักถามให้มากความ จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น

ผ่านไปสักพัก ป้ายบนตัวหลิ่วหมิงก็มีแต้มคุณูปการเพิ่มขึ้นมาหนึ่งล้านห้าหมื่นแต้ม

“ต้องขอบคุณผู้ดำเนินการฟางมาก ใช่สิ! เรื่องนี้ยังคงต้องขอให้ท่านรักษาเป็นความลับต่อไป อย่าได้แพร่งพรายชื่อของข้า” ขณะที่พูด หลิ่วหมิงก็มอบแต้มคุณูปการให้ผู้ดำเนินการฟางห้าพันแต้ม

“ย่อมเป็นเช่นนั้น เพียงแค่เจ้ายอมเสียแต้มคุณูปการเล็กน้อย ทางหอเราย่อมช่วยท่านปกปิดเป็นความลับ นี่ก็เป็นหนึ่งในกฎของหอเรา” ผู้ดำเนินการฟางพยักหน้าตอบรับ

หลิ่วหมิงยิ้มให้เล็กน้อย และเตรียมจะเดินออกไปด้านนอก

“เตือนเจ้าสักประโยค ราชาโลหิตผู้นี้มีที่มาลึกลับมาก ไม่ใช่ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายทั่วไป เบื้องหลังคงมีที่มาอันยิ่งใหญ่ หากครั้งหน้าศิษย์น้องออกไปข้างนอก ต้องระมัดระวังให้มาก” ผู้ดำเนินการฟางส่งเสียงดังมาจากด้านหลัง

“ขอบคุณที่เตือน” หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน หลังจากหันกลับมากุมคารวะแล้ว ก็หมุนตัวเดินไปยังประตูใหญ่

ขณะที่เขาเดินทางไปยังทุ่งหญ้าอาชาสวรรค์นั้น แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงรูปหน้า แต่ยังคงถูกราชาโลหิตและคนอื่นๆ มองออกอยู่ดี ดูท่าต่อไปจะต้องหาวิชาสำหรับแปลงโฉมแล้ว

หลังออกจากหอความเป็นความตาย หลิ่วหมิงก็กลับไปยังถ้ำที่พักบนยอดเขาลั่วโยวอย่างเงียบๆ

เวลาต่อมาในอีกหลายเดือน นอกจากเขาจะไปตลาดในนิกายหนึ่งครั้งแล้ว ก็ไม่ได้ไปไหนอีก แต่กลับนั่งพักผ่อนอยู่ในถ้ำ และเตรียมการเข้าสู่ระดับผลึกครั้งสุดท้าย

หกเดือนต่อมา หลิ่วหมิงที่สวมชุดศิษย์สายในของยอดเขาลั่วโยว ก็มาปรากฏตัวท่ามกลางระหว่างยอดเขาสูงชันสองลูกที่อยู่ในเทือกเขาหมื่นวิญญาณ

หลิ่วหมิงลอยอยู่กลางอากาศเงียบๆ และแหงนหน้ามองขึ้นด้านบนท่ามกลางพายุที่โบกสะบัดเสื้อผ้าของเขา

แต่จะเห็นว่าอากาศเหนือยอดเขาทั้งสองลูก มีวังสีขาวเงินลอยอยู่หนึ่งหลัง สูงราวๆ ร้อยจั้ง วังทั้งหลังสร้างขึ้นจากหยกขาวบริสุทธิ์สวยงาม และเปล่งประกายจางๆ ดูวิจิตรงดงามเป็นอย่างยิ่ง

พอหลิ่วหมิงเพ่งตามองออกไป ก็มองเห็นอย่างชัดเจน ประตูหลักของวังมีป้ายหยกดำขนาดใหญ่แขวนอยู่ บนนั้นมีอักขระสีทองเขียนติดว่า ‘วังหลีเหอ’

………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา