ที่นี่ไม่เพียงแต่มีชั้นจำกัดมากมาย ด้านนอกด้านในล้วนเต็มไปด้วยชั้นจำกัด ขณะเดียวกัน ในวังหลีเหอยังมีผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์ประจำการอยู่ที่นี่ตลอดปี เพื่อป้องกันศัตรูบุกรุกจากภายนอก
ข้อมูลเหล่านี้หลิ่วหมิงรู้ตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากยืนนิ่งอยู่หน้าวังครู่หนึ่ง เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเหาะไปหน้าประตูวัง
นอกวังหลีเหอไม่มีศิษย์คอยเฝ้าอยู่ ประตูใหญ่ปิดสนิทตลอดปี ทำให้รู้สึกถึงความเงียบเหงาและห่างไกล
หลิ่วหมิงนำป้ายศิษย์สายในออกจากเอว และโบกไปหน้าประตูใหญ่เบาๆ
มีแสงสีเงินเปล่งประกายบนประตูใหญ่ที่ปิดสนิทอยู่พักหนึ่ง แต่ก็มืดลงอย่างรวดเร็ว หลังจากมีเสียงดังแกร๊กๆ! ประตูก็ค่อยๆ เปิดออกมาจากด้านใน
หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้านเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวเข้าไปด้านใน
ภายในห้องโถงใหญ่ยังคงว่างเปล่าและเงียบสงัด ใจกลางห้องโถงมีค่ายกลส่งตัวสีขาวอยู่หนึ่งหลัง นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีเงาร่างของคนแม้แต่คนเดียว
หลิ่วหมิงยืนตรงหน้าประตูใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นว่าไม่มีคนออกมา ก็คิดจะตะโกนเรียก แต่ขณะนั้นเอง พลันมีน้ำเสียงอบอุ่นดังขึ้นข้างหู
“ไม่ต้องมองซ้ายมองขวา เข้ามาเถอะ!”
หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน พอมองดูรอบด้านก็ยังไม่เห็นเงาของใครเลย จากนั้นจึงก้าวเข้าไปทันที
“เจ้าเป็นศิษย์ยอดเขาลั่วโยวหรือ? วิชาที่ฝึกฝนก็เป็นมังกรพยัคฆ์ทมิฬด้วย” ภาพตรงหน้าหลิ่วหมิงพร่ามัว จากนั้นผู้อาวุโสตัวเล็กๆ ก็มองเขาด้วยรอยยิ้ม
ผู้อาวุโสมีผมสีขาว ใบหน้าค่อนข้างยาว มีรอยเหี่ยวย่นเต็มตัว แต่ดวงตาทั้งคู่กลับดูสว่างไสวราวกับมองทะลุใจคนได้
“เรียนผู้อาวุโส ศิษย์หลิ่วหมิง เป็นศิษย์ยอดเขาลั่วโยวจริงๆ” หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้อาวุโสตรงหน้าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดาราพยากรณ์อย่างแน่นอน ทันใดนั้น เขาก็โค้งตัวคารวะอย่างนอบน้อม
“ข้าฝูจื่อ รับผิดชอบดูแลวังหลีเหอ เจ้าเรียกข้าว่าผู้เฒ่าฝูก็ได้ การฝึกฝนของเจ้าเข้าถึงระดับของเหลวขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว คงมาที่นี่เพื่อกระจกหยินหยางแยกผสาน”
“คารวะผู้เฒ่าฝู ศิษย์อยากจะยืมใช้พลังของกระจกหยินหยางแยกผสาน เพื่อเข้าสู่ระดับผลึก” หลิ่วหมิงถอนหายใจแล้วแสดงความต้องการของตัวเองออกมา
“กฎของนิกายเรา เมื่อศิษย์สายในทั้งหมดเข้าสู่ระดับผลึก ก็สามารถยืมใช้กระจกหยินหยางแยกผสานได้ แต่ว่าแต้มคุณูปการทั้งหมดเจ้าคงเตรียมพร้อมแล้วใช่หรือไม่” ผู้อาวุโสผมขาวพยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยๆ กล่าวออกมา
“ศิษย์เตรียมพร้อมไว้แล้ว”
หลิ่วหมิงได้ยินก็รีบหยิบป้ายศิษย์สายในออกมา และประคองสองมือยื่นออกไป
“เจ้าหนุ่มน้อย ไม่ต้องนอบน้อมขนาดนี้ก็ได้ ข้าเป็นแค่คนที่ดูแลสมบัตินี้เท่านั้น” ผู้อาวุโสผมขาวเห็นหลิ่วหมิงมีท่าทีนอบน้อมเช่นนี้ ก็โบกมือกล่าวออกมา เขาค่อยๆ งอนิ้ว จากนั้นป้ายก็หลุดออกจากมือหลิ่วหมิง และร่วงลงบนมือของเขา
ผู้อาวุโสโบกนิ้วบนแผ่นป้าย และเก็บแต้มคุณูปการมาสองแสนห้าหมื่นแต้ม
“เอาล่ะ! สิ่งนี้คือแผ่นค่ายกลน้าวนำกระจกหยินหยางแยกผสาน เจ้าเก็บไว้ชั่วคราวก่อน” ผู้อาวุโสผมขาวคืนป้ายให้หลิ่วหมิง จากนั้นก็มอบแผ่นค่ายกลสีดำขาวให้กับเขา
หลิ่วหมิงรีบยื่นมือออกมารับ และไปยืนอยู่บนค่ายกลส่งตัวตามที่ผู้อาวุโสบอก
“เจ้าฝึกฝนพลังสายปีศาจ ถ้าอย่างนั้นก็ส่งเจ้าไปที่ถ้ำตำแหน่งที่สิบสองในแผนภูมิปฐพีก็แล้วกัน หลังจากหนึ่งวันหนึ่งคืน กระจกหยินหยางแยกผสานก็จะเปิดออกมา ส่วนจะเข้าสู่ระดับผลึกได้หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับวาสนาของเจ้าแล้ว” ผู้อาวุโสผมขาวเตือนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ขอบคุณผู้เฒ่าฝูที่ชี้แนะ” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างนอบน้อมอีกครั้ง
พอผู้อาวุโสผมขาวโบกมือ ค่ายกลส่งตัวก็ส่งเสียงดังหวึ่งๆ
หลิ่วหมิงรู้สึกแค่ว่าภาพตรงหน้าพร่ามัว ครู่ต่อมาก็มาปรากฏตัวในห้องหินที่มีปราณหยินหนาแน่นเป็นอย่างมาก ในนั้นมีไอหมอกสีเทาปกคลุมไปทั้งแถบ ซึ่งให้ความรู้สึกคล้ายกับถ้ำจันทรา
ก่อนหน้านั้นหลิ่วหมิงรู้จากคัมภีร์มาว่า ภายในวังหลีเหอวางพื้นที่ฝึกฝนไว้จำนวนมาก และตั้งชื่อตามแผนภูมิสวรรค์
ถ้ำตำแหน่งที่สิบสองที่เขาอยู่นี้เป็นถ้ำปราณหยิน นอกจากนี้ยังมีถ้ำปราณไม้ ถ้ำปราณอัคคี และถ้ำอื่นๆ ที่คล้ายกับถ้ำห้าธาตุ
ทั้งหมดนี้มีไว้สำหรับศิษย์สายในเพื่อจัดหาสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการฝึกฝน ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จอีกเล็กน้อย
หลิ่วหมิงกวาดสายตามองดูสภาพภายในห้องรอบด้าน
จะเห็นว่าผนังทั้งสี่ด้านมีแสงระยิบระยับ ดูเหมือนจะปกคลุมไปด้วยชั้นจำกัดกั้นคลื่นพลังจิตวิญญาณจำนวนหนึ่ง
และใจกลางห้องหินก็มีแท่นหินขนาดเท่าโต๊ะวางอยู่ บนแท่นหินมีอักขระที่ดูคล้ายกับค่ายกลสลักอยู่เต็มไปหมด ใจกลางก็มีรอยเว้ากลมๆ ขนาดเล็ก นอกจากนี้แล้วภายในห้องก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก
หลิ่วหมิงมองลงบนแท่นหินอีกครั้ง แต่ว่ารอยเว้าบนนั้นสอดคล้องกับแผ่นคล้ายกลน้าวนำในมือเขามาก หลังจากคิดไตร่ตรองเล็กน้อยแล้ว ก็เข้าใจความสัมพันธ์ของมันทันที ทันใดนั้น เขาก็หายวับไปอยู่บนแท่นหิน และวางแผ่นค่ายกลน้าวนำลงไปบนรอยเว้าเบาๆ จากนั้นถึงนั่งขัดสมาธิลงไป
เขานั่งทำสมาธิเล็กน้อย พอโบกมือข้างหนึ่ง ขวดเล็กสามขวดก็ร่วงลงตรงหน้าเบาๆ
ขวดเล็กสีเขียวหยกใบแรกบรรจุของเหลวสีแดงเข้มครึ่งขวด ซึ่งเป็นโลหิตของกวางจิตวิญญาณเก้าสี ของสิ่งนี้เพียงแค่รับประทานโดยตรงก็พอแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา