เมื่อลูกควันสีดำขยายใหญ่เท่าไข่ไก่ นิ้วของเขาก็นำลูกควันทั้งห้าไปแตะลงบนหน้าผากของศพแห้ง
ขณะเดียวกัน แสงสีเหลืองจางๆ ก็ปรากฏบนพื้นผิวศพแห้งเหี่ยว และต้านทานการเจาะเข้าไปในลูกควันสีดำ
พอหลิ่วหมิงเห็นฉากเช่นนี้ ก็ไม่รู้สึกตกใจแต่อย่างใด แต่กลับดีใจเสียด้วยซ้ำ พอเขาเร่งร่ายคาถา ลูกควันสีดำก็ค่อยๆ เจาะทะลุม่านแสงสีเหลืองไป
ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป ลูกควันสีดำทั้งหมดก็จมเข้าไปในศพแห้งเหี่ยว
หลิ่วหมิงถอนหายใจออกมาเบาๆ ริมฝีปากเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
เคล็ดวิชาฝึกศพที่อาจารย์อาเยี่ยนมอบให้ ที่แท้ก็มีช่องทางอยู่บ้าง จิตรับรู้ส่วนหนึ่งของเขาซ่อนอยู่ในลูกควัน และแทรกซึมเข้าไปในศพแห้งอย่างเงียบๆ
แต่พอเขานำจิตออกจากลูกควัน และมองดูศพนั้น ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ศพแห้งนี้ดูคล้ายกระดูกหุ้มหนัง แต่มันมีความหนาแน่นอย่างเหลือเชื่อ
เดิมทีหลิ่วหมิงก็เป็นผู้ฝึกร่างครึ่งหนึ่ง กายเนื้อจึงแข็งแกร่งและทรหด กระดูกในร่างก็หนาแน่นมาก ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกฝนระดับเดียวกันจะสามารถเทียบได้ แต่เมื่อเทียบกับศพแห้งนี้แล้วกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
จากการประเมินคร่าวๆ ของจิตรับรู้ กายเนื้อของศพแห้ง นี้หนาแน่นกว่ากายเนื้อของเขาสิบเท่าขึ้นไป
กายเนื้อที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เกรงว่าต่อให้จะใช้กระบี่บินพลังจิตวิญญาณที่แท้จริงฟัน ก็คงไม่อาจทำร้ายมันได้เลยแม้แต่น้อย
หลิ่วหมิงคิดด้วยสีหน้าประหลาดใจ แต่พอโบกมือข้างหนึ่ง คมวายุโค้งๆ ก็ก่อตัวขึ้นมา และโจมตีลงบนศพแห้ง
คมวายุแตกกระจายเป็นจุดๆ และผิวของศพสีเหลืองแห้งกลับไม่มีร่องรอยใดๆ เลยแม้แต่น้อย
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”
หลิ่วหมิงพูดพึมพำออกมา ลูกแสงสีเงินปรากฏออกมาบนนิ้วทิ้งสิบอีกครั้ง
ครู่ต่อมา เกิดเสียงดังโครมคราม สายฟ้าสีเงินเส้นหนึ่งโจมตีลงบนศพแห้ง ซึ่งก็คือวิชาสายฟ้าสวรรค์ที่เขาฝึกฝนอย่างยากลำบากนั่นเอง
เกิดเสียงดัง “เปรี๊ยะๆ!” หลังจากสายฟ้าสีเงินไหลวนผ่านไป แสงฟ้าแลบและควันก็ดับสลายจนหมดสิ้น ศพแห้งเหี่ยวสีเหลืองกลับยังคงสภาพสมบูรณ์ ไม่เหลือรอยไหม้สีดำเลยแม้แต่น้อย
พอหลิ่วหมิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ทำท่ามืออยู่ไม่หยุด วิชาต่างๆ โจมตีลงบนศพแห้งราวกับสายฝน แต่น่าแปลกที่พวกมันสลายไปในพริบตา แม้กระทั่งการใช้วิชาขี่กระบี่ฟันลงไปบนนั้น ก็ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากพยายามทำอยู่เช่นนี้จนเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา หลิ่วหมิงถึงหยุดมือลงด้วยสีหน้าดีใจระคนปนทุกข์
ศพแห้งตรงหน้าไม่ผ่านการปรับแต่งใดๆ ความแข็งแกร่งของมันก็สามารถเทียบได้กับอาวุธป้องกันตัวระดับต้นแบบอาวุธเวทแล้ว
แม้ว่าเคล็ดวิชาฝึกศพของอาจารย์อาเยี่ยนจะไม่เลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อศพอยู่ในระดับสูง ก็จะมีข้อคิดเห็นพิเศษจำเพาะไม่น้อย แต่เมื่อเผชิญกับศพระดับดาราพยากรณ์นี้ เห็นได้ชัดว่ามันใช้ไม่ได้อีกต่อไป
และหากจะเข้าใจศพแห้งนี้อย่างชัดเจน แม้กระทั่งปรับแต่งมันได้ล่ะก็ เห็นได้ชัดว่าต้องใช้วิธีการปรับแต่งศพที่สูงยิ่งขึ้นแล้ว
หลังจากมองศพและทอดถอนใจแล้ว หลิ่วหมิงก็โบกมือเก็บมันเข้าไปในแหวนย่อส่วนอย่างทะนุถนอม
ต่อมา เมฆดำก้อนหนึ่งพุ่งขึ้นจากหน้าประตูถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ส่วนบนของยอดเขาลั่วโยว จากนั้นก็พุ่งไปทางหอเก็บคัมภีร์
“ศิษย์พี่หลิ่ว มาหาอ่านคัมภีร์ในหอเก็บคัมภีร์อีกแล้วหรือ?” พอเห็นหลิ่วหมิงมาปรากฏตัวหน้าประตู ผู้ดำเนินการหลี่ว์ก็เดินมาต้อนรับด้วยเสียงหัวเราะ
หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็เข้าใจขึ้นมาทันที
ครั้งล่าสุดที่เขามาที่นี่คือก่อนเข้าห้องว่างเปล่าลึกลับ แม้ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปสิบกว่าปี แต่สำหรับคนที่อยู่ข้างนอกแล้ว ผ่านไปแค่สองเดือนเท่านั้น
“เฮ่อๆ ตอนฝึกฝนข้าพบข้อสงสัยเล็กน้อย คงได้แต่มาดูประสบการณ์การฝึกฝนของบรรดาผู้อาวุโสแล้ว” หลิ่วหมิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินไปหาอย่างรวดเร็ว
เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับภายในหอเก็บคัมภีร์แล้ว จึงเดินตรงไปอ่านคัมภีร์ประเภทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบี่บินพลังจิตวิญญาณ และการปรับแต่งศพบนชั้นสามทันที
ขณะนี้เป็นเวลาหลังเที่ยง และก็เป็นช่วงเวลาที่หอเก็บคัมภีร์วุ่นวายที่สุด มีคนเข้าออกตลอดเวลา แต่ทุกคนต่างก็ลดเสียงฝีเท้าลงอย่างรู้งาน
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ชั้นหนังสือทางด้านตะวันออกบนชั้นสามของหอเก็บคัมภีร์ หลิ่วหมิงนำแผ่นหยกที่สลักคำว่า ‘คัมภีร์กระบี่ชิงเฮา’ ลงจากหน้าผากด้วยสีหน้าผิดหวัง
แม้ว่าในหอเก็บคัมภีร์จะมีคัมภีร์จำนวนมาก แต่กลับมีคุณภาพไม่เท่ากัน ในบรรดาคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับสายกระบี่เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นแก่นแท้ของวิชาขี่กระบี่ ซึ่งเอ่ยถึงวิธีการหลอมร่างตัวอ่อนกระบี่น้อยมาก ต่อให้จะมีก็เป็นแค่วิธีการหลอมตัวอ่อนกระบี่ธรรมดาเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากที่หลิ่วหมิงคาดการณ์ไว้มาก และไม่สามารถใช้กับเคล็ดกระบี่ปราณแกร่งได้
ขณะที่เขารู้สึกกลุ้มใจเป็นอย่างมากนั้น ชายหนุ่มสองคนก็เดินมาจากอีกด้านหนึ่งของชั้นหนังสือ ซึ่งต่างก็สวมชุดสีเหลืองสดใส ดูจากรูปกระบี่บนแขนเสื้อแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นศิษย์สายในของยอดเขากระบี่สวรรค์
หลิ่วหมิงกวาดสายตามองดูทีหนึ่ง จากนั้นก็หันไปค้นหาคัมภีร์บนชั้นต่ออย่างไม่ใส่ใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา