ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 654

สรุปบท ตอนที่ 654 ลูกกลอนกระบี่: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

อ่านสรุป ตอนที่ 654 ลูกกลอนกระบี่ จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 654 ลูกกลอนกระบี่ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 654 ลูกกลอนกระบี่
ตอนที่ 654 ลูกกลอนกระบี่
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลิ่วหมิงจ้องมองเตาหลอมตาไม่กะพริบ เขาเพิ่งปรุงโอสถประลองกระบี่เป็นครั้งแรก จึงไม่รู้ว่าโอสถนี้ต้องใช้เวลาปรุงนานเท่าใด และจะเกาะตัวเวลาไหน จึงได้แต่เฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา จะได้ไม่พลาดโอกาสอันดีในการปล่อยปราณกระบี่

ทั้งสองอยู่ในกระท่อมนานสามวันสามคืน

หลิ่วหมิงเชี่ยวชาญเวลาในการใส่ปราณกระบี่มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งต่างก็ปล่อยปราณกระบี่ใส่เข้าไปในเตาหลอมอย่างไร้สุ้มเสียง และส่วนมากก็ถูกโอสถในนั้นดูดซับจนหมดเกลี้ยง มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สลายไป

ขณะที่หลิ่วหมิงคิดว่าโอสถนี้จะใช้เวลาปรุงนานกว่านี้นั้น ฝาเตาหลอมพลันสั่นสะท้านเบาๆ และเริ่มพ่นไอสีขาวออกมา

“คงพอประมาณแล้ว อีกประเดี๋ยวข้าจะเปิดเตาหลอม เจ้าใช้พลังเวททั้งหมดปล่อยปราณกระบี่ออกมาได้มากเท่าใด ก็ปล่อยออกมาให้หมดเถอะ” จงอี้เห็นเช่นนี้ก็กล่าวด้วยตาที่เป็นประกาย

หลิ่วหมิงย่อมพยักหน้าตอบรับ และสะบัดแขนเสื้อนำกระบี่เล็กสีเขียวออกมา หลังจากทำท่ามือเคล็ดกระบี่แล้ว เงากระบี่จำนวนมากก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า

จงอี้เห็นเช่นนี้ก็พยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็โบกสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง ทำให้ฝาเตาหลอมค่อยๆ ลอยขึ้นมาหนึ่งฉื่อกว่าๆ

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็หยุดทำท่าเคล็ดกระบี่ทันที แขนข้างที่จับกระบี่สั่นสะท้าน เงากระบี่จำนวนมากกลายเป็นปราณกระบี่พุ่งเข้าไปในเตาหลอม

ขณะที่ปราณกระบี่ทะลักเข้าไปนั้น พลันมีเสียงปราณกระบี่พุ่งไปมาในเตาหลอมเบาๆ จนแทบจะไม่ได้ยิน

หลังจากทำเช่นนี้ต่อเนื่องจนเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป จงอี้ก็ตะโกนออกมาเบาๆ “หยุด!” จากนั้นหลิ่วหมิงถึงหยุดการปล่อยปราณกระบี่

“ทำได้ดีมาก เจ้าไปพักผ่อนสักครู่ก่อนเถิด!” จงอี้กล่าวชมไปหนึ่งประโยค และโบกแขนเสื้อปิดฝาเตาหลอมลงอีกครั้ง จากนั้นก็หลับตาทั้งคู่ลง และรอคอยอย่างเงียบๆ

ผ่านไปราวๆ สองชั่วยาม มีเสียงดัง “ตู๊ม!” มาจากด้านในเตาหลอม ขณะเดียวกันกลิ่นไหม้อย่างรุนแรงก็โชยไปทั่วกระท่อม

“ดูท่าคงจะล้มเหลวแล้ว”

จงอี้ส่ายหน้าเบาๆ จากนั้นก็ทำท่ามือเปิดฝาเตาหลอมออกมา พอโบกมือข้างหนึ่ง วัตถุสีดำที่มีเปลวไฟสามสีห่อหุ้มอยู่ก็พุ่งออกมา และร่วงลงบนฝ่ามือของเขา

เขากวาดสายตาดูแค่ทีเดียว ก็โยนทิ้งไปด้านข้าง จากนั้นก็นำยันต์เก็บของสามผืนมาขยี้จนแตกกระจาย และนำวัตถุดิบกองหนึ่งใส่เข้าไปในเตาหลอมยักษ์อีกครั้ง เปลวไฟตรงก้นเตาหลอมเริ่มปรุงโอสถเป็นครั้งที่สอง

และหลิ่วหมิงย่อมรอคอยอย่างเงียบๆ ไปพร้อมกัน ด้านหนึ่งฟื้นฟูพลังเวท ด้านหนึ่งก็สังเกตการเปลี่ยนแปลงภายในเตาหลอมอยู่ตลอดเวลา

จนเวลาผ่านไปสามวันครึ่ง พลันมีเสียงดัง “ตู๊ม!” มาจากด้านในเตาหลอมอีกครั้ง กลิ่นไหม้โชยออกมา การปรุงโอสถในครั้งที่สองยังคงล้มเหลวเช่นเดิม

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็แบะปากอย่างอดไม่ได้!

คิดไม่ถึงว่าโอสถประลองกระบี่จะปรุงยากขนาดนี้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถระดับดาราพยากรณ์ยังล้มเหลวติดต่อกันถึงสองครั้ง อัตราการปรุงโอสถสำเร็จต่ำจนยากจะรู้ได้ และวัตถุดิบที่ใช้ปรุงโอสถเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตาม เกรงว่าคงเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในโลกภายนอกอย่างแน่นอน

แต่จงอี้ยังคงขยี้ยันต์อีกสามผืนด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก และเริ่มปรุงโอสถครั้งที่สาม

หลายวันผ่านไป ขณะที่ฝาเตาหลอมสั่นสะท้านเบาๆ นั้น หลิ่วหมิงก็ถือโอกาสกระตุ้นเคล็ดกระบี่ปล่อยปราณกระบี่สีเขียวเข้าไปในเตาหลอมสามอัคคีโดยฉับพลัน

หลังจากจงอี้ปิดฝาเตาหลอมลง จนเวลาผ่านไปสองชั่วยาม ก็มีเสียงดังระเบิดดังขึ้นเบาๆ ภายในเตาหลอม “ปังๆ!” และเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานานหนึ่งมื้อข้าว

ขณะที่หลิ่วหมิงรู้สึกงงงวยนั้น เปลวไฟสามสีกลับพุ่งออกจากช่องว่างระหว่างฝาเตาหลอม

“สำเร็จแล้ว!”

จงอี้เห็นเช่นนี้ก็เผยสีหน้าดีใจออกมา พอยกมือข้างหนึ่งปล่อยพลังออกไป เตาหลอมก็ค่อยๆ ขยับออก แสงทรงกลดสีขาวเงินเปล่งประกายออกมา ขณะเดียวกันปรานกระบี่ก็ทะยานออกจากเตาหลอม

ขณะนั้นเอง จิตวิญญาณตัวอ่อนกระบี่ในร่างหลิ่วหมิง ก็สั่นสะเทือนเบาๆ อยู่ไม่หยุด ราวกับรับรู้อะไรบางอย่างได้

หลิ่วหมิงรีบทำท่ามือด้วยความตกใจ จากนั้นมันถึงถูกควบคุมไว้ได้

ขณะนี้จงอี้ถึงหยุดทำท่ามือ พอโบกมือข้างหนึ่งออกไป โอสถขนาดเท่าหัวแม่มือสามเม็ดที่ถูกเปลวไฟสามสีห้อหุ้มอยู่ ก็ค่อยๆ พุ่งออกจากเตาหลอม และหล่นลงในมือของเขา

เขาใช้นิ้วคีบมันขึ้นมาหนึ่งเม็ด และสังเกตดูอย่างละเอียด

พอมองทะลุเปลวไฟสามสีไป จะเห็นโอสถสีขาวเงินเม็ดหนึ่งปรากฏอยู่ในนั้นอย่างชัดเจน และบนผิวของมันก็มีลายโอสถสีทองจางๆ ประทับอยู่หนึ่งเส้น

ขณะที่หลิ่วหมิงมองเห็นโอสถสีขาวเงินที่ถูกเปลวไฟห่อหุ้มอยู่นี้ เขาก็รู้สึกตกใจอย่างอดไม่ได้

โอสถประลองกระบี่ที่กล่าวถึง กลิ่นไอภายนอกดูคล้ายกับโอสถที่เขาได้มาจากแดนอบอ้าวในตอนนั้นมาก

ออกจากหอคุมกฎไปแล้ว เขาก็ไม่ได้กลับไปยังถ้ำที่พัก แต่กลับขี่เมฆไปที่หอเก็บคัมภีร์แทน

ครั้งนี้เขาไม่ได้พบกับศิษย์ดำเนินการแซ่หลี่ว์ผู้นั้น ผู้ที่อยู่เวรกลายเป็นชายฉกรรจ์ตาโต คิ้วเข้มผู้หนึ่ง

หลังจากทักทายคนผู้นี้แล้ว หลิ่วหมิงก็ตรงขึ้นไปบนชั้นสาม และพุ่งไปยังคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับโอสถทันที

หลังจากค้นหาข้อมูลไปหนึ่งรอบ ในที่สุดเขาก็ค้นพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับโอสถประลองกระบี่จากคัมภีร์เก่าๆ เล่มหนึ่ง

ที่แท้โอสถประลองกระบี่ก็เป็นตำราปรุงโอสถในสมัยบรรพกาล วัตถุดิบที่ใช้ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง และส่วนมากยังเป็นวัตถุดิบจิตวิญญาณที่หายสาบสูญไปแล้ว

ตามบันทึกในคัมภีร์ แม้แต่ในสมัยบรรพกาลก็มีคนปรุงโอสถชนิดนี้ได้น้อยมาก มาจนถึงตอนนี้ก็เกือบหายสาบสูญไปแล้ว มีเพียงแค่นิกายระดับนิกายยอดบริสุทธิ์ และผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถระดับดาราพยากรณ์อย่างจงอี้เท่านั้น ที่มีกำลังรวบรวมมาได้ครบถ้วน และใช้สมบัติฟ้าดินบางส่วนที่สะสมมาหลายปี ถึงปรุงออกมาได้

แต่ว่าสำหรับผู้ฝึกฝนกระบี่แล้ว โอสถประลองกระบี่นี้ เป็นสมบัติที่หายากจริงๆ

หากไม่มีโอสถนี้ล่ะก็ ผู้ฝึกฝนกระบี่โดยทั่วไปที่อยากจะให้กระบี่บินพลังจิตวิญญาณกลายสภาพเป็นลูกกลอนกระบี่ ไม่เพียงแต่ต้องการโอกาสดีๆ เท่านั้น ยังยากลำบากและอันตรายเป็นอย่างยิ่ง มีน้อยกว่าหนึ่งในร้อยที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

แต่ว่าโอสถประลองกระบี่ยิ่งมีน้อย หลิ่วหมิงก็ยิ่งรู้สึกใจเต้นมากขึ้น

จากนั้นเขาก็รีบหาคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับวิหารวิญญาณกระบี่อย่างรีบร้อน หลังจากใช้เวลาไปครึ่งค่อนวัน ก็พบเจอบันทึกไม่กี่ประโยคในคัมภีร์หนังสีดำบางๆ ที่ดูไม่เตะตาเล่มหนึ่ง

ที่แท้วิหารวิญญาณกระบี่เกิดจากการระเบิดตัวของกระบี่บินเชื่อมจิตวิญญาณหลังจากผู้ฝึกฝนกระบี่ท่านหนึ่งเสียชีวิต ซึ่งหลังจากกระบี่บินระเบิดออกมา ไอกระบี่นับไม่ถ้วนก็ปกคลุมเต็มที่พักของเขา และก่อตัวเป็นวิหารลับแห่งหนึ่ง

สุดท้ายวิหารลับแห่งนี้ก็ถูกพบโดยบรรพบุรุษของนิกายยอดบริสุทธิ์ และใช้พลังมหัศจรรย์นำกลับมาไว้ในเทือกเขาหมื่นวิญญาณ จะได้ให้ศิษย์ที่ฝึกฝนกระบี่ในนิกายได้ใช้ฝึกฝน

ตอนแรกศิษย์ในนิกายที่ฝึกฝนกระบี่ต่างก็สามารถใช้ได้ทั้งหมด แต่หลังจากค้นพบว่าวิญญาณกระบี่ในวิหารหมดเร็วเกินไป จึงให้ใช้เฉพาะศิษย์สายใน ต่อมาก็มีแต่ศิษย์ลับเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้

แต่ในเมื่อตอนนี้หลิ่วหมิงได้รับอนุญาตจากผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์แล้ว ย่อมสามารถแหกกฎเกณฑ์เข้าไปได้หนึ่งครั้ง

………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา