ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 653

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 653 โอสถประลองกระบี่
ตอนที่ 653 โอสถประลองกระบี่
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลิ่วหมิงหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องปรุงโอสถ หลังจากรอคอยอย่างเงียบๆ สองชั่วยาม ก็ปรุงโอสถแฝงจิตวิญญาณระดับกลางออกมาได้หลายเม็ด ขณะที่เก็บเตาหลอมลิ่วเสินเข้าไปนั้น ในสมองยังคงเต็มไปด้วยคำพูดที่กล่าวถึงผู้อาวุโสระดับสูง

ผู้อาวุโสระดับสูงที่กล่าวถึง แตกต่างจากผู้อาวุโสดำเนินการโดยทั่วไปและผู้อาวุโสแต่ละยอดเขา เกณฑ์เดียวที่สามารถเข้าสู่ระดับนั้นได้ก็คือ มีการฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์แล้ว

ในนิกายยอดบริสุทธิ์ ไม่ว่าแต่เดิมจะมีสถานะเช่นไร แต่เพียงแค่เข้าสู่ระดับดาราพยากรณ์ได้ ก็จะกลายเป็นผู้อาวุโสระดับสูงของนิกายทันที มีสิทธิ์ได้รับทรัพยากรในนิกายจำนวนมากเกินกว่าจะนึกถึงได้ และกลายเป็นเสาเอกที่แท้จริงของนิกายยอดบริสุทธิ์

ตามที่หลิ่วหมิงทราบมา แม้ว่านิกายยอดบริสุทธิ์จะเป็นหนึ่งในสี่ยอดนิกายใหญ่ แต่ผู้อาวุโสระดับสูงระดับดาราพยากรณ์ก็มีแค่สิบกว่าคนเท่านั้น

ฝูจื่อที่เขาพบเจอในวังหลีเหอในก่อนหน้า ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ผู้อาวุโสระดับสูงในนิกายยอดบริสุทธิ์เหล่านี้ สามารถบดขยี้การดำรงอยู่ของนิกายธรรมดาได้อย่างง่ายดายในชั่วพริบตาเดียว

แม้เขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดผู้อาวุโสระดับสูงท่านนี้ถึงต้องการศิษย์ที่รู้สายกระบี่และโอสถอย่างกะทันหัน แต่ในเมื่อมอบแต้มคุณูปการให้สองแสนแต้มกับคุณงามความดีเป็นการตอบแทน คิดว่าเรื่องนี้สำคัญกับผู้แข็งแกร่งระดับดาราพยากรณ์ผู้นี้มาก

ดูท่าการไปในครั้งนี้ เขาจะต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ต้องทำให้ผู้อาวุโสระดับสูงผู้นี้พอใจถึงจะได้

พอหลิ่วหมิงนึกถึงจุดนี้ ก็รีบออกจากห้องปรุงโอสถ และไปนอนในห้องนอนเป็นการใหญ่ในทันที เพื่อเรื่องในวันพรุ่งนี้แล้ว เขาจะต้องพักผ่อนให้มากๆ

เช้าตรู่วันที่สอง หลิ่วหมิงออกจากถ้ำที่พักด้วยจิตใจที่สดชื่นแจ่มใส จากนั้นก็ขี่เมฆพุ่งไปทางหอคุมกฎ

ครึ่งชั่วยามต่อมา เมฆดำก่อนหนึ่งก็ร่อนลงบนยอดเขาที่เป็นที่ตั้งของหอคุมกฎ พอเขาเข้าไปในประตูใหญ่ของหอ รองหัวหน้าเจ้าผู้นั้นก็ได้รออยู่ที่นั่นแล้ว

“ดี! ในที่สุดเจ้าก็มา ตามข้ามาเถอะ!”

พอรองหัวหน้าเจ้าผู้นี้เห็นหลิ่วหมิง เขาก็แสดงสีหน้าดีใจออกมา หลังจากโบกมือให้แล้ว ก็หมุนตัวเดินนำไป

หลิ่วหมิงย่อมพูดตอบรับ และเดินตามไป

ทั้งสองเดินตามกันไม่นาน ก็มาถึงห้องหลังหนึ่งที่อยู่ด้านหลังหอคุมกฎ

สถานที่แห่งนี้มีค่ายกลส่งตัวขนาดต่างๆ อยู่สิบกว่าหลัง และแต่ละหลังต่างก็มีชั้นจำกัดม่านแสงที่มีสีแตกต่างกัน

ก่อนหน้านั้นที่เขามาหอคุมกฎ ก็เคยชำเลืองมองสถานที่แห่งนี้อย่างไม่ตั้งใจ ส่วนค่ายกลเหล่านี้จะส่งตัวไปที่ใดนั้น เขากลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อย

ไม่รอให้หลิ่วหมิงได้เอ่ยปากถามอะไร รองหัวหน้าเจ้าผู้นี้ก็ยื่นยันต์สีทองให้หลิ่วหมิงผืนหนึ่ง จากนั้นก็ชี้นิ้วไปยังค่ายกลบางแห่งก่อนกล่าวออกมา

“มองเห็นค่ายกลสีเขียวอ่อนหลังนั้นไหม นี่คือยันต์ส่งตัว เจ้าเพียงแค่ถือยันต์นี้เข้าไปในค่ายกล ก็จะถูกส่งไปยังที่พักของผู้อาวุโสระดับสูงผู้นี้”

“ทราบ! อาจารย์อาเจ้า” หลิ่วหมิงยื่นมือรับยันต์มา และกล่าวขอบคุณอย่างนอบน้อม

จากนั้นก็ถือยันต์สีทองเดินเข้าไปใกล้ค่ายกล พอกระตุ้นพลังเวท แสงสีทองลำหนึ่งก็พุ่งออกจากยันต์ส่งตัว และกะพริบจมหายไปในขอบค่ายกลส่งตัว

ทันใดนั้น ค่ายกลก็ส่งเสียงดังหวึ่งๆ หลิ่วหมิงรู้สึกเพียงแค่ว่ามีแสงสีเขียวเปล่งประกายตรงหน้า อากาศรอบด้านสั่นสะเทือนเบาๆ จากนั้นก็เริ่มพร่ามัว

ครู่ต่อมา พลัยมีเสียงดัง “ตู๊ม!” ข้างหู

เมื่อเขามองเห็นทุกสิ่งที่อยู่รอบด้านชัดเจนอีกครั้ง ก็มาปรากฏตัวในพื้นที่เขียวชอุ่มขนาดเล็กแล้ว

พื้นที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่มีขนาดราวๆ สิบกว่าหมู่ พอมองออกไปรอบด้านล้วนเป็นกำแพงหมอกสีเขียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดสถานที่แห่งนี้ถึงสว่างเป็นพิเศษ

หลังจากหลิ่วหมิงเพ่งสายตามอง ก็มองเห็นกระท่อมธรรมดาๆ หลายหลังกับศาลาไม้หลังหนึ่งอยู่ไม่ไกล ด้านข้างของกระท่อมเป็นแปลงสมุนไพรขนาดหลายหมู่ ในนั้นปลูกสมุนไพรจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณหลายชนิด

พอมองออกไป เขาก็ค้นพบว่าในนั้นมีสมุนไพรจิตวิญญาณที่มีชื่อว่าหญ้าดึงวิญญาณอยู่ด้วย ในงานประมูลครั้งหนึ่งในก่อนหน้านั้น ต้นหนึ่งที่มีอายุสามร้อยปีก็ถูกประมูลออกไปในราคาเกือบหนึ่งล้านหินจิตวิญญาณ

แม้เขาจะไม่รู้จักพืชสมุนไพรจิตวิญญาณตัวอื่นๆ แต่คิดว่ามันคงมีคุณสมบัติไม่ธรรมดา ล้วนเป็นพืชจิตวิญญาณล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่งในโลกภายนอก

นอกจากพืชสมุนไพรจิตวิญญาณเหล่านี้แล้ว ยังมีวิหคจิตวิญญาณหลายตัวเกาะอยู่ด้านข้าง แต่ละตัวล้วนมีกลิ่นไอไม่ธรรมดา นกยูงห้าสีตัวหนึ่งหันคอเรียวยาวมามองหลิ่วหมิง ทำให้เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

ขณะนั้นเอง พลันมีเสียงดัง “แอ๊ด!” มาจากกระท่อมหลังหนึ่ง และผู้อาวุโสสองคนก็เดินออกมา

ทั้งสองต่างก็ดูมีอายุราวๆ ห้าสิบหกสิบปี หนึ่งในนั้นสวมชุดคลุมสีขาว ผมขาวหน้าแดงมีเลือดฝาด ส่วนอีกคนก็สวมชุดคลุมสีแดงทั้งตัว หน้าตาธรรมดา ผมขาวยุ่งเหยิงเต็มศีรษะ แต่ดวงตากลับเป็นสีฟ้าอ่อนๆ

พอหลิ่วหมิงกวาดจิตออกไป ก็ไม่อาจรับรู้ระดับการฝึกฝนของทั้งสองได้ ประจักษ์ชัดว่าต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งเหนือกว่าระดับแก่นแท้แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา