หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็ส่งข่าวบอกอินจิ่วหลิงที่เป็นอาจารย์ของเขาว่า ตนเองจำต้องไปจากนิกายเป็นเวลานาน เพราะทำภารกิจสะสมแต้มคุณูปการ จากนั้นก็เขาออกไปจากเทือกเขาหมื่นวิญญาณโดยใช้ค่ายกลส่งตัวของนิกาย
เป้าหมายแท้จริงของการออกไปข้างนอกในครั้งนี้ ก็เพื่อแสวงหาวัตถุดิบหลักในการปรุงโอสถแฝงจิตวิญญาณ ที่รับภารกิจระยะยาวนั้นเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อออกไปข้างนอกเท่านั้น
หลังจากเข้าสู่ระดับผลึกแล้ว พลังของโอสถผลึกเย็นไม่เพียงพอสำหรับการฝึกฝนของเขาอีกต่อไป มีเพียงแค่วิธีการปรุงโอสถแฝงจิตวิญญาณออกมาจำนวนมาก ถึงจะเพิ่มพลังเวทได้อย่างรวดเร็ว
ของเหลวห้าแสงที่เป็นวัตถุดิบหลักของโอสถแฝงจิตวิญญาณ เป็นผลิตผลพิเศษในพื้นที่วุ่นวายทางตอนใต้สุดของแผ่นดินจงเทียน ไม่เพียงแต่อยู่ห่างจากเทือกเขาจิตวิญญาณมาก ทั้งยังเป็นพื้นที่ที่เผ่าภูติผีผลุดๆ โผล่ๆ อยู่บ่อยๆ
แม้แต่ความสามารถของหลิ่วหมิงในตอนนี้ หากไปสถานที่แห่งนี้ล่ะก็ ต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ศิษย์สี่ยอดนิกายใหญ่เสียชีวิตในพื้นที่ป่าเถื่อนทางตอนใต้ไม่น้อย
หลังจากหลิ่วหมิงไปจากเทือกเขาหมื่นวิญญาณแล้ว ก็เดินทางผ่านค่ายกลส่งตัวหรือไม่ก็เหินเวหามุ่งหน้าไปทางใต้อยู่ไม่หยุด
……
สามเดือนต่อมา มีแสงสีทองจางๆ กะพริบออกจากบึงน้ำที่มีไอหมอกแผ่คลุม และร่วงลงบนกิ่งของต้นไม้โบราณที่สูงระฟ้าต้นหนึ่ง
พอแสงสีทองดับลง ก็เผยให้เห็นชายหนุ่มชุดเขียวรูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่ง เขาก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง
ขณะเดียวกัน พลันมีเสียงคำรามมาจากไอหมอกด้านหลังของเขา จากนั้นลมที่ปนไปด้วยกลิ่นคาวก็พัดเข้ามา อสรพิษสีเขียวขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกะพริบออกมา มันมีขนาดยาวสิบกว่าจั้ง และพุ่งตรงเข้าหาหลิ่วหมิงอย่างโหดเหี้ยม
หลิ่วหมิงที่ยืนอยู่บนกิ่งไม้ สะบัดแขนเสื้อในทันที ทันใดนั้นไหมสีทองก็กะพริบผ่านไป
“โครม!” หัวอสรพิษสีเขียวถูกตัดออกมา ร่างขนาดมหึมาร่วงลงกลางอากาศ โลหิตสีแดงสาดลงพื้นทำให้พื้นใต้ต้นไม้กว่าครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีแดง
“ตู๊ม!” เกิดเสียงดังสนั่น โคลนในบึงสาดกระเด็นไปทั่วทิศ
ขณะนี้ หลิ่วหมิงถึงกวาดสายตามองด้านล่างด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นก็หายวับไปอยู่ข้างศพอสรพิษยักษ์ และนำผลึกโปร่งใสกลมๆ ออกมา ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาและโบกมืออีกครั้ง
หมอกสีเขียวกลมๆ ลอยออกจากหัวอสรพิษยักษ์ และถูกนำเข้าไปในผลึกกลมๆ
ขณะนี้ผลึกกลมๆ กลางอากาศ มีหมอกสีเขียวที่มีลักษณะคล้ายกันลอยออกมาสิบกว่าลูก
หลิ่วหมิงเก็บผลึกกลมๆ ในมือเข้าไป จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง และทะยานขึ้นฟ้าทันที พริบตาเดียวก็พุ่งออกไปไกลๆ
…….
ครึ่งปีต่อมา ท่ามกลางทะเลทรายสีแดงที่ร้อนผะผ่าว และมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
อสูรจิตวิญญาณสิบกว่าตัวที่ดูคล้ายอูฐกำลังยืนเรียงเป็นแถว และกำลังเดินไปท่ามกลางทะเลทรายอย่างยากลำบาก
อูฐแต่ละตัวต่างก็มีคนนั่งอยู่หนึ่งคน ซึ่งสวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว เผยให้เห็นแค่ลูกกะตาเท่านั้น
หนึ่งในนั้นมีแสงแวววาวที่ดูแหลมคมในดวงตาของเขา ดูเหมือนว่ากำลังระแวดระวังภัยอยู่ตลอดเวลา เขาก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง
ท่ามกลางทะเลทรายสีแดงในขณะนี้ มีพายุพัดอย่างรุนแรง จนก่อเกิดเป็นคลื่นความร้อนผสมปนเปมากับพายุทะเลทราย พออูฐจิตวิญญาณเผชิญหน้ากับพายุทะเลทรายระดับนี้ แสงสีแดงก็เปล่งประกายบนตัวมัน และเดินต้านทานแรงพายุด้วยความยากลำบาก
ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงพลันเงยหน้าขึ้นมา ส่วนมือก็กำบังเหียนไว้แน่น สายตามองไปยังด้านข้าง
คนทั้งสิบก็เหมือนจะมีระดับการฝึกฝนที่ไม่ธรรมดา ครู่เดียวก็ค่อยๆ พากันมองไปยังทิศทางเดียวกันด้วยความรู้สึกระแวดระวัง
ฉากน่าประหลาดใจได้บังเกิดขึ้นแล้ว!
ท่ามกลางทะเลทรายสีแดงที่อยู่ด้านข้าง พลันมีพายุฝุ่นปกคลุมเต็มฟ้า ดูคล้ายกำแพงทรายที่ประชิดเข้าหาพวกเขา ไม่นานก็อยู่ห่างจากพวกเขาแค่สิบกว่าจั้ง
จากนั้นก็มีเสียง “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางกำแพงทราย มีหนูยักษ์สีเทากระโดดออกมาจำนวนมาก และมันก็อ้าปากกระโจนเข้าหาฝูงอูฐ
หนูสีเทาเหล่านี้มีขนาดพอๆ กับละมั่ง มีฟันแหลมคมสีขาวเต็มปาก ราวกับว่าจะกลืนกินทุกคนเข้าไป
“ระวัง นี่คือหนูกัดศิลา!” กลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้าส่งเสียงตะโกนออกมา
และผู้คนที่นั่งอยู่บนอูฐจิตวิญญาณ ก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวกับการถูกโจมตีอย่างกะทันหันนี้ สามารถพูดได้ว่าหนูกัดศิลาเป็นปีศาจอสูรระดับต่ำที่พบเจอได้บ่อยที่สุด ผู้คนที่สัญจรไปมาบ่อยๆ ย่อมพบเห็นจนเคยชิน
ครู่ต่อมา แสงสิบกว่าลำก็เปล่งประกายออกจากฝูงอูฐ และพุ่งเข้าไปในฝูงหนูสีเทาท่ามกลางเสียงลมพายุ
หนูกัดศิลาเป็นแค่ปีศาจอสูรระดับของเหลวชนิดหนึ่ง และในกลุ่มคนเหล่านี้รวมถึงหลิ่วหมิงด้วย ก็มีผู้ฝึกฝนระดับผลึกอยู่สามคน คนอื่นๆ ต่างก็เป็นผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นกลางจนถึงขั้นปลาย มิเช่นนั้นคงไม่กล้าเดินทางในสถานที่ที่มีชื่อเสียงดุร้ายเช่นนี้
แต่ในขณะที่ฝูงหนูสีเทาเหล่านี้กระโจนเข้ามายังไม่ถึงตัวหลิ่วหมิง และคนอื่นๆ นั้น ก็ถูกสกัดไปกว่าครึ่งหนึ่ง
ภายใต้การเคลื่อนไหวนิ้วทั้งสิบของหลิ่วหมิง ปราณกระบี่สีทองก็พุ่งออกไปติดต่อกัน และร่วงลงในฝูงหนูราวกับสายฝน ทันใดนั้นหนูยักษ์สิบกว่าตัวก็ถูกปั่นจนเป็นเนื้อเหลว
หนูกัดศิลาที่เหลือส่งเสียงร้องแหลม ทันใดนั้น มันก็หมุนตัวพุ่งหนีไปอีกทิศทางทันที
หลังจากที่อสูรจิตวิญญาณเหล่านี้แตกสลายไป กำแพงทรายที่โหมซัดสาดเข้ามา ก็แตกกระจายกลายเป็นฝุ่นทรายปกคลุมเต็มฟ้า
สำหรับปีศาจอสูรขั้นต่ำเหล่านี้ ย่อมไม่มีใครอยากจะไล่ล่ามัน หลังจากฝูงอูฐหยุดอยู่พักหนึ่งแล้ว เขาก็เดินหน้าไปต่อ
หลิ่วหมิงตามคนเหล่านี้ไปอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าสงบ
……
ผ่านไปครึ่งปีกว่า ขอบพื้นที่บริเวณทางใต้ของแผ่นดินจงเทียน หลิ่วหมิงกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเรือหยกจันทรา ชุดคลุมสีเขียวโบกสะบัดตามลม และพุ่งผ่านท่ามกลางทะเลหมอกสีเขียวขจีแห่งหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา