“การฝึกฝนของพวกเจ้าต่ำเช่นนี้ ไม่มีระดับผลึกเลยแม้แต่คนเดียว ไม่กลัวจะเผชิญกับเรื่องที่คาดไม่ถึงหรือ?” หลิ่วหมิงสังเกตดูคนเหล่านี้ทีหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยๆ กล่าวออกมา
“ผู้อาวุโสมาตลาดเหมียวจงเป็นครั้งแรก อาจจะไม่รู้สถานการณ์ในสถานที่แห่งนี้ พวกข้าเป็นศิษย์นิกายโคสวรรค์ที่อยู่บริเวณตลาดเหมียวจง รับคำสั่งจากอาจารย์ให้มามอบของเซ่นไหว้ ไม่ว่าจะเป็นเผ่าหมาน หรือเผ่าปีศาจต่างก็ไม่มีใครเข้ามายุ่ง” ชายหนุ่มชุดขาวรีบตอบกลับไป
“มอบของ? พวกเจ้ามอบของเซ่นไหว้ให้ใครกัน?” หลิ่วหมิงถามต่อด้วยแววตาที่เป็นประกาย
“ผู้อาวุโสไม่รู้อะไร ตลาดเหมียวอยู่ภายใต้การปกครองของฝ่ายชิงหมานในเผ่าหมาน แต่ผู้ที่ฝ่ายชิงหมานมอบของเซ่นไหว้ให้ก็คือปีศาจวายุหมัวเจี๋ยที่เป็นหนึ่งในสามผู้แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจในดินแดนป่าเถื่อนทางใต้ ว่ากันว่าท่านหมัวจี๋ได้เข้าใกล้ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์แล้ว ทั่วทั้งดินแดนทางตอนใต้ยังไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับผู้ใดเลย” ชายหนุ่มชุดขาวรีบอธิบายออกมา
“สามผู้แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจ ก่อนหน้านั้นข้าก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่เรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจวายุที่เป็นรูปธรรมนี้ กลับไม่ค่อยเข้าใจอย่างชัดแจ้ง” หลิ่วหมิงได้ยินก็กล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ผู้อาวุโส ปีศาจวายุไม่จัดอยู่ในกลุ่มอิทธิพลของเผ่าปีศาจในดินแดนป่าเถื่อนทางตอนใต้ เป็นแค่ผู้ฝึกฝนอิสระเท่านั้น แต่กลับอาศัยชื่อเสียงอันโด่งดังทำให้เผ่าหมานจำนวนไม่น้อยในแดนใต้มอบของเซ่นไหว้ให้ หากมนุษย์ผู้ฝึกฝนอย่างพวกเราอยากจะยืนมั่นในบริเวณเทือกเขาจูหลง ก็ได้แต่มอบของจำนวนหนึ่งให้อยู่เสมอๆ ถึงไม่ถูกรังแกและกดขี่จากผู้ฝึกฝนเผ่าหมาน” ชายหนุ่มชุดขาวกล่าวอย่างนอบน้อม
“อ๋อ? ในเมื่อเป็นผู้ฝึกฝนอิสระ ต่อให้จะได้รับของเซ่นไหว้ แต่ทำไมถึงมีเวลาสนใจเรื่องของดินแดนทางใต้ล่ะ” หลิ่วหมิงขมวดคิ้วขึ้นมา
“ผู้อาวุโสไม่รู้อะไร ท่านหมัวจี๋ย่อมไม่มีเวลาสนใจเรื่องของสถานที่แห่งนี้ แต่ผู้ที่ประจำการอยู่ฝ่ายชิงหมานเป็นศิษย์สายตรงผู้หนึ่ง และกลุ่มอิทธิพลอื่นในแดนใต้ก็จะไม่ไปยุแหย่เผ่าที่มอบของเซ่นไหว้ให้ปีศาจวายุเหล่านี้ และยอมรับเป็นกลุ่มอิทธิพลเดียวกับเขาโดยปริยาย เพียงแต่เผ่าที่มอบของเช่นไหว้ให้ปีศาจวายุเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่เดียวกัน แต่กลับกระจัดกระจายไปทั่วส่วนต่างๆ ของแดนใต้” ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวกล่าวอย่างละเอียด
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เอาล่ะ! พวกเจ้าไปได้แล้ว” หลิ่วหมิงฟังจบถึงรู้สึกวางใจขึ้นมา
ในเมื่อตลาดเหมียวจงแห่งนี้มีปีศาจวายุผู้แข็งแกร่งอย่างหมัวจี๋เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง คงไม่มีคนกล้าหาเรื่องในนี้อย่างแน่นอน เช่นนี้หากเขาปะปนอยู่ในนั้น ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นมากเกินไป
ชายหนุ่มชุดขาวฟังคำพูดของหลิ่วหมิงแล้ว ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมามาก จากนั้นก็คารวะอย่างนอบน้อมอีกครั้ง และพาคนอื่นๆ กระโดดขึ้นหลังอสูรจิตวิญญาณก่อนทะยานฟ้าจากไป
หลิ่วหมิงกลับมีแสงสีทองเปล่งประกายรอบตัว จากนั้นก็กลายเป็นแสงหลบหลีกพุ่งไปยังเมืองที่อยู่ไกลๆ
ไม่นาน หลิ่วหมิงก็ร่อนลงตรงทางเข้าด้านหนึ่งของตลาดเหมียวจง และเดินยักย้ายส่ายสะโพกเข้าไปท่ามกลางคนเผ่าหมาน
เทียบกับความเจริญรุ่งเรืองของตลาดในนิกายยอดบริสุทธิ์แล้ว ตลาดเหมียวจงแห่งนี้ไม่มีอะไรที่เทียบไม่ได้ พอเขาเดินมาถึงบนถนน ก็ได้ยินเสียงอึกทึกที่ดังมาจากด้านในอย่างไม่ขาดสาย เผ่าปีศาจกับเผ่าหมานที่สวมเสื้อผ้าแบบต่างๆ และผู้ฝึกฝนที่ดูจากการแต่งกายก็รู้ว่ามาจากข้างนอก กำลังเข้าออกร้านค้าบริเวณนั้นอย่างไม่ขาดสาย ดูเหมือนจะคึกคักเป็นอย่างยิ่ง
ในตลาดที่หลิ่วหมิงเคยเห็นในก่อนหน้านั้น มีแค่ตลาดเมืองจันทราสายน้ำเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้
เพราะในตลาดระดับนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกฝนทั้งหมด แต่ส่วนมากกลับเป็นคนธรรมดา
เขาใช้ห้าร้อยหินจิตวิญญาณซื้อแผนที่ตลาดเหมียวจงจากผู้ขายตรงปากทางเข้ามาชุดหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปในส่วนลึกของตลาด
ในตลาดเหมียวจงก็เต็มไปด้วยร้านหลอมอาวุธ ร้านโอสถต่างๆ เหมือนกับตลาดอื่นๆ เพียงแต่ว่าร้านค้าส่วนมากเป็นรูปแบบการก่อสร้างของเผ่าหมาน ส่วนใหญ่ใช้ไม้ขนาดใหญ่กับกิ่งไม้แห้งสร้างขึ้นมา
สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ภายนอกดูหยาบๆ แต่ข้างในกลับมีทุกอย่างครบครัน
หลิ่วหมิงเดินดูมาตลอดทางจนเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม ถึงมาถึงลานใจกลางตลาด
ทั่วทั้งลานกว้างขวางมาก มีขนาดพื้นที่หลายหมู่ ตรงกลางมีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์สูงประมาณร้อยกว่าจั้งตั้งตระหง่าน ดูเหมือนจะเป็นปีศาจก็ไม่ใช่คนก็ไม่เชิง มีแสงทรงกรดจางๆ เปล่งประกายบนพื้นผิว ดูเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ชนิดหนึ่งที่เป็นที่เคารพของชนเผ่าหมาน
และพื้นรอบด้านรูปปั้นแกะสลักมีแผงลอยของผู้ฝึกฝนอิสระจัดวางกระจัดกระจายอยู่ไม่น้อย มีคนเดินซื้อวัสดุจิตวิญญาณต่างๆ อย่างหนาแน่น มีเสียงร้องเรียกอยู่ไม่หยุด ให้ความรู้สึกของตลาดในเมืองมนุษย์ธรรมดาๆ
ข้างถนนหลายสายรอบลานกว้างมีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สูงห้าหกจั้ง ทั้งตัวสร้างโดยไม้ขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง นี่คือร้านค้าสองสามแห่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาด และด้านนอกก็เป็นร้านค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก
หลังจากหลิ่วหมิงใช้จิตกวาดดูแผนที่ในมือแล้ว ก็เลี้ยวไปทางถนนบางแห่ง ไม่นานก็เดินเข้าไปในร้านโอสถที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ซึ่งระบุไว้ในแผนที่
ชั่วเวลาครึ่งเค่อต่อมา ขณะที่เขาเดินออกจากร้านค้าด้วยสีหน้าปกตินั้น ก็ซื้อวัตถุดิบเสริมในการปรุงโอสถแฝงจิตวิญญาณมาได้จำนวนหนึ่งแล้ว และยังแอบสอบถามราคา ปริมาณ และสถานการณ์อื่นๆ ของของเหลวห้าแสงด้วย
หลิ่วหมิงนำแผนที่ออกมาดูอีกที จากนั้นก็เดินเข้าไปในร้านโอสถอีกแห่ง
เขาเดินวนในตลาดราวๆ สองชั่วยาม จากนั้นก็ตรวจสอบร้านโอสถที่แสดงบนแผนที่ไปหนึ่งรอบ
สุดท้ายก็ค้นพบว่าเทือกเขาจูหลงสมกับเป็นดินแดนผลิตน้ำผึ้งจิตวิญญาณจริงๆ มีของเหลวห้าแสงขายอยู่ไม่น้อย ดูเหมือนว่าจะมีขายทุกร้าน แต่ส่วนมากจะมีคุณภาพกลางถึงต่ำ ของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงยังคงมีอยู่ไม่มาก ระดับสุดยอดยิ่งไม่มีเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา