กล่าวจบก็หยิบถุงหินจิตวิญญาณออกจากแหวนย่อส่วน และโยนให้ชายฉกรรจ์
ชายฉกรรจ์รับหินจิตวิญญาณมาตรวจสอบดูอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากค้นพบว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแล้ว ก็รีบเก็บความดีใจไว้และกล่าวออกมา
“ไม่มีปัญหา หากภายหน้ามีของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงอีก ร้านเราจะเก็บไว้ให้สหายอย่างแน่นอน ใช่สิ! ยังไม่ทราบว่าสหายมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไรเลย?”
“ข้าแซ่เย่” หลิ่วหมิงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อเก็บขวดเล็กสีเงินทั้งห้าขวดเข้าไปในแหวนย่อส่วน
“ที่แท้ก็คือสหายเย่ นอกจากของเหลวห้าแสงแล้ว หากสหายยังมีอย่างอื่นที่ต้องการ อีก ร้านเราก็มีส่วนลดให้พิเศษเช่นกัน” ชายฉกรรจ์ลดเสียงลงเล็กน้อยแล้วกล่าวออกมา
“เถ้าแก่เกรงใจเกินไปแล้ว ตอนนี้ข้ายังไม่มีสิ่งของอย่างอื่นที่อยากจะได้ หากมีจะต้องมาซื้อที่ร้านของท่านอย่างแน่นอน ข้ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ ต้องขอตัวก่อนแล้ว” หลิ่วหมิงกล่าวคำอำลาออกมา
เวลาต่อมา หลิ่วหมิงก็เดินลงหอไปพร้อมกับเถ้าแก่วัยฉกรรจ์
พอเขาเดินออกจากร้าน ก็เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาก่อนหายไปในตรอกเล็กๆ
เขาไม่อยากให้คนอื่นรู้สถานะและที่พักของตัวเอง ดังนั้นจึงเดินวนในตลาดอีกหนึ่งชั่วยามแล้วค่อยกลับที่พัก
พอกลับถึงบ้านหลังเล็กๆ ในโรงเตี๊ยมแล้ว ก็เดินเข้าห้องลับโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และนำของเหลวห้าแสงกับวัตถุดิบเสริมอื่นๆ วางไว้บนพื้น
พอสะบัดแขนเสื้อ เตาหลอมเล็กสีเขียวสลัวๆ ก็พุ่งออกมา หลังจากหมุนตัวติ้วๆ กลางอากาศแล้ว ก็กลายเป็นเตาหลอมที่สูงสองสามจั้ง ลวดลายจิตวิญญาณหลากสีเปล่งประกายบนพื้นผิวอยู่ไม่หยุด มันคือเตาหลอมลิ่วเสินนั่นเอง
ภายในระยะเวลาสามเดือนหลังจากนี้ หลิ่วหมิงออกจากห้องลับไปครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากไปชำระค่าเช่าอีกครึ่งปีแล้ว เวลาที่เหลือล้วนตั้งใจปรุงโอสถอยู่ในห้องลับไม่ออกไปไหนเลย
การปรุงโอสถแฝงจิตวิญญาณยากกว่าการปรุงโอสถผลึกเย็นมาก ดูจากสถานการณ์ของหลิ่วหมิงในก่อนหน้า ต่อให้จะมีวัตถุดิบที่เพียงพอ ก็รับประกันอัตราความสำเร็จได้แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น และที่ปรุงออกมาก็เป็นโอสถระดับกลางทั้งหมด
สามเดือนต่อมา หลิ่วหมิงก็นำของเหลวห้าแสงทั้งหมดมาปรุงเป็นโอสถแฝงจิตวิญญาณยี่สิบกว่าเม็ด แต่ล้วนเป็นโอสถระดับกลางทั้งหมด ไม่มีโอสถระดับสูงเลยแม้แต่เม็ดเดียว
รวมกับโอสถที่ปรุงในถ้ำที่พักบนยอดเขาลั่วโยวแล้ว ตอนนี้เขามีโอสถแฝงจิตวิญญาณระดับกลางทั้งหมดสี่สิบกว่าเม็ดแล้ว
และในแหวนย่อส่วนของหลิ่วหมิงยังคงมีหินจิตวิญญาณอยู่สิบล้านกว่า ดังนั้นก็ไม่ต้องรีบขายโอสถแฝงจิตวิญญาณในมือออกไป หลังจากเขาบรรลุระดับแล้ว แม้ว่าพลังเวทจะถูกทำให้บริสุทธิ์ไปหนึ่งรอบ แต่ก็ลดลงไปมาก
ดังนั้นหลังจากคิดใคร่ครวญไปหนึ่งรอบแล้ว จึงตัดสินใจนำโอสถแฝงจิตวิญญาณเหล่านี้ออกมาทานเอง เพื่อทำระดับผลึกให้มั่นคงก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ดังนั้นเขาจึงเก็บวัตถุดิบที่เหลือกับเตาหลอมลิ่วเสินเข้าไป จากนั้นก็โยนโอสถแฝงจิตวิญญาณเข้าไปในปาก
โอสถนี้สมกับเป็นสุดยอดโอสถในการเพิ่มพลังเวทของระดับผลึก พอมันเข้าไปในปาก ก็กลายเป็นพลังจิตวิญญาณบริสุทธิ์แผ่กระจายไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว
เขาหลับตาทั้งคู่ลง หลังจากพลังจิตวิญญาณเหล่านี้ค่อยๆ ไหลผ่านแขนขาไปหลายรอบแล้ว ก็เริ่มรวมตัวกันภายในจุดตันเถียน ผลึกหนึ่งร้อยห้าสิบสามเม็ดที่ลอยอยู่ในทะเลจิตวิญญาณ เริ่มสั่นสะท้านเบาๆ และดูดซับพลังจิตวิญญาณบริสุทธิ์เหล่านี้อย่างรวดเร็ว
สองชั่วยามต่อมา หลิ่วหมิงรู้สึกสดชื่นขึ้นมา พลังเวทในร่างเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ผลลัพธ์ของโอสถแฝงจิตวิญญาณของระดับกลางนี้ เทียบเท่ากับการนั่งฝึกฝนเป็นเวลาสองถึงสามเดือนเลยทีเดียว
เวลาในหลายวันต่อมา หลิ่วหมิงทานโอสถแฝงจิตวิญญาณวันละหนึ่งเม็ด และนั่งขัดสมาธิกลั่นพลังโอสถสองชั่วยาม จากนั้นก็อาศัยพลังจิตของหนอนพลังจิตเข้าไปในแดนมายา เพิ่มประสบการณ์จริงของการใช้วิชาสายฟ้าสวรรค์และกระบี่บินว่างเปล่า
ครึ่งเดือนต่อมา หลิ่วหมิงทานโอสถเหล่านี้ไปจำนวนมาก และพลังเวทของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากการคาดการณ์ของเขา การยกระดับพลังเวทของโอสถแฝงจิตวิญญาณระดับกลางสี่สิบกว่าเม็ดนี้ พอที่จะให้เขาไม่ต้องนั่งฝึกฝนเป็นเวลานานถึงสิบปีแล้ว
หลังออกจากการเก็บตัว เขาปลอมตัวมาร้านโอสถแห่งนั้นอีกครั้ง และใช้ห้าล้านหินจิตวิญญาณซื้อของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงมาสิบห้าขวดกับวัตถุดิบเสริมอีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็กลับไปเก็บตัวฝึกฝนในโรงเตี๊ยม
ผ่านไปครึ่งปีกว่า เขาหลอมโอสถรอบที่สองออกมาได้อย่างราบรื่น ซึ่งมีทั้งหมดเจ็ดสิบกว่าเม็ด ทั้งยังปรุงโอสถแฝงจิตวิญญาณขั้นธรรมดาออกมาได้สองเม็ด แต่มีลายโอสถแค่เส้นเดียวเท่านั้น
ขณะนี้หินจิตวิญญาณในมือเขาก็เหลือแค่เจ็ดแปดล้านแล้ว หลังจากทำการสอบถามไปหนึ่งรอบ ถึงรู้ว่าขณะนี้ยังอยู่ห่างจากเวลาที่งานประมูลใหญ่จะเริ่มอีกสองปีกว่า
ดังนั้นหลิ่วหมิงจึงตัดสินใจไปจากตลาด เพื่อไปขายโอสถให้กับตลาดอื่นๆ ที่อยู่บริเวณนี้
เพราะถ้าซื้อของเหลวห้าแสงจำนวนมากในตลาดเดียวกัน และขายโอสถแฝงจิตวิญญาณออกไปด้วยล่ะก็ ทำให้มีคนจับความเชื่อมโยงได้โดยง่าย และจะนำมาซึ่งปัญหาที่ไม่ต้องการ
เจ็ดวันต่อมา ภายในตลาดขนาดกลางที่อยู่ห่างจากตลาดเหมียวจงไปหลายพันลี้ หลิ่วหมิงที่ปลอมตัวเป็นบัญฑิตสุภาพผู้หนึ่ง กำลังเดินอยู่บนถนนใหญ่เส้นหนึ่ง
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป เขาเลือกเข้าไปในร้านที่ดูไม่เตะตาแต่กลับมีขนาดใหญ่เล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะเป็นร้านโอสถที่ผู้ฝึกฝนจากภายนอกมาเปิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา