เฮยจิ่วส่งเสียงร้องออกมา ร่างกายอ่อนยวบยาบก่อนล้มลงไป แม้แต่วิญญาณที่ซ่อนอยู่ในศีรษะก็ถูกเงากระบี่บินทำลายจนหมดสิ้น
พอเงากระบี่เปล่งประกาย กระบี่เล็กสีทองก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิงอย่างน่าประหลาดใจ และส่งเสียงดังหวึ่งๆ อยู่ไม่หยุด
“เจ้าเด็กน้อย เจ้าช่างใจกล้าไม่เบา บังอาจฆ่าคนต่อหน้าข้า หากไม่อยากตายอยู่ที่นี่อย่างอนาถล่ะก็ จงสะกดพลังเวทของตนเองเสียโดยดี โอสถแฝงจิตวิญญาณที่ถูกปล่อยตามตลาดต่างๆ ในช่วงนี้ คงมาจากเจ้าสินะ ยอมรับการสะกดแต่โดยดี ข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้นในเมื่อครู่” ผู้อาวุโสร่างอ้วนเห็นฉากเช่นนี้ ก็มีแววตาเยือกเย็นขึ้นมาทันที และไม่ลงมือในฉับพลัน แต่กลับค่อยๆ กล่าวออกมา
หลิ่วหมิงนิ่งเงียบไร้ซึ่งสุ้มเสียง แต่ในใจกลับครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว
คนเหล่านี้มาเพราะโอสถแฝงจิตวิญญาณจริงๆ ด้วย และชายหนุ่มชุดฟ้าที่อยู่ด้านข้างผู้อาวุโสร่างอ้วนเขาก็พอจะจำได้อยู่บ้าง ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เขาคงจะถูกจับตามองตั้งนานแล้ว
แต่เขาไม่รู้สึกหวาดกลัวผู้อาวุโสร่างอ้วนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับระดับแก่นแท้ ต่อให้จะไม่สามารถรับมือได้ ก็ยังถอยไปได้อย่างปลอดภัย อีกอย่างพลังของระดับแก่นแท้แบ่งออกเป็นสามขั้น หกขั้น และเก้าขั้น พลังกดดันที่ผู้อาวุโสร่างอ้วนตรงหน้ามอบให้เขา เทียบกับผู้อาวุโสในนิกายยอดบริสุทธิ์ไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว
ขณะเดียวกัน ลี่หวงชายหนุ่มชุดฟ้ากลับจ้องมองรอยขาดบนร่างไร้ศีรษะของเฮยสือเอ้อร์ที่อยู่ไม่ไกล และกล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าอึมครึม
“รอยแผลแบบนี้ ดูท่าคนที่ฆ่าเฮยอู่ในปีนั้นคงจะเป็นเจ้าแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าหลิ่วหมิงไม่คิดจะตอบคำถามของเขา แต่กลับขยับปากเบาๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกระบี่เล็กสีทองตรงหน้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมา เงากระบี่สีทองขาดๆ หายๆ ก็มาปรากฏตัวอยู่ห่างจากลี่หวงไปสามจั้ง พอแสงสีทองเปล่งประกาย มันก็กลายเป็นกระบี่ยักษ์สีทองที่ยาวหนึ่งจั้งกว่าๆ และกะจะฟันให้กลายเป็นสองส่วนในทีเดียว
ในเมื่อหลบศึกในครั้งนี้ไม่พ้น หลิ่วหมิงก็ชิงลงมือก่อนอย่างเหี้ยมหาญ!
ลี่หวงกลับคิดไม่ถึงว่าหลิ่วหมิงจะกล้าลงมือเช่นนี้ ทั้งยังกะจะลงมือให้สำเร็จในทีเดียวด้วย เขาคิดจะแสดงวิชาออกมาต้านและหลบหลีก แต่ก็ไม่ทันการแล้ว
“เจ้าเด็กน้อย รนหาที่ตายหรือ!”
พอเห็นว่าลี่หวงไม่สามารถหลบหลีกได้ ผู้อาวุโสร่างอ้วนก็เผยแววตาโหดร้ายออกมา นิ้วทั้งสิบดีดออกไปในทันที แสงเย็นสะท้านอันแหลมคนสิบลำพุ่งออกไปราวกับสายฟ้าแลบ แสงห้าลำในนั้นโจมตีลงบนกระบี่ยักษ์สีทองที่ฟันลงมาพอดี และอีกห้าลำก็พุ่งเข้าใส่หลิ่วหมิง
เกิดเสียงดังตู๊ม!
แสงสีทองกับสีขาวปะทะเข้าด้วยกัน กระบี่ยักษ์สีทองสั่นสะท้านและกระเด็นกลับไป พริบตาเดียวก็ลดขนาดลงเหลือแค่สองฉื่อ
อีกด้านหนึ่ง หลิ่วหมิงแค่ขยับตัว ก็มีเงาร่างพร่ามัวเคลื่อนไหวอยู่ไม่หยุด แสงเย็นสะท้านอีกห้าลำทะลุผ่านไปโดยไม่มีสิ่งใดมาต้านทานไว้ ซึ่งล้วนพุ่งเข้าใส่แต่ความว่างเปล่า
จากนั้นพอหลิ่วหมิงกระทืบเท้าอย่างรุนแรง ก็กลายเป็นเงาร่างสามเงาพุ่งเข้าหาผู้อาวุโสร่างอ้วนพร้อมกัน
ในระหว่างสิบปีมานี้ นอกจากหลิ่วหมิงจะลำบากฝึกฝนปรุงโอสถแล้ว เขาก็ใช้เวลาไม่น้อยในการฝึกในเคล็ดวิชาต่างๆ ซึ่งวิชาเงาร่างสามส่วนของเขาในตอนนี้ สามารถแบ่งเงาร่างออกมาได้สองเงาแล้ว
“ฟู่!”
เงาร่างหนึ่งในนั้นถูกผู้อาวุโสปล่อยแสงเย็นสะท้านโจมตีจนระเบิดตัวกลายเป็นกลุ่มแสงสีดำในระหว่างทาง
เงาร่างอีกสองเงาที่เหลือกลับยังคงพุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโส
“ฮึ! กะอีแค่วิชาเงาร่างลวงตา ก็กล้านำออกมาขายหน้าตัวเองได้”
พอผู้อาวุโสร่างอ้วนเห็นว่าการโจมตีของตนเองไม่ได้ผล ก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมา หลังจากแสงสีทองเปล่งประกายในดวงตา เขาก็มองเห็นตำแหน่งร่างที่แท้จริงของหลิ่วหมิงในพริบตา พอยกแขนเสื้อขึ้น แสงสีเขียวเข้มลำหนึ่งก็พุ่งออกมา และกลายเป็นตาข่ายสีเขียวผืนหนึ่งคลุมไปยังเงาร่างทั้งสอง
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ร่างจริงของเขาขยับตัวแค่ทีเดียว ก็มาปรากฏอยู่ห่างออกไปเจ็ดแปดจั้งราวกับปีศาจ และเงาร่างอีกเงาก็ถูกตาข่ายสีเขียวคลุมไว้ หลังจากถูกรัดแน่น มันก็ระเบิดตัวเป็นจุดแสงสีดำ
ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่งโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง กระบี่สีทองที่ยังหยุดนิ่งอยู่ไกลๆ ก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที ไหมสีทองเล็กละเอียดจำนวนมากพุ่งยิงออกมา ซึ่งล้วนพุ่งไปทางลี่หวงทั้งหมด
“เจ้ายังไม่ถอยออกไปอีก!” ผู้อาวุโสร่างอ้วนเห็นเช่นนี้ ก็เข้าใจจุดประสงค์ของหลิ่วหมิงในพริบตา ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนใส่ลี่หวง ขณะเดียวกันก็หยิบไม้เท้าที่ดูเหมือนจะเป็นไม้โบราณออกมา หลังจากโยนออกไปด้านหน้า มันก็จมหายไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมา จะเห็นว่ามีดอกบัวสีเขียวแต่ละดอกปรากฏตัวตรงหน้าลี่หวง และค่อยๆ บานออกมา
“ตู๊ม!”
ไหมทองคำประสานเข้ากับแสงสีเขียว ดอกบัวสีเขียวที่อยู่ตรงหน้าสุดถูกโจมตีจนเกิดเป็นรอยจำนวนมาก และสลายตัวเป็นไอหมอกสีเขียวขนาดใหญ่ แต่ไหมกระบี่สีทองที่ดูแหลมคมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ล้วนถูกต้านท้านไว้ทั้งหมด
หลิ่วหมิงกระตุ้นเคล็ดกระบี่โดยพูดพร่ำทำเพลง
พอแสงสีทองเปล่งประกายบนอากาศทางด้านนั้น กระบี่บินก็เปล่งประกายออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็พร่ามัวกลายเป็นไหมทองคำจำนวนมาก และกำลังจะพุ่งยิงออกไปอีกครั้ง
ผู้อาวุโสร่างอ้วนทำเสียงฮึดฮัด มือของเขาทำท่ามืออย่างรวดเร็ว และร่ายคาถาออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา