และหญิงที่สวมหมวกคลุมก็เคลื่อนไหวรอบตัวปีศาจผึ้งราวกับปีศาจ ดาบแวววาวในมือโบกสะบัดอยู่ไม่หยุด ประจักชัดว่าบาดแผลส่วนมากบนตัวของมันเกิดจากฝีมือของหญิงผู้นี้
ปีศาจผึ้งถูกสองคนนี้ก่อกวนจนไม่อาจหลบเงาภูเขาที่ร่วงลงมาได้ พอมีเสียงดัง “ตู๊ม!” มันก็ถูกกระแทกจนหงายหลัง
ในช่วงโอกาสนี้ หญิงสวมหมวกคลุมที่อยู่ด้านข้างก็ตะคอกออกมา ดาบในมือกลายเป็นเงาดาบแวววาวที่ยาวหลายจั้ง และโจมตีลงบนปีกห้าสีของมัน
ปีศาจผึ้งส่งเสียงร้องแปลกประหลาด และกระพือปีกทั้งคู่ติดต่อกัน แสงห้าสีเปล่งประกายข้างตัว จากนั้นม่านแสงแวววาวก็ปรากฏอยู่รอบๆ ตัว
“ตู๊ม!”
เงาดาบแวววาวที่หญิงใส่หมวกคลุมปล่อยออกมา ทำให้เกิดรอยเว้าบนม่านแสงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่สามารถทำลายมันได้เลยแม้แต่น้อย แต่พอหญิงนางนี้สะบัดข้อมือ ดาบในมือก็กลายเป็นแสงแวววาวหลุดออกไปจากมือ
แต่พอมีเสียงดัง “ตู๊ม!” ม่านแสงห้าสีก็ถูกโจมตีจนเกิดรูขึ้นมารูหนึ่ง จากนั้นพื้นผิวทั้งหมดก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
ภายใต้การเปล่งประกายของดาบ มันก็เจาะทะลุดวงตาของปีศาจผึ้งไป ทำให้มันส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา
ขณะเดียวกัน แสงจิตวิญญาณก็เปล่งประกายข้างตัวทั้งสองด้านของปีศาจผึ้งตัวนี้ จากนั้นร่างของชายชุดเขียวกับหญิงกับหญิงสวมหมวกคลุมก็ปรากฏออกมาพร้อมกัน
พอชายชุดเขียวยกแขนเสื้อขึ้น ธงสามเหลี่ยมในมือก็หลุดออกจากมือ และขยายใหญ่ตามแรงลมจนมีขนาดหลายจั้ง ภาพมังกรบนธงเปล่งประกายออกมา และกลายเป็นมังกรยักษ์สีเขียวขนาดใหญ่ จากนั้นก็อ้าปากงับไปทางปีศาจผึ้งตัวนี้
ดาบแวววาวในมือของหญิงที่สวมหมวกคลุมหายไปอย่างไร้ร่องรอย และถูกแทนที่ด้วยกำไลข้อมือสีเงินวงหนึ่ง มันขยายใหญ่หลายจั้งก่อนเข้าไปสวมอยู่บนตัวปีศาจผึ้ง ขณะเดียวกันไหมสีเงินก็พุ่งออกมารัดพันร่างปีศาจผึ้งไว้
ร่างปีศาจผึ้งขยายใหญ่ขึ้นมาทันที และหดตัวลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หลุดออกจากวงแหวนสีเงินได้ แต่กลับถูกไหมสีเงินบนตัวกรีดจนเกิดบาดแผลเล็กๆ จำนวนมาก แต่ไม่นานลวดลายจิตวิญญาณห้าสีที่ปกคลุมเต็มตัวก็เปล่งประกาย และกลายเป็นวงกลมเรืองแสงหลากสีก่อนม้วนตัวเข้าหามังกรยักษ์
สุดท้ายมังกรยักษ์สีเขียวก็ทิ่มลงไปในแสงหลากสี พริบตาเดียวก็สลัดตัวหลุดออกไปได้
ปีศาจผึ้งนี้สมกับเป็นปีศาจอสูรระดับแก่นแท้ ได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนี้ ยังสามารถต้านทานการร่วมมือโจมตีของทั้งสามได้ พอปีกทั้งคู่ของมันพร่ามัว มันก็กลายเป็นเงาพุ่งไปทางปากถ้ำ
ปีศาจผึ้งตัวนี้เห็นว่าสถานการณ์ตรงหน้าไม่ค่อยจะดี จึงคิดจะหนีเอาชีวิตรอด
ขณะนั้นเอง มีเงาร่างเคลื่อนไหวด้านหน้าของมัน จากนั้นร่างของหลิ่วหมิงก็ปรากฏออกมาราวกับปีศาจ พอเขายกแขนเสื้อด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก กำปั้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีม่วงเข้มก็โจมตีออกไปอย่างรุนแรง
“ตู๊ม!”
ปีศาจผึ้งตัวนี้ถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปทันที
“ฟิ้ว!” แสงแวววาวม้วนตัวมาจากด้านหลัง พริบตาเดียวก็ม้วนเอาปีศาจผึ้งไว้ด้านใน และฟันจนกลายเป็นเจ็ดแปดชิ้น
หลังจากแสงแวววาวม้วนตัวผ่านไป ร่างของหญิงสวมหมวกคลุมก็ปรากฏออกมา ในมือกำลังถือดาบยาวหลายฉื่อที่ดูแหลมคมเป็นพิเศษ
การฟันในเมื่อครู่ เกิดจากการที่นางแสดงวิชาดาบร่างเป็นหนึ่งออกมา!
และพริบตาที่ปีศาจผึ้งตัวนี้ถูกสังหารนั้น แสงหลากสีที่ล้อมรอบมังกรเขียว ก็ระเบิดตัวเป็นแสงเจิดจ้าก่อนสลายไป
“วิชาขี่ดาบของสหายช่างยอดเยี่ยมเสียจริงๆ ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาเป็นยิ่งนัก” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ดึงกำปั้นกลับมา และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ที่ไหนกัน หากไม่ใช่ว่าสหายต่อยมันกระเด็นจนไม่อาจกระดิกตัวได้ล่ะก็ ข้าเองก็ไม่อาจโจมตีได้สำเร็จโดยง่ายเช่นนี้” หญิงสวมหมวกคลุมตอบอย่างราบเรียบ
“สหายทั้งสอง ศึกครั้งนี้ยังไม่จบ หากมีอะไรที่อยากพูดค่อยพูดกันทีหลังเถอะ!” ขณะนี้ชายชุดเขียวกลับกวักมือเรียกมังกรยักษ์ที่กลายเป็นธงเล็กๆ กลับมา หลังจากกล่าวอย่างรวดเร็วไปสองประโยคแล้ว ก็เคลื่อนตัวไปทางปากถ้ำทันที
หญิงสวมหมวกคลุมได้ยินเช่นนี้ ก็เลิกคิ้วขึ้นมา จากนั้นร่างอรชรก็ตามติดชายชุดเขียวไป
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วขึ้นมา จะเห็นว่าไอหมอกสีดำที่บุปผาสีดำปล่อยออกมานั้น บางเบากว่าก่อนหน้านั้นอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นเขาก็พุ่งตามไปทันที
……
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางค่ายกลที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง
แสงหลากสีกลุ่มหนึ่งกับแสงหลบหลีกสีแดงกำลังพุ่งไปมาในนั้นอย่างบ้าคลั่ง และด้านหลังของพวกเขาก็เป็นแสงสีม่วงของราชินีผึ้งห้าแสงตัวนั้น
ดูจากรูปลักษณ์ที่น่ากลัวของราชินีผึ้งห้าแสงตัวนี้ หากไม่โดนผลกระทบจากเสาแห่งภาพสัญลักษณ์กับธูปวิญญาณไม้จันทน์ล่ะก็ เกรงว่าคงตามทั้งสองทัน และต่อสู้กันอย่างดุเดือดตั้งนานแล้ว
“สหายอู๋ คิดไม่ถึงว่าแม้จะมีเสาแห่งภาพสัญลักษณ์กับธูปวิญญาณไม้จันทน์คอยช่วย ท่านกับข้ายังคงทำได้แค่วิ่งหนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น” ชายฉกรรจ์กระตุ้นแสงหลบหลีกไปด้วย ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงให้กับอู๋ขุย
“ฮึ! ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นปีศาจอสูรระดับแก่นแท้ขั้นปลายสมบูรณ์แบบ แม้ว่ามันอาจจะเพิ่งวางไข่จึงดูเหมือนอ่อนแอลงเล็กน้อย แต่เจ้ากับข้าฝืนตอบโต้ไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรอยู่ดี หรือเจ้าจะให้พวกฮวาชิงอิ่งเอาเปรียบง่ายๆ หรือ?” อู๋ขุยกล่าวโดยไม่ปราดสายตามองมาเลยสักนิด
“แต่หากพวกเรายังไม่โต้ตอบล่ะก็ พลังของธูปวิญญาณไม้จันทน์นี้อาจจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ” น้ำเสียงของชายฉกรรจ์ยังคงดูลังเลอยู่
“สี่คนนั่นรับมือกับปีศาจผึ้งระดับแก่นแท้สองตัว ตัวหนึ่งในนั้นยังได้รับบาดเจ็บด้วย ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้วยังไม่ตามมาอีก หรือว่าคิดจะรอจนพลังเวทของพวกเราหมดสิ้นถึงมาปรากฏตัว แล้วค่อยชุบมือเปิบเอา…” อู๋ขุยได้ยินก็มีสีหน้าอึมครึมขึ้นมา
แต่ขณะนั้นเอง ชายฉกรรจ์กลับร้องออกมาด้วยความดีใจ
“สหายอู๋ พวกเขามาแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา