“ตู๊ม!” มังกรหมอกดำตัวหนึ่งส่งเสียงคำรามออกมา และปะทะกับหัวหมาป่ายักษ์พอดี พริบตาเดียวก็ระเบิดออกมาเป็นแสงทรงกลดสีดำ
คลื่นอากาศสั่นสะเทือนไปทั่วทิศ มังกรหมอกกับหัวหมาป่าสลายไปพร้อมกัน
“ขอบคุณสหายที่ยื่นมือเข้าช่วย” หญิงชุดเหลืองนำดาบเล็กสีทองอร่ามออกมาทำท่าป้องกันไว้ พอเห็นหลิ่วหมิงโจมตีสำเร็จในกำปั้นเดียว นางก็กล่าวด้วยความดีใจ
ขณะนี้หมาป่ายักษ์ตรงหน้าก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นกลับกระโดดขึ้นมาด้วยความโมโห และกระโจนเข้าใส่หลิ่วหมิงทั้งสอง
หลิ่วหมิงทำเสียงฮึดฮัดทันที พอร่างของเขาเคลื่อนไหว เงาร่างสามเงาก็พุ่งยิงออกไป ภายใต้การเคลื่อนไหวกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ทำให้ทิ้งเงาพร่ามัวไว้จำนวนมาก พริบตาเดียว ร่างจริงของเขาก็มาปรากฏตัวด้านข้างหมาป่าสีเขียว และปล่อยสายฟ้าขนาดเท่าปากถ้วยออกไป
เดิมทีหมาป่ายักษ์สีเขียวก็ถูกการเคลื่อนไหวแปลกประหลาดของหลิ่วหมิงทำให้เวียนหัวอยู่แล้ว พอเห็นสายฟ้าโจมตีเข้ามา ก็รีบบิดตัวอย่างรวดเร็วจนหลบการโจมตีไปได้อย่างหวุดหวิด และคว้ากรงเล็บมาทางหลิ่วหมิงทันที
หลิ่วหมิงเลิกคิ้วขึ้นมา หลังจากร่างของเขาพร่ามัวแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมา มีเงาร่างสีดำเคลื่อนไหวรอบตัวหมาป่ายักษ์สีเขียวในระยะสองสามจั้ง จากนั้นสายฟ้าสีเงินก็ปกคลุมเข้ามาเต็มฟ้า และพุ่งเข้ามาจากมุมต่างๆ อย่างหนาแน่น
หลิ่วหมิงนำวิชาเงาร่างสามส่วนมาประกอบกับวิชาสายฟ้าสวรรค์ได้อย่างยอดเยี่ยม คล้ายกับว่าใช้ไหมสายฟ้าสร้างลูกกลมๆ สีเงินล้อมรอบหมายักษ์สีเขียวในระยะสามสี่จั้งไว้
หมาป่ายักษ์ส่งเสียงคำรามออกมาทันที แรงกดดันจิตวิญญาณมหาศาลระเบิดออกมาจากชิ้นส่วนในลูกสายฟ้าสีเงิน จากนั้นเงาสีเขียวก็กะพริบออกจากไหมสายฟ้าสีเงินที่หลิ่วหมิงสร้างขึ้น
“ใช้ต่อสู้กับศัตรูครั้งแรก ยังไม่ค่อยคุ้นชินมากนัก” หลิ่วหมิงวางแขนลงและพูดพึมพำออกมา
ที่เขาใช้ในเมื่อครู่คือ วิชาถักทอสายฟ้าสวรรค์ที่ต้องฝึกฝนวิชาสายฟ้าสวรรค์จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบถึงจะแสดงออกมาได้ สามารถใช้ไหมสายฟ้าสีเงินที่เกิดจากสายฟ้าสวรรค์มาถักทอเป็นรูปแบบต่างๆ ที่ต้องการ เช่นรูปแบบตาข่าย หรือไม่ก็เป็นรูปแบบง่ายๆ อย่างอื่น หรือไม่ก็เป็นสิ่งของอย่างอื่น เพียงแต่ว่าอานุภาพของมันไม่แข็งแกร่งเหมือนการกระตุ้นวิชาสายฟ้าสวรรค์โดยตรง ยิ่งไปกว่านั้น มันใช้ในการตรึงหรือผลลัพธ์พิเศษบางอย่าง และเมื่อเวลาผ่านไปพลังของไหมสายฟ้าเหล่านี้ ก็จะสูญเสียไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากหมาป่ายักษ์สีเขียวหนีออกจากลูกสายฟ้าที่ถักทอมาจากสายฟ้าสีเงินได้ ดวงตาทั้งคู่ของมันก็จ้องมองหลิ่วหมิงด้วยท่าทีเดือดดาล และส่งเสียงคำรามเบาๆ แต่กลับไม่ทำการโจมตีอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
หลิ่วหมิงก็ยกมือข้างหนึ่งไปแตะระหว่างคิ้ว ภายใต้การเปล่งประกายของแสงสีทอง กระบี่เล็กสีทองเล่มหนึ่งก็พุ่งออกมา “ฟิ้ว!” ขณะเดียวกันไอกระบี่มหาศาลก็พุ่งตามมา
พอเขาชี้มือข้างหนึ่งไปกลางอากาศ กระบี่เล็กสีทองอร่ามก็หยุดอยู่บริเวณหน้าอกเล็กน้อย จากนั้นก็พุ่งไปทางหมาป่ายักษ์สีเขียว
พอหมาป่ายักษ์สีเขียวเห็นการปรากฏตัวของกระบี่บินพลังจิตวิญญาณ มันก็เผยแววตาหวาดกลัวออกมา ทันใดนั้นลวดลายจิตวิญญาณสีเขียวก็เปล่งประกายบนตัว ทันทีที่หันตัวกลับมา มันก็กลายเป็นแสงสีเขียวพุ่งออกไปด้านข้าง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็อึ้งไปทันที แต่ก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว พอโบกมือข้างหนึ่ง กระบี่เล็กสีทองก็หมุนตัวพุ่งกลับมา
พลังของปีศาจตัวนี้ไม่ได้อ่อนแอ ในเมื่อมันยอมถอยออกไปเอง เขาย่อมไม่คิดตามไปตัดสินความเป็นความตายกับมันอีก
จากนั้นร่างของเขาก็เปล่งประกายพุ่งกลับไปตรงหน้าหญิงสาวชุดเหลือง
“ข้าน้อยหวงอิ๋ง ขอบคุณสหายที่ยื่นมือเข้าช่วย” หญิงชุดเหลืองเห็นหลิ่วหมิงร่อนลงมา นางก็รีบคารวะด้วยรอยยิ้ม
หลิ่วหมิงไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด แต่กลับหรี่ตาสังเกตดูหญิงสาวเผ่าหมานที่ยิ้มอย่างเป็นมิตรผู้นี้อย่างละเอียด
หญิงสาวมีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ดวงตางดงามทั้งคู่เปล่งประกายแวววาว ชุดกระโปรงสีเหลืองโบกสะบัดตามลมเบาๆ ผิวหนังที่โผล่ออกมามีสีคล้ำเล็กน้อย แลดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่ง
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงถูกปีศาจตัวนี้ไล่ล่า?” หลิ่วหมิงกระแอมไอเบาๆ และถามอย่างราบเรียบ
“สหาย ข้าน้อยคือผู้อาวุโสชนเผ่าตันเก๋อ ก่อนหน้าข้าได้รับคำสั่งจากหัวหน้าเผ่าให้พาคนในเผ่าระดับผลึกหลายคนออกไปทำภารกิจด้วยกัน ในระหว่างทางได้พบกับกลุ่มผู้ฝึกฝนปีศาจที่เป็นลูกน้องของเลี่ยเจิ้นเทียนเข้า และพูดจาไม่ถูกคอกันจึงเกิดการต่อสู้ในทันที แต่ขณะนั้นเอง เลี่ยเจิ้นเทียนก็ปรากฏตัวออกมาพอดี ทั้งยังสังหารคนในเผ่าทั้งหมดโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่กลับจับข้าน้อยไว้เป็นเชลยเพียงคนเดียว และนำมาทิ้งไว้ในแดนลึกลับแห่งนี้” หญิงสาวเสื้อเหลืองอธิบายให้หลิ่วหมิงฟัง พอพูดถึงตอนท้ายนางกลับมีสีหน้าเศร้าหมองเล็กน้อย
“ตามที่เจ้าพูดมา ในแดนลึกลับคงมีสหายระดับแก่นแท้จำนวนไม่น้อยจริงๆ” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยสีหน้าสงบ
“ข้าน้อยเข้าแดนลึกลับมาไม่ถึงครึ่งเดือนกว่า แต่กลับเผชิญกับการถูกลอบโจมตีอยู่หลายครั้ง ในนั้นนอกจากจะมีเผ่าปีศาจหนึ่งคนแล้ว ยังมีเผ่าหมานอีกหลายคน แต่ดีที่ว่ามีการฝึกฝนระดับเดียวกัน จึงมีแพ้บ้างชนะบ้าง แม้ว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่ข้าน้อยก็สามารถเอาตัวรอดได้ พลังของปีศาจหมาป่ายักษ์สีเขียวที่เจอในวันนี้แข็งแกร่งเกินไป หากไม่ใช่ว่าสหายยื่นมือเข้าช่วย เกรงว่าคงต้องเสียชีวิตในสถานที่แห่งนี้แล้ว” ขณะที่พูด หญิงสาวชุดเหลืองก็มองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
“สหายไม่ต้องมากพิธี หากไม่ใช่ว่าปีศาจหมาป่าตัวนั้นคิดจะม้วนตัวข้าผู้แซ่หลิ่วเข้าไปด้วยล่ะก็ ข้าจะไม่ลงมืออย่างแน่นอน” หลิ่วหมิงกล่าว
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากไม่มีพี่หลิ่ว ข้าน้อยคงผ่านด่านเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ยาก ไม่รู้ว่าคนในแดนลึกลับนี้เป็นอะไรกัน พอเจอกันถ้าไม่หลบไปไกลๆ ก็จะทำการโจมตีคนอื่นๆ อย่างบ้าคลั่ง พี่หลิ่วเป็นผู้ฝึกฝนคนแรกที่ข้าน้อยได้เชื่อมสัมพันธ์ด้วย ดูท่าปีศาจวายุจับพวกเรามาทิ้งไว้ที่นี่ จะต้องมีจุดประสงค์อื่นอย่างแน่นอน” หญิงสาวชุดเหลืองได้ยินกลับถอนหายใจเบาๆ ก่อนกล่าวออกมา
“ที่นี่ขาดแคลนทรัพยากร คนที่ถูกขังมานานเหล่านั้นเลี่ยงไม่ได้ที่จะสังหารผู้อื่นแย่งชิงสมบัติมา เพื่อไม่ให้ระดับการฝึกฝนของตนเองลดลง แต่ว่าที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ต้องรีบหาทางออกหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นพอเวลานานเข้า หินจิตวิญญาณที่พกมาหมดลง เกรงว่าเจ้ากับข้าก็คงเป็นเหมือนพวกเขาไม่มีผิด” หลิ่วหมิงกล่าว
“สหายกล่าวได้ถูกต้องที่สุด ข้าน้อยก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ไม่สู้พวกเราทั้งสองร่วมมือกันหาทางออกดีหรือไม่?” หวงอิ๋งพยักหน้าเห็นด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา