ตอนที่ 698 อสรพิษสองหัว (1) – ตอนที่ต้องอ่านของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา
ตอนนี้ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 698 อสรพิษสองหัว (1) จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“ฮึ!” ผู้อาวุโสขุยมู่ทำเสียงฮึดฮัดออกมา พอมือขวาโยนออกไปกลางอากาศ ไม้เท้าสีเขียวที่ยาวราวๆ สี่ฉื่อ ก็วางขวางอยู่เหนือศีรษะ ภายใต้การร่ายคาถา แสงสีเขียวก็เปล่งประกายบนไม้เท้า จากนั้นเถาวัลย์สีเขียวจำนวนมากก็เลื้อยออกมา และก่อตัวเป็นกำแพงขวางอยู่ด้านหน้าสามชั้น
“ปัง!” “ปัง!”
คมวายุสีม่วงโจมตีกำแพงไปได้สองชั้น ส่วนกำแพงชั้นที่สามยืนหยัดได้ไม่นานก็สลายไป
ขณะเดียวกัน เงาสีม่วงก็มาปรากฏตัวเหนือศีรษะของหวงอิ๋งอย่างน่าประหลาดใจ มันเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับประกายไฟ
ครู่ต่อมาพอแขนข้างหนึ่งของเขาพร่ามัว คมวายุสีม่วงก็ก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง และฟันไปทางศีรษะของหวงอิ๋ง
“สหายหวงอิ๋ง ระวัง!” พอผู้อาวุโสขุยมู่เห็นเงาสีม่วงเปลี่ยนทิศทางไปโจมตีหวงอิ๋ง เขาก็รีบตะโกนออกไปด้วยความตกใจ
หวงอิ๋งคิดไม่ถึงว่าชายชุดม่วงจะโจมตีคนที่ยืนอยู่ไกลที่สุดอย่างนาง ทันใดนั้นนางก็ส่งเสียงออกมา และโยนวงแหวนทองคำกับหยกขึ้นไปเหนือศีรษะ ทันใดนั้น แสงทรงกลดสีทองกับสีเขียวก็ตัดสลับกลางอากาศ จากนั้นก็ขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่ง และหมุนวนขึ้นฟ้า
แสงเงาที่เกิดจากการหมุนตัวของวงแหวนคู่ผสานเข้าด้วยกันอยู่ไม่หยุด และก่อเกิดเป็นรังไหมแสงสีทองหยกหนึ่งลูก ภายใต้แสงสีทองที่เปล่งประกาย มันก็กลายเป็นเกราะป้องกันสีเขียวปกคลุมหวงอิ๋งไว้ด้านใน
“เพล้ง!”
คมวายุสีม่วงโจมตีลงบนรังไหมแสงสีทองหยก ทำให้เกราะป้องกันเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง ดีที่ว่ามันไม่ได้แตกกระจายออกมา
หวงอิ๋งเผยสีหน้าดีใจออกมาแวบหนึ่ง ขณะที่กำลังจะเก็บวงแหวนทองคำกับหยกนั้น
“ระวัง!” หลิ่วหมิงส่งเสียงเข้ามาทันที
หญิงนางนี้ได้ยินก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย พอเหลือบตามอง ก็ต้องมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ไม่รู้ว่าชายชุดม่วงอีกคนมาอยู่ด้านหลังของนางตั้งแต่เมื่อไหร่ เพียงแต่ว่าทั่วทั้งใบหน้าของเขาล้วนเต็มไปด้วยลวดลายจิตวิญญาณสีแดง ขณะนี้กำลังชี้นิ้วสีแดงออกมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ และจมเข้าไปในช่องว่างระหว่างวงแหวนทองคำและหยกที่ตัดสลับกันพอดี
เกิดเสียงดัง “แคล็กๆ!” ภายใต้การสั่นสะท้านของวงแหวนคู่ รังไหมแสงสีทองหยกก็สลายไปในพริบตา และเผยให้เห็นร่างของหวงอิ๋งที่อยู่ด้านใน
จากนั้น เงาร่างชายชุดม่วงก็ยกแขนอีกข้างปล่อยกำปั้นพร่ามัวเข้ามา พอเงากำปั้นสีแดงขนาดเท่าล้อรถแผดเสียงโจมตีเข้ามา อากาศบริเวณนั้นก็บิดเบี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง
หวงอิ๋งรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ขณะที่คิดจะหลบหลีกนั้น มันกลับสายไปเสียแล้ว นางได้แต่กัดฟันตัวเอง จากนั้นแสงจิตวิญญาณก็เปล่งประกายตรงด้านหลัง ค่ายกลสีเหลืองจางๆ ปรากฏออกมา และหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง
“ตู๊ม!”
พริบตาที่ค่ายกลถูกเงากำปั้นโจมตีจนแตกกระจายนั้น หวงอิ๋งก็ถูกเงากำปั้นที่เหลือโจมตีตรงหลัง ทันใดนั้นก็เซไปด้านหน้าและกระอักเลือดออกมา ร่างของนางร่วงลงไปในพริบตา
ชายชุดม่วงที่อยู่ตรงหน้า ยกมือข้างหนึ่ง ปล่อยคมวายุสีม่วงเจ็ดแปดสายไปฟันหวงอิ๋ง
ประจักษ์ชัดว่า เขามองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าหวงอิ๋งอ่อนแอสุดในบรรดาคนทั้งสาม ด้วยเหตุนี้พอลงมือ ก็คิดที่จะกำจัดไปคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเอง แสงกระบี่สีทองลำหนึ่งก็กวาดเข้ามาถึง
ภายใต้การเปล่งประกายติดต่อกับของแสงสีทอง ทำให้คมวายุทั้งหมดถูกโจมตีจนแตกกระจาย ขณะเดียวกัน เมฆดำก้อนหนึ่งก็พยุงร่างหวงอิ๋งที่หมดสติไว้ และม้วนตัวไปยังก้อนหินยักษ์ที่อยู่ไม่ไกล
ซึ่งก็คือหลิ่วหมิงที่ตามมาทันนั่นเอง
ตอนนี้เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ มีคนเยอะขึ้นหนึ่งคนก็ยิ่งมีโอกาสชนะมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เขาถึงรีบยื่นมือเข้าช่วย
แต่ดูจากสภาพในตอนนี้แล้ว หวงอิ๋งคงไม่อาจเข้าร่วมการต่อสู้ในระยะเวลาสั้นๆ ได้
ชายชุดม่วงเห็นเช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าโมโหออกมา ขณะที่กำลังจะลงมือนั้น ก็มีเงาดำเคลื่อนไหวตรงหน้า และหลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวออกมาขวางไว้
ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงก็ยกแขนทั้งสองขึ้นด้านบน จากนั้นหัวพยัคฆ์สีดำสี่หัวก็ปรากฏออกมาพร้อมกัน ท่ามกลางเสียงแผดร้องของพยัคฆ์ เขาก็ชกกำปั้นออกไปอย่างรุนแรง
อีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสขุยมู่ก็โบกไม้เท้าสีเขียวใส่ชายชุดม่วงคนที่สองไปสองที
คนผู้นี้นอกจากจะมีลวดลายจิตวิญญาณสีแดงเต็มหน้าแล้ว ส่วนอื่นๆ ก็เหมือนกับชายชุดม่วงคนแรกไม่มีผิด แม้แต่กลิ่นไอก็ไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย พอยกแขนทั้งสองขึ้น ก็มีลูกเปลวไฟสีแดงพุ่งออกมาราวกับสายฝนกระหน่ำ
ผู้อาวุโสขุยมู่หยุดชะงักลง ทำให้แค่โบกสะบัดไม้เท้าอย่างรีบร้อน จากนั้นมันก็กลายเป็นแสงสีเขียวเพิ่มการต้านทานไว้
ขณะนี้ เมื่อชายชุดม่วงที่อยู่อีกด้านเผชิญกับการโจมตีของหลิ่วหมิง ดวงตาของเขาก็ดูประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็ยกแขนอย่างไม่รีบร้อน และใช้มือขวากดไปยังอากาศด้านหน้า
จุดสีม่วงพุ่งออกจากฝ่ามือของเขา จากนั้นก็หมุนติ้วๆ จนกลายเป็นพายุบ้าระห่ำสีม่วงที่มีขนาดหลายจั้ง และพุ่งออกไปรับมือกับเงากำปั้นหัวพยัคฆ์ทั้งสี่ของหลิ่วหมิงพอดี
พริบตาเดียว เงากำปั้นกับก็ปะทะกับพายุบ้าระห่ำสีม่วงอย่างรุนแรง
พอทั้งสองปะทะกัน มันกลับไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ!
ดูเหมือนว่าหัวพยัคฆ์ทั้งสี่ที่ส่งเสียงคำรามท่ามกลางพายุบ้าระห่ำสีม่วง จะหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศไม่ขยับเขยื้อน แต่ทันใดนั้น เงาหัวพยัคฆ์ทั้งสี่ก็ระเบิดออกมา พายุหมุนสีม่วงดำปรากฏขึ้นมาทันที และกลายเป็นใบพัดกลมๆ ม้วนออกไปทั่วทิศ
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกใจสั่นสะท้าน พอสะบัดแขนเสื้อ โล่สีดำกลมๆ ก็พุ่งออกมา หลังจากขยายตัวตามแรงลมจนมีขนาดหลายจั้ง มันก็ต้านทานไว้ตรงหน้า ขณะเดียวกัน ร่างของก็พุ่งถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
กำปั้นสีแดงโจมตีเข้ามาด้านหลังพร้อมกับเปลวไฟอันร้อนแรง ชายที่มีลวดลายจิตวิญญาณสีแดงบนใบหน้าที่แลกมือกับผู้อาวุโสขุยมู่อยู่นั้น ปล่อยลูกเปลวไฟสีแดงสิบกว่าลูกออกมาโจมตีในฉับพลัน
“ไอ้ระยำ!”
ผู้อาวุโสขุยมู่รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก
ชายที่มีลวดลายสีแดงแลกมือกับเขาไปด้วย ขณะเดียวกันยังสามารถลอบโจมตีหลิ่วหมิงได้ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขามีสีหน้าดูไม่ได้ได้อย่างไร
หลิ่วหมิงรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว มือขวาโหมพลังปล่อยกำปั้นโจมตีออกไป ไอดำพวยพุ่งไปรับมือกับเปลวไฟสีแดง ทำให้เกิดควันไฟพุ่งขึ้นฟ้าจนบดบังแสงอาทิตย์ไปชั่วขณะหนึ่ง
ชายชุดม่วงถือโอกาสนี้ทำให้ร่างพร่ามัวขึ้นมา และเข้าประชิดหลิ่วหมิงด้วยความเร็วแปลกประหลาด ภายใต้แสงสีม่วงที่หมุนวนรอบตัว ทำให้ก่อเกิดเป็นพายุบ้าระห่ำสีม่วงลูกแล้วลูกเล่า
เขาเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว ก็มาอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิงราวกับปีศาจ
หลิ่วหมิงรีบกระตุ้นเกราะอสูรด้วยความตกใจ เกราะหนังสีเงินจางๆ ปรากฏขึ้นบนตัวภายในพริบตา ขณะเดียวกันก็มีเกล็ดหนาๆ ปรากฏออกมาบริเวณหน้าอกเป็นชั้นๆ แขนทั้งสองก็ตั้งตัดสลับกันไว้ตรงหน้า
“ตู๊ม!” กำปั้นที่เปล่งแสงสีม่วงโจมตีลงบนแขน
หลิ่งหมิงรู้สึกร้อนที่แขนทั้งสอง ร่างของตนเองราวกับถูกภูเขาลูกเล็กๆ กระแทก พอรู้สึกหวานที่ลำคอ เขาก็กระอักเลือดออกมา ภายใต้การครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เขากลับกระตุ้นเคล็ดวิชาในทันที และอาศัยพลังนี้พุ่งถอยออกไป และกะพริบออกจากพื้นที่กักขังของพายุบ้าระห่ำ
หลังจากเขาเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว ก็มาปรากฏตัวอยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง มือข้างหนึ่งซ่อนไว้ด้านหลัง ส่วนอีกข้างก็เรียกกระบี่บินกลับมา สายตาที่จ้องมองฝ่ายตรงข้ามดูเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบมิได้
ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของปีศาจสายฟ้าผู้นี้ ดูจากสถานการณ์ที่เขาไม่ได้นำอาวุธจิตวิญญาณและยันต์ใดๆ ออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกอนุรักษ์นิยมผู้หนึ่งในเผ่าปีศาจ ทั้งยังอาศัยพลังของวายุแปลกประหลาดสีม่วงเพียงอย่างเดียว ในการทำการโจมตีรูปแบบต่างๆ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าปีศาจโคดำในก่อนหน้านั้นเลยแม้แต่น้อย ลำพังแค่พลังการฝึกฝนเฉพาะตัวก็มีอานุภาพระดับนี้ ทำให้หลิ่วหมิงนึกถึงวิชาพื้นฐานที่เขาประทับวิชาในตอนที่อยู่ระดับศิษย์จิตวิญญาณอย่างอดไม่ได้
ขณะนั้นเอง ลวดลายจิตวิญญาณบนใบหน้าของชายชุดม่วงก็เปล่งประกาย และเขาก็เริ่มร่ายคาถาออกมา ขณะเดียวกันกลิ่นไออันน่าตกใจก็พุ่งขึ้นฟ้า และค่อยๆ คว้ามือไปทางหลิ่วหมิงอย่างช้าๆ
“ฟู่!” ฝ่ามือแสงสีม่วงขนาดหนึ่งหมู่กว่าๆ ปรากฏตัวเหนือศีรษะหลิ่วหมิง พอนิ้วทั้งห้ากางออกมา มันก็ค่อยๆ คว้าลงมาอย่างโหดเหี้ยม
หลิ่วหมิงรู้สึกว่าอากาศรอบด้านอัดแน่นเข้ามา ทำให้หายใจลำบากเป็นอย่างมาก ทันใดนั้น เขาก็แผดร้องด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และคว้ากระบี่เล็กสีทองไว้แน่น หลังจากขยายตัวตามแรงลมแล้ว มันมีขนาดยาวสองฉื่อกว่าๆ
เขาปล่อยพลังเวททั้งหมดลงในกระบี่บินว่างเปล่าอย่างบ้าคลั่ง พอสะบัดข้อมือไปกลางอากาศ แสงกระบี่สีทองที่ยาวสามสิบกว่าจั้ง ก็พุ่งเข้าไปรับมือกับมือยักษ์สีม่วง
………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา