ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 708

สรุปบท ตอนที่ 708 ยันต์จันทราฟ้าร้อง: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 708 ยันต์จันทราฟ้าร้อง – ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บท ตอนที่ 708 ยันต์จันทราฟ้าร้อง ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 708 ยันต์จันทราฟ้าร้อง
ตอนที่ 708 ยันต์จันทราฟ้าร้อง
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากเกิดเสียงดัง “อู้ๆ!” เงาดำสองเงาก็โจมตีเข้าใส่ปีศาจสายฟ้า

“หืม?” เลี่ยเทียนเจิ้นเห็นเช่นนี้ก็ไม่ขยับแขนขาแต่อย่างใด แสงสายฟ้าเปล่งประกายบนตัว จากนั้นแสงสีม่วงก็ม้วนตัวออกมา ทำให้เงาดำทั้งสองจนหยุดชะงักลง มันคือไม้เท้าแห้งเหี่ยวกับดาบสั้นสีดำเล่มหนึ่ง ดูจากแสงจิตวิญญาณที่เปล่งประกายแล้ว เห็นได้ชัดว่าล้วนเป็นต้นแบบอาวุธเวท

ในขณะนั้นเอง ต้นแบบอาวุธเวททั้งสองก็ระเบิดออกมาเป็นดอกเห็ดสีเหลืองกับสีดำสองกลุ่มที่สูงหลายสิบจั้ง ทำให้ก้อนหินจำนวนมากพังทลายลงมา

แม้ว่าเลี่ยเจิ้นเทียนจะมีพลังล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาได้ แต่ก็ทำได้แค่ปล่อยสายฟ้าป้องกันตัวออกมาต้านทานไว้

ในระหว่างเวลานี้ หลิ่วหมิงอาศัยเวลาเพียงพริบตาเดียวกระตุ้นปีกสีเงินบนหลังออกมา จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นแสงสีทองบินออกจากปากถ้ำ และพุ่งออกไปไกลๆ

หลังจากนั้น ยอดเขาทั้งลูกก็พลังทลายลงมาทันที

แต่ทว่าผ่านไปแค่สามอึดใจ แสงสายฟ้าสีม่วงลำหนึ่งก็พุ่งออกจากในนั้น พอแสงดับลงก็เผยให้เห็นร่างของปีศาจสายฟ้า

แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่บนตัวก็มีสภาพกระเซอะกระเซิงเป็นอย่างมาก สีหน้าดำราวกับเหล็ก พอแหงนหน้าส่งเสียงคำรามด้วยความโมโห แสงโลหิตก็เปล่งประกายบนตัว อักขระสีเลือดปรากฏบนหน้าผาก จากนั้นก็ม้วนร่างของเขาพุ่งตามออกไปในพริบตา

……

ครึ่งวันต่อมา เหนือเทือกเขาที่ทอดยาวติดต่อกันแห่งหนึ่ง แสงกระบี่สีทองที่ยาวสิบกว่าจั้งพุ่งเข้ามาจากที่ไกลๆ ราวกับฝนดาวตก

ท่ามกลางแสงสีทอง จะเห็นว่ามีชายหนุ่มชุดคลุมสีเทากำลังกวาดสายตามองดูด้านหน้าด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก เขาก็คือหลิ่วหมิงที่หลบหนีมาตลอดทางจนมาถึงสถานที่แห่งนี้นั่นเอง

หลังจากผ่านศึกในครั้งก่อน ทำให้เขารู้จักพลังของปีศาจสายฟ้าชัดเจนขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่น้อย

“หืม?”

หลิ่วหมิงรู้สึกใจเต้นขึ้นมา เมื่อครู่จิตรับรู้ของเขาค้นพบว่ามีเสียงดังหวึ่งๆ อยู่ด้านหน้าไม่ไกล มันคือปีศาจผึ้งห้าแสงฝูงใหญ่นั่นเอง

หลังจากลังเลเล็กน้อยแล้ว หลิ่วหมิงก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย พอเขาเปลี่ยนท่าเคล็ดกระบี่ ก็เปลี่ยนทิศทางไปยังยอดเขาบางแห่งที่อยู่บริเวณนั้นทันที

ไม่นาน มีจุดแสงสองสามจุดเปล่งประกายบนยอดเขา และหายไปอย่างรวดเร็ว

พอแสงหลบหลีกสีม่วงตามมาถึง ก็หยุดชะงักกลางอากาศทันที พอแสงสีม่วงดับลง ร่างของปีศาจสายฟ้าก็ปรากฏออกมา

ตอนนี้เขากำลังหรี่ตาทั้งคู่จ้องมองยอดเขาด้านล่าง เมื่อครู่เขารู้สึกว่าหลิ่วหมิงหยุดลงในฉับพลัน ทั้งยังซ่อนตัวอยู่บริเวณนี้ แต่ว่ากลิ่นไอของเขาไม่แน่นอน คิดว่าคงจะแสดงวิธีซ่อนเร้นขั้นสูงอีกแล้ว

“เจ้ามนุษย์น้อย วิ่งไม่ไหวแล้วหรือ? ยอมรับความตายเสียโดยดีเถอะ ไม่แน่ข้าอาจจะใจดีให้ศพเจ้ามีสภาพสมบูรณ์ก็ได้” เลี่ยเจิ้นเทียนตะโกนออกมาราวกับเสียงฟ้าร้อง ขณะเดียวกัน พลังจิตมหาศาลก็กวาดดูบริเวณนั้นว่าตรงไหนมีเงาของมนุษย์อยู่บ้าง

“ฮึ! เจ้ามนุษย์น้อยขี้ขลาด!” ปีศาจสายฟ้าทำเสียงฮึดฮัด ทันใดนั้นก็เลิกคิ้วแล้วมองไปยังมุมบางแห่งตรงด้านล่าง

เมื่อครู่ดูเหมือนเขาจะเหลือบเห็นแสงสีทองอันคุ้นเคยเปล่งประกายผ่านก้อนหินยักษ์บนยอดเขาด้านล่างอย่างรวดเร็ว

ด้วยระดับการฝึกฝนของเลี่ยเจิ้นเทียน ย่อมไม่ยอมให้เบาะแสนี้หลุดรอดไปอย่างแน่นอน หลังจากสูดหายใจเข้าไปหนึ่งทีแล้ว ก็หายวับมาปรากฏตัวเหนือก้อนหินยักษ์ และฟาดฝ่ามือลงไปอย่างไม่ลังเล จนทำให้ก้อนหินระเบิดออกมา

แต่ว่าก้อนหินด้านล่างล้วนว่างเปล่า!

แต่ขณะนั้นเอง แสงสีทองก็เปล่งประกายท่ามกลางเศษหินที่ระเบิดออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าหาปีศาจสายฟ้าอย่างรวดเร็ว

มียันต์สีเหลืองทองถูกห่อหุ้มอยู่ท่ามกลางแสงสีเหลือง มันคือยันต์จันทราฟ้าร้องที่อินจิ่วหลิงมอบให้หลิ่วหมิงใช้ป้องกันชีวิตนั่นเอง!

ยันต์สีเหลืองทองยังไม่ทันได้สัมผัสกับเลี่ยเจิ้นเทียน มันก็ระเบิดตัวกลางอากาศ จากนั้นก็กลายเป็นแสงสายฟ้าสีเทาขนาดเท่าล้อรถ และพวยพุ่งเข้าหาเลี่ยนเจิ้นเทียนด้วยอานุภาพดุดัน

ระยะห่างอันใกล้เช่นนี้ เลี่ยเจิ้นเทียนไม่อาจหลบหลีกได้ทัน จึงเลิกคิ้วขึ้นมาทันที และนำแขนทั้งสองมาไขว้กันด้านบนด้วยสีหน้าบึ้งตึง สายฟ้าสีม่วงสองกลุ่มปรากฏบนฝ่ามือ พอดึงลงทั้งสองด้าน สายฟ้าสีม่วงขนาดเท่าลำแขนหนึ่งเส้น ก็ปรากฏในระหว่างฝ่ามือทั้งสอง และต้านทานแสงสายฟ้าสีเทาไว้โดยตรง

ครู่ต่อมา สายฟ้าสีเทาปะทะลงมาราวกับฝนดาวตก!

“ตู๊มต๊าม!”

เกิดเสียงระเบิดดังสะเทือนเลือนลั่น เมฆสายฟ้าสีเทากับสีม่วงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบกว่าจั้งพุ่งออกมาจากอากาศ และม้วนร่างเลี่ยเจิ้นเทียนไว้ด้านใน จนแม้แต่ลมพายุก็ไม่อาจเล็ดลอดเข้าไปได้

เสียงระเบิดประสานเข้ากับแสงสายฟ้าเจิดจ้า ทำให้ทุกสิ่งที่อยู่บริเวณรอบๆ มืดสลัวไร้ซึ่งสีสัน

พอมองดูอย่างละเอียด สายฟ้าสีม่วงแต่ละเส้นที่ดูราวกับอสรพิษกำลังเปล่งประกายอยู่ท่ามกลางเมฆสายฟ้าสีเทา บริเวณที่สายฟ้าสีม่วงพุ่งผ่าน เมฆสายฟ้าสีเทาก็เบาบางลงและสลายไป

ผ่านไปแค่สองสามอึดใจ ภายใต้การพุ่งผ่านของสายฟ้าสีม่วง เมฆสายฟ้าสีเทาก็พังทลายลง เผยให้เห็นเลี่ยเจิ้นเทียนที่ยังยกแขนทั้งสองอยู่

ยันต์จันทราฟ้าร้องที่มีเทียบเท่ากับการโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของระดับแก่นแท้ขั้นปลายนี้ สำหรับปีศาจสายฟ้าระดับดาราพยากรณ์ที่ฝึกฝนทางด้านสายฟ้าเป็นหลักแล้ว ย่อมไม่อาจทำอันตรายอะไรเขาได้ แต่ภายใต้การโจมตีระยะใกล้โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวนี้ กลับทำให้เขาหน้าตามอมแมมไปด้วยฝุ่น

จะเห็นว่าชุดคลุมสีม่วงของเขาถูกระเบิดจนกลายเป็นสีดำไปทั้งแถบ และมีกลิ่นไหม้โชยออกมาเล็กน้อย

เลี่ยเจิ้นเทียนทำเสียงฮึดฮัด พอวางแขนทั้งสองลง ก็กวาดสายตามองดูรอบด้านเพื่อหาร่องรอยของหลิ่วหมิง

แต่ครู่ต่อมา สีหน้าของเขากลับค่อยๆ เปลี่ยนไป และอดไม่ได้ที่จะยกแขนขึ้นมาดมเล็กน้อย ทันใดนั้น กลิ่นไออันหอมหวานก็พุ่งเข้าเตะจมูก

“นี่คือ…น้ำผึ้งราชินีผึ้งห้าแสง?” แม้เขาจะไม่สนใจว่าหลิ่วหมิงจะวางยาพิษหรือไม่ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลิ่วหมิงถึงซ่อนน้ำผึ้งราชินีผึ้งห้าแสงไว้ในยันต์จันทราฟ้าร้อง

แขนทั้งสองทำท่ามือ และกระตุ้นเคล็ดวิชาในทันที

สายฟ้าขนาดเท่าปากถ้วยแต่ละเส้นก่อตัวขึ้นมา และหมุนวนรอบตัวไม่หยุด จากนั้นเขาก็หมุนตัวเองหนึ่งรอบอย่างรวดเร็ว สายฟ้าสีม่วงม้วนตัวออกไปเป็นรูปพัด และม้วนเข้าใส่เมฆแมลงกลางอากาศ

เกิดเสียงฟ้าร้องดังอยู่พักหนึ่ง!

สายฟ้าสีม่วงขนาดใหญ่แต่ละเส้นพุ่งออกจากแสงสายฟ้ารูปพัด และกวาดผ่านเมฆแมลงราวกับอสรพิษยักษ์ ทำให้เกราะกำบังถูกฟันจนกลายเป็นผุยผง!

เลี่ยเจิ้นเทียนพุ่งออกมาราวกับเทพสายฟ้าบรรพกาล และกลายเป็นแสงสายฟ้าสีม่วงพุ่งยิงออกไปไกลๆ

ความเร็วของเขารวดเร็วจนคาดไม่ถึง!

หลิ่วหมิงรับรู้ถึงคลื่นสั่นสะเทือนในหุบเขาที่อยู่เบื้องหลังไกลๆ ได้ หลังจากเห็นเลี่ยเจิ้นเทียนพุ่งออกมาด้วยอานุภาพน่าตกใจ เขาก็กลืนโอสถลงไปหลายเม็ด และกระตุ้นพลังเวทอีกครั้ง

เขากระตุ้นเกราะอสูรให้งอกปีกออกมาครู่หนึ่ง พอกระพือปีก ก็พุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นทันที

“เจ้ามนุษย์น้อย รอจับตัวได้ก่อนเถอะ ข้าจะลอกหนังดึงเอ็นขยี้กระดูกของเจ้าจนป่นเลย!” น้ำเสียงของเลี่ยเจิ้นเทียนดังมาจากที่ไกลๆ

อย่างที่รู้ว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดในแดนใต้ ไหนเลยจะเคยได้รับความอัปยศเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะถูกมนุษย์ระดับผลึกผู้หนึ่งจูงจมูกจนเวลาผ่านไปนานเช่นนี้ ทั้งยังไม่ได้แตะชายเสื้อของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย!

ต่อมา แสงหลบหลีกสีทองกับสีม่วงก็ไล่ล่ากันจนเข้าไปสู่ส่วนลึกของเทือกเขาจูหลง

หนึ่งเดือนต่อมา แสงกระบี่สีทองพุ่งเข้ามาบริเวณขอบเทือกเขา และพุ่งออกไปไกลๆ ในพริบตา

ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป แสงสายฟ้าสีม่วงก็พุ่งผ่านบริเวณนี้ไป และพุ่งตามไปอย่างไม่ลดละ

หลิ่วหมิงกับปีศาจสายฟ้าไล่ล่ากันเช่นนี้ จนออกไปจากอาณาเขตเทือกเขาจูหลงโดยไม่รู้ตัว

ภายใต้การหลบหลีกเป็นเวลานาน แม้จะบอกว่ามีโอสถจำนวนมากคอยช่วยเสริม แต่หลิ่วหมิงก็รู้สึกว่าใจสู้แต่พลังไม่สู้แล้ว ประจักษ์ชัดว่าสูญเสียพลังใจ พลังกาย และพลังจิตไปมาก

ขณะนี้ ปีศาจสายฟ้าที่อยู่ด้านหลังก็รู้สึกรับไม่ไหวเช่นกัน ใบหน้าไร้ความรู้สึกของเขาซีดขาวเล็กน้อย ดวงตากลับดูเคร่งครึมเด็ดขาด ประจักษ์ว่าเขาได้ตัดสินใจแล้ว ต่อให้จะตามล่าจนออกไปจากแผ่นดินจงเทียน ก็จะสังหารหลิ่วหมิงให้ได้!

แต่ว่าผู้แข็งแกร่งระดับพยากรณ์ผู้นี้ ก็รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก แค่ผู้ฝนระดับผลึกคนหนึ่งกลับมีโอสถฟื้นฟูพลังเวทมากมายเช่นนี้ ตามความคิดของเขาในตอนแรก คงจะตามเจ้ามนุษย์น้อยนี้ทัน และฉีกศพเขาเป็นชิ้นๆ ไปได้ตั้งนานแล้ว

………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา