“ปีศาจริ้น…” หลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว แสงกระบี่ใต้เท้าเปลี่ยนทิศทางในฉับพลัน ก่อนที่เมฆแมลงสีเทาจะปิดกั้นทางนั้น เขาก็พุ่งตรงออกไป
หลังจากผ่านไปสักพัก ขณะที่แสงหลบหลีกด้านหลังตามมาถึงนั้น กลับต้องเผชิญหน้ากับแมลงจิตวิญญาณที่ขวางอยู่ตรงหน้าพอดี
แสงสายฟ้าเปล่งประกายท่ามกลางแสงหลบหลีกสีม่วงในทันที จากนั้นก็ฝ่าเข้าไปในเมฆดำ ก่อให้เกิดเสียงดัง “เปรี๊ยงๆ!” ไม่หยุด และศพจำนวนมากของปีศาจริ้นก็พากันร่วงลงมา
“เฮ่อๆ! ผู้น้อย หากคิดจะอาศัยปีศาจอสูรเหล่านี้สลัดตัวให้หลุดพ้นจากข้าล่ะก็ ฝันไปเถอะ!”
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ แสงหลบหลีกสีม่วงก็พุ่งออกจากเมฆดำด้วยเสียงหัวเราะดังกังวานราวกับเสียงระฆัง
เป็นธรรมดาที่ที่เลี่ยเจิ้นเทียนจะคิดเช่นนี้ แต่ที่หลิ่วหมิงเข้ามาในเทือกเทาจูหลงกลับไม่ใช่เพียงเท่านี้
ครึ่งวันผ่านไป เมื่อทั้งสองเข้าไปในส่วนลึกของเทือกเขาจูหลงติดต่อกันนั้น หลิ่วหมิงกลับเริ่มล่อเลี่ยเจิ้นเทียนไปยังสถานที่บางแห่ง
แม้เลี่ยเจิ้นเทียนจะรู้ว่าการกระทำของหลิ่วหมิงในขณะนี้ ดูแปลกประหลาดไปหน่อย แต่กลับกระตุ้นเคล็ดวิชาสายฟ้าโลหิตตามไปอย่างไม่ลังเล เพราะเขามีการฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ ย่อมไม่ต้องกลัวว่าหลิ่วหมิงจะเล่นไม้ไหน
พอรู้สึกว่าไอโลหิตด้านหลังหนาแน่นขึ้นมา หลิ่วหมิงก็กระตุ้นปีกสีเงินอีกครั้งทันที จากนั้นพุ่งไปยังทิศทางบางแห่งด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น
ไม่นานหลิ่วหมิงก็มาปรากฏตัวตรงหน้ายอดเขาสีดำลูกหนึ่ง ด้านล่างยอดเขามีถ้ำสีดำขนาดสิบกว่าจั้ง
“ไม่ผิดจริงๆ ด้วย ดูท่าคงจะเป็นสถานที่แห่งนี้แล้ว” หลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หยุดละงักลงด้วยตาที่เป็นประกาย
การเดินทางเหินเวหาในก่อนหน้านั้น พอมีโอกาสเขาก็จะนำโลหิตปีศาจโคดำระดับแก่นแท้ขวดนั้นออกมาวาดลงบนตัวสองสามขีด ในที่สุดหลายวันก่อนหลังจากใช้โลหิตไปเกือบครึ่งหนึ่ง เขาก็วาดภาพ ‘เชอฮ่วน’ สำเร็จอีกครั้ง
เขาร่ายคาถากระตุ้นเคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์ในทันที จากนั้นเงาร่างโคดำกึ่งโปร่งแสงก็เปล่งประกายออกจากตัว และหลังจากส่งเสียงคำรามออกมาแล้ว ก็รวมร่างกับเขาอีกครั้ง ทำให้กลิ่นไอบนตัวดูขาดๆ หายๆ ขึ้นมาทันที
หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จ เขาก็เก็บกระบี่สีทองใต้เท้า และกลายร่างเป็นแสงสีดำจางๆ แฝงตัวเข้ามาไปในถ้ำที่เป็นรังของปีศาจอสูร
ในถ้ำมืดมิดไปทั้งแถบ หลิ่วหมิงปล่อยจิตออกมา และเดินไปยังส่วนลึกอย่างระมัดระวัง
ชั่วเวลาครึ่งถ้วยชาผ่านไป เขาก็มาถึงตำแหน่งตรงใจกลางเขา ภายใต้การกวาดจิตสำรวจดู ก็ค้นพบปีศาจวิหคที่ยึดครองสถานที่แห่งนี้ มันคืออีแร้งวายุสีดำตัวโตเต็มวัยสามตัว
ขณะนี้ปีศาจวิหคทั้งสามกำลังนอนพักผ่อนอยู่บนกองหน้าแห้งกองหนึ่ง
รูปร่างของอีแร้งวายุทั้งสามดูคล้ายอินทรียักษ์ แต่ละตัวมีขนาดสิบกว้าจั้ง กลิ่นไอน่าสะพรึงเป็นอย่างมาก ปีกขนาดใหญ่ทั้งคู่มีสีดำแซมกับสีขาว ขนยาวสามเส้นบนหัวย้อยลงด้านหลัง ลูกตาสีม่วงเข้มทั้งคู่เปล่งแสงสีเขียวเย็นสะท้านออกมา ดูแหลมคมเป็นอย่างมาก
และรอบๆ ตัวของอีแร้งวายุก็มีกระดูกสีขาวเปล่งแสงเรืองรองวางกระจัดกระจายเป็นจำนวนมาก ดูจากขนาดของโครงกระดูกแล้ว มันเป็นปีศาจอสูรที่มีรูปร่างขนาดใหญ่จำพวกหนึ่ง
ตอนแรกที่เขากับอู๋ขุยและคนอื่นๆ ไปล่าราชินีผึ้งห้าแสงที่รังของมันนั้น เคยได้ยินฮวาชิงอิ่งพูดว่าสถานที่แห่งนี้มีปีศาจอสูรระดับแก่นแท้ครอบครองอยู่สามตัว มีนิสัยดุร้ายเป็นอย่างมาก เพียงแต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นอีแร้งวายุ
ตอนนั้นหลิ่วหมิงเกิดความสนใจ จึงถามออกไปอีกสองสามประโยคอย่างไม่ใส่ใจ ด้วยเหตุนี้จึงรู้ตำแหน่งของมัน
จะว่าไปแล้ว การซ่อนเร้นของเคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์ไร้นามนี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ภายใต้การระมัดระวังของหลิ่วหมิง ปีศาจอสูรระดับแก่นแท้ทั้งสามกลับไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย
หลิ่วหมิงร่อนลงตรงมุมหนึ่งถ้ำอย่างไร้สุ้มเสียง จากนั้นก็กระตุ้นเคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์ และซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกองหินสีดำไม่ขยับเขยื้อน โดยที่ไม่มีกลิ่นแผ่ออกไปเลยแม้แต่น้อย
หลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งเค่อ แสงสีม่วงที่ดูราวกับสายฟ้าก็ปรากฏตัวนอกถ้ำ และพุ่งเข้ามาด้านในอย่างไม่ลังเล
เกิดเสียงร้องยาวดังขึ้นแผ่วโผย!
อีแร้งวายุในถ้ำค้นพบการบุกรุกของปีศาจสายฟ้าในทันที ขนของมันสั่นสะท้าน และแสดงท่าทีระแวดระวังออกมา พอกระพือปีกทั้งคู่ พายุกระหน่ำก็ก่อตัวขึ้นมา ทำให้ผนังถ้ำเกิดเสียงดังฟู่ๆ และทิ้งร่องรอยขนาดต่างๆ ไว้
แสงสีดำสามลำกะพริบออกจากส่วนลึกของถ้ำ และกลายเป็นปีศาจอสูรขนาดสิบกว่าจั้งสามตัวที่มีลักษณะคล้ายอินทรียักษ์ ครู่เดียวก็ห้อมล้อมปีศาจสายฟ้าที่เพิ่งจะเหยียบเข้ามาในถ้ำได้ไม่นาน
หลังจากหนึ่งในนั้นหุบปีกแล้ว ร่างของมันก็กระโจนเข้าใส่เลี่ยเจิ้นเทียนราวกับกระสวย กรงเล็บแหลมคมขนาดใหญ่คว้าไปยังกะโหลกศีรษะของเขา
ส่วนอีกสองตัวก็ยื่นปากแหลมคมออกมา ขณะเดียวกันก็จิกเข้าใส่ปีศาจสายฟ้าอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
“ฮึ่!”
พอฝ่ายตรงข้ามโจมตีอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว ปีศาจสายฟ้ากลับแต่ทำเสียงฮึดฮัดออกมา จากนั้นก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาฉับพลัน เสียงสายฟ้าดังก้องอยู่ในมือ พอพลิกฝ่ามือ ลูกสายฟ้าสีม่วงจางๆ ก็ก่อตัวขึ้นมา และพุ่งออกไปทันที
“ตู๊ม!”
ลูกสายฟ้าสีม่วงระเบิดตัวกลางอากาศ แสงสีม่วงเล็กละเอียดจำนวนมากพุ่งยิงออกจากในนั้น พริบตาเดียวก็กลายเป็นตาข่ายยักษ์สีม่วงผืนหนึ่งพุ่งออกไปปกคลุมอีแร้งวายุทั้งสามที่พุ่งเข้ามาไว้
อีแร้งวายุทั้งสามเห็นเช่นนี้ก็หยุดชะงักในทันที ดวงตาของพวกมันฉายแววดุร้ายออกมา ภายใต้การกระพือปีกทั้งสองอย่างรุนแรง ขนวิหคสีดำขาวก็กลายเป็นใบมีดอันแหลมคมพุ่งยิงออกไปจำนวนมาก และปะทะลงบนตาข่ายสายฟ้า
เกิดเสียงระเบิดดัง “ตูมตาม!” แสงสีดำกับสีเขียวประสานเข้าด้วยกัน เสียงฟ้าร้องกับเสียงวิหคแผดร้องดังออกมาพร้อมกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา