ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 731

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 731 อยู่อย่างสันโดษ
ตอนที่ 731 อยู่อย่างสันโดษ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชิงหลิงพยักหน้า จากนั้นสายตาของนางก็ตกลงบนตัวปีศาจสายฟ้ากับปีศาจวายุ และกล่าวออกมาอย่างน่าเกรงขาม

“พวกเจ้าทั้งสอง ตั้งแต่นี้ไปเป็นผู้คุ้มกันของข้า เพียงแค่จงรักภักดีต่อข้า ข้าย่อมปฏิบัติต่อพวกเจ้าอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่หากกล้าคิดคดกับข้า คงรู้ดีนะว่าจะมีจุดจบเช่นไร!”

“ทราบ!”

“มิกล้า!”

ปีศาจทั้งสองก้มหน้าตอบรับ และไม่กล้ามีความคิดอื่นเลยแม้แต่น้อย

“เอาล่ะ! เรื่องหยุมหยิมจบลงแล้ว ตามที่ตกลงกันไว้ในก่อนหน้านั้น ข้าจะส่งเจ้าออกไปแล้ว จำไว้ให้ดี! ข้าไม่คาดหวังให้เรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้เล็ดลอดออกไปสู่โลกภายนอก” ขณะที่ชิงหลิงพูด มือยักษ์ทั้งสองก็ยกขึ้นแล้วประกบเข้าด้วยกัน หลังจากแยกออกไปทางซ้ายขวาอีกครั้ง ก็เกิดเสียงดังบนอากาศที่อยู่ไม่ไกล และเกิดรอยแยกมิติขนาดใหญ่ขึ้นมา

“ขอบคุณผู้อาวุโสชิงหลิงที่ส่งเสริม ผู้น้อยจะเก็บเรื่องนี้ราวกับปิดปากขวด” หลิ่วหมิงเห็นเช่นดีก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขารีบโค้งตัวคารวะ ขณะที่กำลังจะเหาะไปนั้น ก็ก้มหน้าลงไปดูทีหนึ่ง

กลับค้นพบว่าเงาร่างอรชรสวมชุดสีขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนเผ่าทราย กำลังจ้องมองเขาตาไม่กะพริบ มีความคาดหวังบางอย่างในแววตา และมีความลังเลเล็กน้อย ขณะเดียวกันยังแฝงไปด้วยความคับแค้นใจเล็กน้อยด้วย

นางก็คือซาฉู่เอ๋อร์นั่นเอง

ทันใดนั้น พายุบ้าระห่ำก็พัดผ่านมา ทำให้เสื้อผ้าของนางโบกสะบัดอย่างรุนแรง และผ้าขาวที่ปิดบังใบหน้าของนางอยู่ก็หลุดร่วงลงไป

ทันใดนั้น ใบหน้างดงามล่มบ้านล่มเมืองก็ถูกเปิดเผยออกมา ดูเหมือนว่าอากาศสลัวๆ รอบด้านจะสว่างขึ้นมาเล็กน้อย

หลิ่วหมิงเผยสีหน้าเข้าใจในทันที และอดคิดถึงเรื่องราวที่เคยพูดคุยกับหญิงผู้นี้บนเนินทรายนอกเมืองไม่ได้

เขาถอนหายใจเล็กน้อย และเผยรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า จากนั้นก็ขยับปากส่งเสียงออกไป

“แม้นางซา ข้าน้อยขอลาจากกันตรงนี้ มีวาสนาค่อยพบกันใหม่”

พอซาฉู่เอ๋อร์ได้ยิน ร่างบอบบางของนางก็สั่นสะท้านเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูดอะไรออกมานั้น กลับเห็นว่าชิงหลิงโบกมือขนาดใหญ่แล้ว จากนั้นแสงสีทองก็ห่อหุ้มหลิ่วหมิงไว้ และม้วนตัวเข้าไปในรอยแยก

จากนั้นรอยแยกก็ผสานกันอย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

……

ท้องฟ้าและแผ่นดินหมุนวนอยู่ชั่วขณะหนึ่ง!

หลังจากหลิ่วหมิงได้สติกลับมา เขาก็มายืนอยู่บนทุ่งหญ้าแล้ว

พอมองออกไปรอบด้าน เขาก็จำไม่ได้ว่าตนเองอยู่สถานที่แห่งใด แต่ที่ยืนยันได้ก็คือ ได้ออกมาจากทะเลทรายกุ่ยโม่แล้ว

เหตุผลก็คือ สถานที่แห่งนี้ไม่รับรู้ถึงพลังแปลกประหลาดที่กดดันระดับการฝึกฝนของเขาแล้ว แม้ว่าปราณจิตวิญญาณในสถานที่แห่งนี้จะเบาบาง แต่เมื่อเทียบกับในทะเลทรายกุ่ยโม่แล้ว กลับหนาแน่นกว่าร้อยเท่า

“ในที่สุดก็ออกมาแล้ว!”

หลิ่วหมิงถอนหายใจเบาๆ และนำแผ่นหยกสีเทาออกจากแหวนย่อส่วนมาอันหนึ่ง

สิ่งนี้เขาได้มาจากการสังหารผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ในแดนลึกลับบนเขาเหลยฉือโดยไม่ตั้งใจ

ในแผ่นหยกมีแผนที่ดินแดนทางตอนใต้ที่มีเทือกเขาจูหลงและเทือกเขาใหญ่อื่นๆ เป็นจุดศูนย์กลาง แต่ละเขตพื้นที่ล้วนบันทึกอยู่ในนั้นอย่างละเอียดครอบคลุม

ชั่วเวลาหนึ่งเค่อผ่านไป หลิ่วหมิงถึงนำจิตรังรู้ออกจากแผ่นหยก

เมฆดำก่อตัวขึ้นที่ใต้เขาของเขา จากนั้นก็เหาะขึ้นสูงหลายร้อยจั้ง เขากวาดสายตามองรอบด้าน และเทียบพื้นที่บริเวณนี้กับแผนที่หนึ่งรอบ ก็ยืนยันตำแหน่งในปัจจุบันได้คร่าวๆ

สถานที่แห่งนี้คงเป็นเขตทุ่งหญ้าทางด้านตะวันตกของเทือกเขาจูหลงที่อยู่ห่างไกลผู้คน ห่างจากตลาดชิงกู่ไม่มากนัก ซึ่งห่างไม่กี่หมื่นลี้เท่านั้น

หลังจากหลิ่วหมิงหลับตาครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้ว ก็ทำท่ามืออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลายเป็นแสงหลบหลีกสีดำพุ่งไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับตลาดชิงกู่

หลังจากเผชิญกับอุบัติภัยอย่างแดนลึกลับบนเขาเหลยฉือ และทะเลทรายกุ่ยโม่แล้ว ตอนนี้เขาไม่กล้ากลับไปตลาดชิงกู่อีก

ครึ่งเดือนต่อมา แสงสีดำลำหนึ่งก็หยุดลงบริเวณเทือกเขาไร้นามที่สูงชันและอันตรายแห่งหนึ่ง

พอแสงสีดำดับลง เงาร่างชายหนุ่มผู้หนึ่งก็ปรากฏออกมา ซึ่งก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง

ในมือเขาถือแผ่นหยกที่เป็นแผนที่อยู่ ดวงตาทั้งคู่หรี่มองรอบด้าน สีหน้าของเขาค่อยๆ แสดงความพึงพอใจออกมา

สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากเทือกเขาจูหลงหลายหมื่นหลายพันลี้ สามารถพูดได้ว่าอยู่สวนทางกับตลาดชิงกู่โดยสิ้นเชิง

อีกอย่างแม้จะเทียบกันแล้วปราณจิตวิญญาณของสถานที่แห่งนี้จะค่อนข้างเบาบาง มีผู้ฝึกฝนน้อยคนที่จะมาถึงที่นี้ แต่คงสงบเงียบเป็นอย่างมาก

และอยู่ห่างจากเทือกเขาไปหมื่นลี้ ก็จะเป็นตลาดขนาดใหญ่ของเผ่าหมาน แต่ก่อนหลิ่วหมิงเคยมาซื้อวัตถุโอสถแฝงจิตวิญญาณในสถานที่แห่งนี้ จึงรู้ว่าขนาดของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าตลาดชิงกู่เลย

“ที่นี่ก็แล้วกัน!” หลิ่งหมิงเก็บแผ่นหยกแล้วเหาะไปยังพื้นที่เร้นลับตรงไหล่เขา และปล่อยกระบี่บินว่างเปล่าทำการขุดเจาะหิน

ด้วยระดับการฝึกฝนของเขาในตอนนี้ การขุดถ้ำที่พักแห่งหนึ่งไม่ใช่เรื่องที่เปลืองแรงแต่อย่างใด

หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งวัน เขาก็ขุดห้องหินขนาดต่างๆ ออกมาได้หลายห้อง และยังถือโอกาสตัดหินก้อนหนึ่งมาทำเป็นเตียงหิน และตั่งหินสองสามตัว

จากนั้นเขาก็นำเครื่องมือวางค่ายกลออกมาสองสามชุด และทำการปกคลุมภูเขากว่าครึ่งลูกไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา