หลังจากเดินผ่านทางเดินสีดำที่ไม่ค่อยยาวมากนัก หลิ่วหมิงก็ตามผู้อาวุโสชุดขาวเข้าไปในห้องลับใจกลางภูเขา
ที่แตกต่างจากห้องลับในถ้ำทั่วไปก็คือ ภายในห้องลับที่มีขนาดแค่สิบกว่าจั้งนี้ มีไอหมอกสีขาวบางๆ ปกคลุมอยู่รอบด้าน คิดว่าคงมีผลในการปิดกั้นจิตรับรู้ กลางห้องมีโต๊ะหินหนึ่งตัวกับเก้าอี้หินสองตัวจัดวางอยู่ นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีสิ่งของอื่นๆ อีก
“เชิญนั่ง” ผู้อาวุโสชุดขาวทำท่าเชื้อเชิญให้หลิ่วหมิงนั่ง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลิ่วหมิงเองก็เดินไปหน้าเก้าอี้อย่างไม่เกรงใจ หลังจากเลิกชายเสื้อขึ้นแล้วก็นั่งลงไป
“ที่สหายมาในครั้งนี้ ต้องการขายสิ่งของอันใดหรือ?” ผู้อาวุโสชุดขาวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้าม และถามหยั่งเชิงดู
หลิ่วหมิงได้ยินก็สะบัดแขนเสื้อด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก หลังจากมีเสียงดัง “ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ!” กล่องหยกแวววาวแต่ละใบก็วางเรียงอยู่บนโต๊ะหินอย่างครบครัน ซึ่งมีทั้งหมดสิบกว่าใบ จากนั้นถึงกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ
“ช่วงนี้ข้าค่อนข้างร้อนหินจิตวิญญาณมาก ดังนั้นจึงคิดจะขายสมบัติจำนวนหนึ่ง เพื่อแลกกับหินจิตวิญญาณ”
ผู้อาวุโสชุดคลุมสีขาวได้ยินก็พยักหน้าทันที พอโบกมือข้างหนึ่ง กล่องหยกก็ลอยขึ้นมา และค่อยๆ ร่วงลงในมือของเขา
เขาใช้มือข้างหนึ่งแตะกล่องหยกเบาๆ “ฟู่!” ลำแสงสีม่วงพุ่งออกมา หลังจากหมุนติ้วๆ กลางอากาศแล้ว ก็เผยให้เห็นรูปร่างที่แท้จริงของมัน ซึ่งก็คือดาบประหลาดสีม่วงที่หลิ่วหมิงได้มาจากผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวที่สังหารในแดนลึกลับบนเขาเหลยฉือผู้นั้น
“ต้นแบบอาวุธเวท ทั้งยังหลอมขึ้นมาจากวัสดุจิตวิญญาณที่เป็นหยกผลึกม่วงด้วย!” ผู้อาวุโสชุดขาวหลุดปากออกมาอย่างอดไม่ได้ ดวงตาทั้งคู่ฉายแววดีใจออกมาเล็กน้อย
หลิ่วหมิงกลับมองดูผู้อาวุโสด้วยสีหน้าสงบ
“หากสหายจะขายอาวุธจิตวิญญาณนี้ ทางร้านเรายินดีใช้หกล้านหินจิตวิญญาณซื้อ ท่านคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?” ผู้อาวุโสชุดขาวถามเบาๆ
“หกล้านหินจิตวิญญาณ นับว่าราคายุติธรรมดี แต่ว่ายังมีอีกมากที่ท่านยังไม่ได้ดู ลองดูให้หมดแล้วค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย” หลิ่วหมิงไม่มีท่าทีตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย ยังคงกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ผู้อาวุโสชุดขาวย่อมไม่เกรงใจแต่อย่างใด เขาเปิดกล่องหยกใบที่สอง ในนั้นมีมุกสีเหลืองกลมๆ อยู่หนึ่งเม็ด ซึ่งได้มาจากปีศาจผู้ฝึกฝนหน้ายาวเช่นกัน
การเดินทางบนเขาเหลยฉือในวันนั้น สิ่งที่ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกหงุดหงิดที่สุดก็คือ ต้นแบบอาวุธเวทที่ได้มานั้น ส่วนมากเป็นประเภทที่ใช้ในการโจมตี ไม่มีที่ใช้สำหรับป้องกันตัวเลยสักชิ้น หลังจากโล่เก้ากะโหลกได้รับความเสียหาย ตอนนี้เขากำลังต้องการต้นแบบอาวุธเวทที่ใช้ในการป้องกันชิ้นหนึ่งพอดี ภายใต้สถานการณ์วิกฤตยังพอจะนำมาออกมาต้านทานได้บ้าง
ขณะนี้ ผู้อาวุโสชุดขาวมีสีหน้าหวั่นไหวขึ้นมา ดวงตาฉายแววเร่าร้อน และจ้องมองกล่องหยกในมือตาไม่กะพริบ
“มีต้นแบบอาวุธถึงหกชิ้น ชิ้นอื่นๆ ก็เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอด สหายคงไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธหรอกนะ?” ผู้อาวุโสชุดขาวสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ลองถามหยั่งเชิงดู
หลิ่วหมิงได้ยินก็แค่หัวเราะเบาๆ และไม่ได้ให้คำตอบแต่อย่างใด
ผู้อาวุโสเห็นเช่นนี้ ก็กระแอมไอออกมา และไม่ได้สอบถามอะไรต่อ แต่เห็นได้ชัดว่านอบน้อมกับหลิ่วหมิงมากกว่าเดิมเล็กน้อย
ผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วยาม ผู้อาวุโสชุดขาวถึงดูสิ่งของในกล่องหยกเหล่านี้จนหมด และวางกลับไปบนโต๊ะ
“ต้นแบบอาวุธเวทกับอาวุธจิตวิญญาณสิบกว่าชิ้นนี้ ข้าลองคำนวณดูคร่าวๆ แล้ว มูลค่าประมาณสามสิบแปดล้านหินจิตวิญญาณ ไม่ทราบสหายคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง? แต่ว่าร้านเราไม่อาจเตรียมหินจิตวิญญาณจำนวนมากในครั้งเดียวเช่นนี้ได้ คาดว่ายังขาดอีกสิบล้านกว่าหินจิตวิญญาณ หากสหายคิดว่าราคาพอใช้ได้ล่ะก็ เกรงว่ายังต้องรออีกสองสามชั่วยามแล้ว ข้าจะให้คนจะให้คนจัดหินจิตวิญญาณมาให้จำนวนหนึ่ง” ในที่สุดผู้อาวุโสชุดขาวก็กล่าวกับหลิ่วหมิง
“ไม่รีบร้อน! ที่ข้ามาในครั้งนี้ เดิมทียังคิดที่จะซื้อสิ่งของจำนวนหนึ่งด้วย” หลิ่วหมิงเลิกคิ้วแล้วกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
“อ๋อ? ไม่ทราบว่าสหายต้องการซื้อสิ่งของอันใด บอกมาได้เลย”
“ในร้านอาจจะมีอาวุธจิตวิญญาณป้องกันขาย แต่ว่าหากไม่ใช่ระดับต้นแบบอาวุธเวทขึ้นไป ก็ไม่ต้องนำออกมาแล้ว” หลิ่วหมิงค่อยๆ กล่าวออกมาด้วยแววตาที่เป็นประกาย
“สหายมาได้เวลาพอดี หลายวันก่อนร้านเราเพิ่งได้ต้นแบบอาวุธเวทธาตุดินมาชิ้นหนึ่ง ‘โล่พสุธา’ เดิมทีกะนำไปประมูลในอีกสองเดือนให้หลัง หากสหายต้องการล่ะก็สามารถให้สหายก่อนได้” ผู้อาวุโสขุดขาวหัวเราะก่อนกล่าวออกมา
หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา แต่กลับพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ผู้อาวุโสชุดขาวเห็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้ไปเอาอาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้จากสถานที่อื่น แต่กลับพลิกฝ่ามือหยิบกล่องหยกที่เปล่งแสงสีเขียวสลัวๆ ออกมายื่นให้หลิ่วหมิง
เถ้าแก่ผู้นี้พกสมบัติชิ้นนี้ติดตัวไว้ ทำให้หลิ่วหมิงต้องเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเล็กน้อย
เขารับกล่องหยกจากมือผู้อาวุโสชุดขาว พอเลื่อนฝากล่องเบาๆ กลิ่นหินดินทรายก็ปะทะใส่หน้าเขา แสงสีเหลืองเปล่งประกายออกมา และลอยอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง
พอแสงสีเหลืองดับลง เผยให้เห็นโล่เล็กสีเหลืองที่อยู่ในนั้น
บนผิวของมันมีภาพภูเขาลูกเล็กๆ ที่ดูราวกับของจริงประทับอยู่ บริเวณขอบของมันมีแสงสีเหลืองเปล่งประกาย ทำให้รู้สึกถึงความหนาและหนักผิดปกติ
“ฟิ้ว!”
พอหลิ่วหมิงชี้มือข้างหนึ่งออกไป ปราณกระบี่รูปเกลียวสายหนึ่งก็พุ่งยิงใส่โล่เล็กสีเหลืองทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา