“เปรี๊ยงปร๊าง!” เกิดเสียงดังราวกับฟ้าถล่มดินทลาย
มีโพรงขนาดใหญ่สิบกว่าจั้งปรากฏออกมาตรงตีนเขา จากนั้นภูเขาหินทั้งลูกก็ล้มโครมลงมา ก้อนหินจำนวนมากร่วงลงมาอย่างบ้าคลั่ง พอตกถึงพื้นก็กลายเป็นเศษหิน
“วิชาสายฟ้าสวรรค์ขั้นสมบูรณ์แบบ!”
หลิ่วหมิงแหงนหน้าหัวเราะด้วยความดีใจ พอนึกถึงเรื่องที่ว่า ตนเองเริ่มฝึกฝนวิชาสายฟ้าสวรรค์เพื่อควบคุมจิตปีศาจ จนตอนนี้ไม่รู้ว่าถูกสายฟ้าสวรรค์โจมตีในคืนอัสนีบาตไปตั้งกี่ครั้ง ก็รู้สึกถอดถอนใจอย่างอดไม่ได้
และตอนนี้ก็ฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว สามารถพูดได้ว่าเพียงแค่รีบรวบรวมสายฟ้าเทพสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามาได้โดยเร็ว ก็สามารถยับยั้งจิตปีศาจได้ชั่วคราวแล้ว
เพราะตามที่หลัวโหวพูด หากกลายร่างเป็นปีศาจในครั้งหน้า มีโอกาสเป็นไปได้มากที่เขาจะถูกชิงร่างไปอย่างสมบูรณ์ และกลายเป็นตัวประหลาดที่รู้จักแต่การสังหารเท่านั้น
เขาครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงพื้นทันที มือทั้งคู่ทำท่ามือและรวบรวมสมาธิ พอหลับตาทั้งคู่ลง ก็นึกถึงคัมภีร์วิชาสายฟ้าสวรรค์อย่างเงียบๆ
ตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ หลังจากฝึกฝนวิชาสายฟ้าสวรรค์จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว สามารถใช้พลังของสายฟ้าบริสุทธิ์ที่ปล่อยออกมา และอาศัยแรงดึงดูดระหว่างสายฟ้าด้วยกันเหนี่ยวนำสายฟ้าเทพสวรรค์เก้าชั้นฟ้าในสถานที่พิเศษได้
แต่ว่าสายฟ้าเทพสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามีอานุภาพมหาศาลอย่างเหลือเชื่อ ในบรรดาผู้ฝึกฝนสมัยก่อนที่ฝึกฝนวิชาสายฟ้าสวรรค์จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ ก็มีจำนวนไม่น้อยที่บรรลุถึงระดับดาราพยากรณ์ กายเนื้อแข็งแกร่งกว่าคนปกติมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ยังถูกสายฟ้าเทพสวรรค์เก้าชั้นฟ้าผ่าจนตายทั้งเป็น
แม้ว่ากายเนื้อของหลิ่วหมิงจะแข็งแกร่งจนพอที่จะเทียบกับระดับแก่นแท้ได้ ภายใต้การทานโลหิตปีศาจไป ยังช่วยเพิ่มทวีความแข็งแกร่งให้กายเนื้อไม่น้อย แต่เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด เขายังคงคิดที่จะฝึกฝนอีกหลายปี รอการฝึกฝนบรรลุระดับผลึกขั้นปลาย และพลังเพิ่มทวีขึ้นอีกเล็กน้อยแล้ว ถึงลองไปเหนี่ยวนำสายฟ้าเทพสวรรค์เก้าชั้นฟ้าดู
คิดว่าตั้งใจฝึกฝนไม่กี่ปี และไม่ไปหยุแหย่ศัตรูที่แข็งแกร่งเข้า ก็คงจะไม่ถูกกระตุ้นจิตปีศาจอีก
หลังจากวางแผนไว้เช่นนี้แล้ว หลิ่วหมิงก็กลับไปนอนหลับบนเตียงหินภายในถ้ำที่พักเป็นการใหญ่
……
เช้าตรู่ในหลายวันต่อมา หลิ่วหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องลับภายในถ้ำที่พัก เขากำลังชื่นชมขวดแวววาวสีขาวในมืออยู่
สิ่งที่อยู่ในขวดเล็กก็คือโลหิตปีศาจโคเขียวครึ่งขวดที่เขาได้มาในแดนลึกลับบนเขาเหลยฉือนั่นเอง
ตั้งแต่มาถึงที่นี่ เขาถือโอกาสที่หนานฮวงยังไม่เกิดความวุ่นวาย ไปตลาดในบริเวณนี้อยู่หลายครั้ง เพื่อแบ่งขายอาวุธจิตวิญญาณ โอสถ และยันต์จำนวนหนึ่ง จนได้มาหลายสิบล้านหินจิตวิญญาณ นอกจากซื้อของเหลวห้าแสงมาจำนวนหนึ่งแล้ว ก็เก็บเนื้อเก็บตัวตั้งใจฝึกฝนโดยที่ไม่ออกไปไหนอีก
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้นำโลหิตปีศาจโคมาใช้
สถานการณ์ในตอนนี้ นอกจากของเหลวห้าแสงระดับสุดยอดจากราชินีผึ้งห้าแสงที่เขาไม่ได้นำออกมากลั่นแล้ว ของเหลวห้าแสงระดับสูงที่เหลือ ก็นำมาปรุงเป็นโอสถแฝงจิตวิญญาณ หลายปีมานี้ เขาก็ทานไปไม่น้อย ซึ่งหินจิตวิญญาณในมือก็เหลือไม่เท่าไหร่แล้ว
พอนึกมาถึงจุดนี้ เขาก็มองดูอาวุธเวทหลายชิ้นที่เหลืออยู่ในแหวนย่อส่วน
เห็นได้ชัดว่า คุณสมบัติของของล้ำค่าเหล่านี้ไม่เหมาะสมกับเขา และเขาก็วางเฉยไม่ได้นำไปปรับแต่งมาโดยตลอด เวลานานเข้า ก็กลายเป็นเรื่องที่จัดการได้ยาก
และขณะที่เขาค้นพบว่ามีสัญญาณความวุ่นวายในหนานฮวงนั้น ก็ได้กลับไปที่ตลาดเหมียวจงเมื่อหลายปีก่อนอีกครั้ง และเข้าร่วมงานประมูล ประมูลของเหลวห้าแสงมาไม่น้อย
ขณะที่เขาทำการชำระและพบว่าหินจิตวิญญาณมีไม่พอนั้น ก็คิดที่จะนำต้นแบบอาวุธเวทเหล่านี้มาหักบัญชี แต่กลับได้ยินว่า ผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ก็ให้ความสนใจงานประมูลในครั้งนี้มาก เขาจึงละทิ้งความคิดนี้ในทันที และนำโอสถแฝงจิตวิญญาณมาทำการหักล้างบัญชีแทน หลังจากนั้นก็รีบออกไปจากงานประมูลทันที ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้ออกไปไหนอีก
หากคิดจะนำอาวุธเวทเหล่านี้ออกไปขายในทีเดียว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คน แต่หากแบ่งขายก็จะเสียเวลาและกำลังวังชาไม่น้อย สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก
เพราะความวุ่นวายครั้งใหญ่ในหนานฮวงยังไม่สิ้นสุด หากออกไปจากถ้ำในตอนนี้ล่ะก็ จำเป็นต้องเตรียมการให้ดีๆ เสียก่อน
หลังจากหลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองแล้ว ก็ตัดสินใจใช้โลหิตโคเขียวระดับแก่นแท้ในมือมาวาดภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนที่แท้จริงเพื่อปิดบังกลิ่นไออีกครั้ง เช่นนี้แล้ว แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับดาราพยากรณ์ก็ไม่อาจมองเห็นระดับการฝึกฝนที่แท้จริงของเขาได้ และตัวเขาเองก็จะเคลื่อนไหวได้สะดวกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น เขาค่อนข้างรู้สึกรอคอยพลังที่แท้จริงของภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนเป็นอย่างมาก
หลังจากมีประสบการณ์วาดภาพสัญลักษณ์ชั่วคราวในก่อนหน้านั้น หลิ่วหมิงนำพู่กันหยกออกจากแหวนย่อส่วนมาจุ่มโลหิตและวาดไม่กี่ที ก็วาดภาพไว้บนหน้าอกและไหล่ขวาอย่างชำนาญ
ผ่านไปแค่สองชั่วยาม ภาพโคเขียวที่มีเกล็ดมังกรปกคลุมเต็มตัว ก็ปรากฏบนตัวของเขาราวกับมีชีวิต
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็เอามือข้างหนึ่งตบลงบนหน้าอก และค่อยๆ ปล่อยพลังเวทจากฝ่ามือเข้าไปในภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วน ทันใดนั้นกระแสอุ่นๆ ก็ไหลวนอยู่ในภาพสัญลักษณ์
เงาร่างโคเขียวเปล่งประกายออกมา “ฟู่!” และส่งเสียงคำรามอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิงราวกับมีชีวิต หลังจากผ่านไปสักพัก แสงสีเขียวถึงเปล่งประกายออกมา และจมหายไปในลวดลายเชอฮ่วนบนผิวหนัง
“นี่คือพลังที่แท้จริงของภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนหรือ?” หลิ่วหมิงพูดพึมพำเบาๆ ด้วยความฉงน จากนั้นก็เก็บโลหิตโคเขียวกับพู่กันหยกเข้าไป
น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาไม่มีวิญญาณปีศาจอื่นๆ อยู่ในมือเพื่อทำการปรับแต่งอีกขั้น ด้วยเหตุนี้นอกจากภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนจะช่วยปิดบังกลิ่นไอแล้ว ก็มิอาจแสดงอานุภาพอื่นได้ชั่วคราว
หลังจากเตรียมการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว หลิ่วหมิงก็แปลงโฉมป็นชายฉกรรจ์เผ่าหมานที่มีรูปร่างแปลกประหลาดคนหนึ่ง จากนั้นก็ออกไปจากถ้ำที่พัก
แสงสีทองเปล่งประกายเจิดจ้าบนเขา หลังจากหมุนวนไปรอบหนึ่งแล้ว ก็พุ่งไปทางตลาดเหมียวจงทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา