แต่สำหรับเขาที่เคยสังหารผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้มาแล้ว กลับไม่ใช่เรื่องที่ควรค่าแก่การพูดถึงแต่อย่างใด
หากไม่ใช่ว่าตอนนี้เขากำลังทะลวงคอขวดระดับผลึกขั้นปลายอยู่ล่ะก็ คงสังหารคนทั้งสี่จนหมดสิ้นตั้งแต่ตอนที่พวกเขาโผล่หน้าออกมาแล้ว
แต่ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ เขาต้องรีบเผด็จศึกให้ไวที่สุด
หลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว พอเปลี่ยนท่ามือ มังกรหมอกดำสี่ตัวก็ส่งเสียงคำรามออกมา และพุ่งออกจากร่างของเขา
พอมังกรหมอกดำตัวหนึ่งส่งเสียงคำราม เงากรงเล็บที่เหยี่ยวหัวดำปล่อยออกมา ก็ถูกโจมตีจนแตกกระจาย และมันก็พุ่งตรงไปด้านหน้าเหยี่ยวหัวดำ หลังจากหมุนวนรอบตัวเหยี่ยวดำหนึ่งรอบ พายุหมุนที่คุ้มกันอยู่ก็แตกกระจายทันที และมันก็อ้าปากงับปีกของเหยี่ยวหัวดำอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หมุนวนรัดตัวของเหยี่ยวดำไว้ จนเหยี่ยวตัวนี้ไม่อาจกระดิกตัวได้เลยแม้แต่น้อย
มังกรหมอกดำอีกตัว เพียงแค่สะบัดหางขนาดใหญ่ตรงหน้าอย่างรุนแรง ก็ก่อเกิดคลื่นสีดำอันพวยพุ่ง และโจมตีเงากระบองที่ปกคลุมเต็มฟ้าจนแตกกระจาย จากนั้นก็พุ่งใส่หมาป่ายักษ์สีเทาที่อยู่ด้านล่างจนกระเด็นออกไป และทำการต่อสู้กันอย่างอุตลุด
มังกรหมอกอีกสองตัวก็พร่ามัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พุ่งมาถึงด้านหน้าชายตาเดียวกับชายเผ่าหมานวัยกลางคน
ชายตาเดียวกับชายเผ่าหมานวัยกลางคนเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ทันใดนั้นโล่สีเขียวก็ถูกโยนออกไป หลังจากขยายใหญ่ตามแรงลมแล้ว มันก็ขยายใหญ่กว่าเดิมหลายจั้ง และต้านทานอยู่ตรงหน้า ส่วนอีกคนก็อ้าปากพ่นพายุหมุนสีเทาสลัวๆ ม้วนตัวเข้าใส่มังกรหมอกตรงหน้า
ขณะนี้หลิ่วหมิงกลับตะโกนออกมา “ระเบิด!”
มังกรหมอกทั้งสี่ตัวระเบิดออกมาทันที ไม่เพียงแต่จะโจมตีจนหมาป่ายักษ์สีเทากับเหยี่ยวหัวดำจนโซซัดโซเซร่นถอยออกไปเท่านั้น พริบตาเดียวก็กลายเป็นแสงสีดำอันพวยพุ่งปกคลุมผู้ฝึกฝนระดับผลึกทั้งสามกับหมาป่ายักษ์ไว้ในนั้น
เกิดเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมา!
สายฟ้าสีเงินสีเส้นพุ่งยิงออกจากมือหลิ่วหมิง หลังจากพร่ามัวไปหนึ่งที ก็กลายเป็นหอกสายฟ้าสีเงินแวววาว และวาดตัวผ่านอากาศไปโดยที่ไม่ได้จมอยู่ในแสงสีดำ
หลังจากเกิดเสียงร้องอย่างน่าเวทนา คนทั้งสี่ที่ถูกขังอยู่ก็ถูกหอกสายฟ้าแทงทะลุจุดสำคัญไป ภายใต้พลังสายฟ้าอันน่าหวาดกลัว ทำให้ปรานแกร่งคุ้มกันตัวกับอาวุธจิตวิญญาณชนิดต่างๆ ไม่ทันได้แสดงอานุภาพออกมา ก็ต้องดับสลายไปพร้อมกับเจ้าของ แม้แต่วิญญาณส่วนหนึ่งก็ไม่สามารถหนีรอดไปได้
ตั้งแต่ตอนที่คนเหล่านี้ลงมือ จนถึงตอนที่ถูกหลิ่วหมิงสังหาร เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในชั่วเวลาเพียงสองสามอึดใจเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้ผู้เฒ่าอู๋มีสีหน้าซีดขาวอย่างหาที่เปรียบมิได้
“สหายผู้นี้ พวกเราแค่…” ขณะที่พูดไปด้วย ผู้อาวุโสก็ร่นถอยไปสองสามเก้า ทันใดนั้น แขนเสื้อทั้งสองข้างก็กระตุกขึ้นมา แสงแวววาวหลากสีเจ็ดแปดลำพุ่งไปทางหลิ่วหมิง จากนั้นเขาก็แปะยันต์สีเหลืองลงบนตัวสองผืน และกลายเป็นแสงหลบหลีกสีเหลืองพุ่งออกไป
แต่ทว่าพอพุ่งออกไปได้ไม่นาน ก็รู้สึกเย็นที่คอ ภาพทิวทัศน์รอบด้านร่นถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ขณะที่จะก้มหน้าลงไปดูนั้น กลับค้นพบว่าตนเองร่วงลงไปด้านล่าง ที่ทำให้เขารู้สึกตกใจอย่างถึงขีดสุดก็คือ ไม่อาจควบคุมการหมุนกลิ้งของศีรษะได้เลยแม้แต่น้อย!
ขณะที่เขารู้สึกใจเย็นสะท้านนั้น แสงสีทองก็เปล่งประกายตรงหน้า หลังจากรู้สึกเย็นบริเวณหน้าอก ก็ไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ อีก
พอหลิ่วหมิงโบกมือข้างหนึ่ง กระบี่บินสีทองก็ฟันศีรษะของผู้อาวุโสและวิญญาณที่อยู่ในนั้นพร้อมกัน จากนั้นก็หมุนตัวพุ่งกลับมา และกะพริบสองสามทีก่อนหายเข้าไปในร่างของเขาอย่างไร้ร่องรอย
ตั้งแต่ต้นจนจบ หลิ่วหมิงยังคงนั่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน และเคลื่อนไหวมือเพียงข้างเดียว ก็สังหารผู้ฝึกฝนระดับผลึกทั้งสี่จนเกลี้ยง
ส่วนอาวุธจิตวิญญาณบนตัวของทั้งสี่ ก็ถูกเขาม้วนเข้าไปในแขนเสื้อ
ตอนแรกที่หลิ่วหมิงสังหารผู้ฝึกฝนระดับผลึกหนึ่งคน กับระดับของเหลวเจ็ดแปดคนได้ภายในพริบตา ผู้ฝึกฝนจำนวนหนึ่งที่ยังรออยู่บริเวณนั้น เผื่อจะโชคดีจะได้อสูรเลี้ยงไปนั้น ก็มองดูจนปากอ้าตาค้าง ตอนนี้หลังจากเห็นเขาสังหารผู้ฝึกฝนระดับผลึกไปอีกสี่คน ก็รู้ว่าพลังของหลิ่วหมิงน่ากลัวระดับใดแล้ว พวกเขาจึงรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ชั่วขณะนั้น มีเสียงดังขึ้นติดต่อกันจากยอดเขาบริเวณรอบๆ แสงหลบหลีกสีต่างๆ เปล่งประกายขึ้นมา และค่อยๆ พุ่งไปคนละทิศละทาง
ภายในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ผู้ฝึกฝนกว่าครึ่งหนึ่งก็ทยอยกันพุ่งออกไป
แต่ยังมีผู้ฝึกฝนจำนวนหนึ่งที่ดูเหมือนยังไม่ยินยอมจะจากไป เพียงแค่เหาะไปยังยอดเขาที่อยู่ไกลอีกสักหน่อย จากนั้นก็เก็บซ่อนกลิ่นไอไว้ และรอคอยต่อไป
เป้าหมายของคนเหล่านี้คือ พอหลิ่วหมิงทะลวงระดับล้มเหลว จะเป็นโอกาสอันดีในการฉกฉวยประโยชน์ในขณะที่เกิดความวุ่นวาย
หลิ่วหมิงไม่ได้สนใจผู้ฝึกฝนเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เพียงแค่หยิบโอสถแฝงจิตวิญญาณมาทานลงไปหนึ่งเม็ด ขณะเดียวกันก็เหลือบตาดูแมงป่องกระดูกกับหัวบินที่ยังคงหมกหมุ่นอยู่กับการรับมือด่านเคราะห์สายฟ้า
จะว่าไปแล้ว ด่านเคราะห์สายฟ้านี้ก็แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านั้นก็ทิ้งระเบิดลงมาติดต่อกันหลายครั้ง ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งถ้วยชาถึงจะผ่าลงมาสองสามครั้ง เพียงแต่อานุภาพกลับเหนือกว่าก่อนหน้านั้นไม่น้อย แต่ว่าภายใต้การปกป้องของลูกหินกับรังไหมโลหิต ยังคงดูราบรื่นเป็นอย่างมาก
แต่ดูจากจุดนี้ การบรรลุระดับของทั้งสองคงไม่ได้ใช้เวลาแค่วันสองวันแล้ว
หลังจากหลิ่วหมิงสงบจิตสงบใจแล้ว ก็หลับตาทั้งคู่ลงอีกครั้ง และทำการทะลวงคอขวดต่อ
เหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลานานสามวัน
ในระยะเวลาสามวันนี้ แมงป่องกระดูกกับหัวบินยังคงทนต่อการทดสอบของสายฟ้าอันน่าตกใจในแต่ละระลอก แม้ว่าจะยังไม่บรรลุระดับ แต่กลิ่นไอที่ทะลุออกจากลูกหินกับรังไหมโลหิต นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น ดูเหมือนว่าจะอยู่ห่างจากระดับผลึกเพียงแค่เส้นด้ายกั้นแล้ว
และขณะนี้ หลิ่วหมิงก็มีสีหน้าซีดขาวเล็กน้อย ไอดำพวยพุ่งรอบตัว เหงื่อออกเต็มตัว รูปร่างมีขนาดใหญ่กว่าตอนแรกไม่น้อย ประจักษ์ชัดว่าได้ทะลวงคอขวดมาถึงจุดสำคัญแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา