ชายชุดคลุมสีเทาเป็นผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นปลาย คนอื่นๆ อีกเจ็ดแปดคน ก็น่าจะเป็นผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นกลาง และขั้นปลายเท่านั้น
แต่ว่านอกจากชายชุดคลุมสีเทาที่ไม่รู้สึกยี่หระอะไรแล้ว ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวคนอื่นๆ กลับเห็นได้ชัดว่าไม่มีความกล้าพอ สายตาที่มองดูหลิ่วหมิงก็หลบอยู่ตลอดเวลา
“ฮึ! พวกเจ้าไม่ต้องกลัวเขา แม้เขาจะมีการฝึกฝนระดับผลึก แต่ขณะนี้กำลังใช้พลังเวทไปกับการทะลวงคอขวดจนเหลืออยู่ไม่มากแล้ว อีกอย่างเมื่อครู่เขาเพิ่งสูดดมพิษกัดกร่อนหัวใจเข้าไป เกรงว่าคงไม่มีแม้แต่แรงที่จะใช้ในการป้องกันตัวแล้ว” ชายชุดคลุมสีเทาเป็นเช่นนี้ ก็กล่าวกับคนที่อยู่ด้านหน้าด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น
แต่ทว่าเขายังพูดไม่ทันจบ กระบี่ยาวสีทองเล่มหนึ่งก็พุ่งออกจากร่างหลิ่วหมิง หลังจากหมุนวนไปหนึ่งรอบ มันก็กลายเป็นสายรุ้งที่ยาวสิบกว่าจั้ง และม้วนตัวเข้าหาเงาร่างสีเทาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
เงาร่างสีเทามีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขานำยันต์หลายผืนออกมาขยี้จนแตกกระจายอย่างไม่ลังเล เกราะป้องกันหลากสีปรากฏออกมาจากตัว จากนั้นก็หมุนตัวกลายเป็นสายรุ้งสีเทาพุ่งหนีไปทันที
เขาฝึกฝนจนถึงระดับผลึกขั้นปลายได้ ย่อมไม่ใช่ผู้ที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแต่อย่างใด หลังจากมองเห็นแสงกระบี่สีทองอันน่าตกใจ ก็ละทิ้งการเสี่ยงอันตรายในครั้งนี้อย่างไม่ลังเล
ผู้ที่สามารถควบคุมแสงกระบี่ระดับนี้ได้ จะต้องไม่ใช่ผู้ฝึกฝนระดับผลึกธรรมดาอย่างแน่นอน
แต่ว่าชายชุดคลุมสีเทายังคงดูเบาอานุภาพของกระบี่บินว่างเปล่าไปหน่อย เพียงแค่ได้ยินเสียงดัง “ฟิ้ว!” สายรุ้งยาวสีทองก็เพิ่มความเร็วขึ้นมาหลายเท่า พริบตาเดียวก็ตามแสงหลบหลีกสีเทาทัน และแทงทะลุทันที
“เต๊ง!” “เต๊ง!” เกิดเสียงดังขึ้นอย่างไม่ขาดหู
แสงกระบี่สีทองโจมตีทะลุเกราะคุ้มกัน และแทงทะลุศีรษะของชายชุดคลุมสีเทาโดยตรง รวมถึงวิญญาณของเขาก็ถูกสังหารจนดับไปในทีเดียว ทำให้เขาไม่ทันแม้แต่จะนำอาวุธออกมาป้องกันตัว และศพของเขาก็ร่วงลงมาจากบนอากาศ
ขณะนี้หลิ่วหมิงถึงละสายตามามองดูผู้ฝึกฝนระดับของเหลวคนอื่นๆ
“ผู้อาวุโส เข้าใจผิดแล้ว!”
“พวกข้าถูกบีบให้ทำเช่นนี้…”
“ผู้อาวุโสไว้ชีวิตด้วย!”
พอคนที่เหลือเห็นฉากเช่นนี้ ก็รู้สึกตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ พอเห็นว่าหลิ่วหมิงมองมา พวกเขาต่างก็พากันร้องขอชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น มีคนสองคนฉีกยันต์สีเงิน และกลายเป็นสายรุ้งสีเงินพุ่งหนีไปทันที ส่วนอีกคนก็พร่ามัวหายไปหลังจากเกิดเสียงดัง “ตู๊ม!”
หลิ่วหมิงเผยแววตาเฉียบขาดออกมา เพียงแค่โบกมือข้างหนึ่งไปบนอากาศ
“ฟิ้ว!” สายรุ้งสีทองที่อยู่ไกลๆ ก็ม้วนตัวกลับมา และกลายเป็นเงากระบี่สีทองจำนวนมากปกคลุมเต็มฟ้า
เกิดเสียงร้องอย่างน่าเวทนา!
ศีรษะมนุษย์เจ็ดแปดใบร่วงลงมา เสาโลหิตเจ็ดแปดสายพวยพุ่งออกจากร่างไร้ศีรษะ ทำให้อากาศบริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยกลิ่นคาวที่ทำให้รู้สึกอยากจะอาเจียน
ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกฝนที่แอบหลบหนี หรือว่าผู้ที่ร้องขอชีวิตอยู่กับที่ ล้วนถูกเงากระบี่สังหารจนหมดสิ้น
ครู่ต่อมา พอหลิ่วหมิงโบกมือข้างหนึ่ง เงากระบี่ที่ปกคลุมเต็มฟ้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย และกลายเป็นกระบี่บินพุ่งกลับมาอีกครั้ง หลังจากเกิดเสียงดังกังวาน มันก็จมหายไปในร่างของเขาอย่างไร้ร่องรอย
ตั้งแต่คนเหล่านี้เข้ามาใกล้ จนถึงตอนที่หลิ่วหมิงปล่อยกระบี่ออกมาสังหาร ใช้เวลาทั้งหมดแค่สองสามอึดใจเท่านั้น!
ในนั้นยังมีผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นปลายอยู่คนหนึ่ง สามารถพูดได้ว่าเป็นผู้ที่มีระดับการฝึกฝนสูงสุดในบรรดาผู้ที่แอบดูอยู่บริเวณรอบๆ
บรรดาผู้ฝึกฝนที่อยู่บนยอดเขาบริเวณรอบๆ เห็นเช่นนี้ ต่างก็ร่นถอยด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก บางคนหวาดกลัวจนหมุนตัวพุ่งหนีไปทันที
ขณะเดียวกัน บนยอดเขาบางแห่งที่อยู่ในบริเวณนี้ ก็มีแสงหลบหลีกสี่ลำพุ่งเข้ามาอย่างเงียบๆ และเห็นฉากที่หลิ่วหมิงสังหารคนเหล่านี้พอดี
“ผู้เฒ่าอู๋ ที่คนผู้นี้นำออกมาในเมื่อครู่ มันคือกระบี่บินพลังจิตวิญญาณสินะ อานุภาพของมันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ สังหารผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นปลายได้อย่างง่ายดาย ข้าว่าพวกเราอย่าไปหาเรื่องจะดีกว่า” หลังจากที่ชายตาเดียวเห็นการลงมือของหลิ่วหมิงแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ไม่หยุด และกระซิบบอกคนอื่นเบาๆ
“สหายตู้ พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว ใยต้องพูดคำพูดท้อแท้ใจเช่นนี้ด้วยเล่า! การโจมตีด้วยอานุภาพอันรุนแรงในเมื่อครู่ ดูเหมือนจะน่าตกใจ แต่เห็นได้ชัดว่าใช้ท่าไม้ตายเพื่อรักษาชีวิตไว้ ตอนนี้พลังเวทคงเหลืออยู่ไม่มาก เป็นแค่การสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตาเท่านั้น ตอนนี้เป็นโอกาสอันดีในการลงมือของพวกเราแล้ว” ชายเผ่าหมานวัยกลางคนมองดูหลิ่วหมิงจากที่ไกลๆ จากนั้นก็ทำเสียงฮึดฮัดก่อนกล่าวออกมา
“ผู้เฒ่าอู๋ เจ้าคิดว่าลงมือเลยหรือรอไปก่อนดี?” ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจหน้าเหยี่ยวได้ยินเช่นนี้ก็ลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็ถามกับผู้อาวุโส
พวกเขาทั้งสามต่างก็มองไปยังใบหน้าแห้งเหี่ยวของผู้อาวุโสแซ่อู๋อยู่ครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าให้เขาเป็นหัวหน้าในการตัดสินใจ
“คนผู้นี้เป็นผู้ฝึกฝนกระบี่ ย่อมเหนือความคาดหมายเล็กน้อย แต่พวกเราทั้งสี่ก็ไม่ใช่ผู้อ่อนแอ หากจะให้หันหน้าหนีไปเช่นนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ พวกเราสามารถซ่อนกลิ่นไอไว้ และเข้าไปดูเส้นสนกลในใกล้กว่านี้หน่อย พอสบโอกาสแล้วค่อยลองหยั่งเชิงดู หากไม่ไหวพวกเราค่อยถอยพร้อมกัน คิดว่าเขาคงไม่กล้าตามล่าสังหารอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสแซ่อู๋มองดูคนทั้งสามทีหนึ่ง และกล่าวด้วยตาที่เป็นประกาย
คนอื่นๆ ก็รู้สึกว่ามีเหตุผลดี จึงพยักหน้าตกลงตามนั้น
หลังจากทั้งสี่หารือกันเล็กน้อยแล้ว ก็พากันเก็บซ่อนกลิ่นไอไว้ และเหาะไปยังยอดเขาที่หลิ่วหมิงอยู่ทันที
ขณะที่ทั้งสี่มาปรากฏตัวอยู่ห่างจากด้านหลังของหลิ่วหมิงไปไม่ไกลนั้น ผู้ฝึกฝนนับร้อยที่อยู่บริเวณรอบๆ ได้หนีไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว
ขณะนี้ หลิ่วหมิงยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาที่อยู่ไม่ไกล หลังจากผลึกสีม่วงในทะเลจิตวิญญาณดูดซับพลังจิตวิญญาณไปไม่น้อยแล้ว มันก็ดูโปร่งใสแวววาวมากขึ้นกว่าเดิม แต่กลับดูดซับพลังจิตวิญญาณอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม
แต่ทว่าที่เขาใช้กระบี่บินว่างเปล่าในเมื่อครู่ สังหารผู้คนจำนวนมากที่ฉกฉวยประโยชน์ในช่วงวิกฤต ทำให้สูญเสียพลังเวทไปไม่น้อย ซึ่งทำลายสมดุลของการเกาะผลึกพลังเวทในทะเลจิตวิญญาณ ทำให้เส้นลมปราณทั่วร่างเกิดอาการกระตุกเล็กน้อย
หลิ่วหมิงแสดงสีหน้าเจ็บปวดเล็กน้อย ครู่ต่อมาก็มีเหงื่อผุดเต็มศีรษะ เม็ดเหงื่อขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองกลิ้งลงมาอยู่ไม่หยุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา