ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 743

สรุปบท ตอนที่ 743 เซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 743 เซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์ – ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บท ตอนที่ 743 เซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์ ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 743 เซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ฟู่!”

แสงโลหิตรูปพระจันทร์เสี้ยวที่เกือบจะบดบังท้องฟ้าครึ่งหนึ่ง ม้วนตัวออกจากขวานยักษ์ หลังจากกะพริบผ่านไปแล้ว ก็ฟันลงบนตัวหลิ่วหมิงที่อยู่บนยอดเขาจนกลายเป็นสองซีก

มันรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ!

และหลิ่วหมิงก็ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน เขาไม่คิดจะหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย แต่ครู่ต่อมา ร่างทั้งสองซีกของเขากลับพร่ามัวและสลายไป ที่แท้ก็เป็นแค่เงาร่างเท่านั้น

“ตู๊ม!”

หลังจากยอดเขาทั้งลูกสั่นสะเทือน ก็เกิดร่องลึกๆ บนพื้น คิดไม่ถึงว่ายอดเขาทั้งลูกจะแยกเป็นสองซีก

ขณะที่ชายชุดขาวยังไม่หายตกใจจากที่เป้าหมายของเขาเป็นแค่เงาร่างนั้น กลับมีเสียงหัวเราะเยือกเย็นดังมาจากด้านหลัง

ชายหนุ่มชุดขาวรีบหันกลับมาด้วยความตกใจ และพุ่งถอยไปในพริบตา

ไม่รู้ว่าหลิ่วหมิงมาปรากฏตัวด้านหลังของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งยังมีกระบี่ยาวสีทองอร่ามที่ยาวสองฉื่อลอยอยู่ตรงหน้า กลิ่นไอกระบี่ที่แผ่ออกมาก็ดุเดือดรุนแรงมาก

“เจ้า…”

ชายหนุ่มชุดขาวพูดด้วยความตกใจ แต่ขวานยักษ์ที่อยู่บนอากาศกลับกลายเป็นลำแสงม้วนตัวลงมา และฟันหลิ่วหมิงตรงหน้าออกเป็นสองซีกอีกครั้ง

แต่ว่าหลังจากแสงเย็นสะท้านม้วนตัวผ่านไป กลับไม่มีฉากกระเด็นของเลือดเนื้อเกิดขึ้น มีแค่เงาแสงจางๆ ที่ค่อยๆ สลายไปเท่านั้น ที่แท้สิ่งที่ขวานสีทองผ่าออกมาก็เป็นแค่เงาร่าง

ครู่ต่อมา เงาร่างที่มีไอดำรายล้อมก็มาปรากฏตัวด้านหลังของเขาอย่างไร้สุ้มเสียง พอสะบัดแขนเสื้อ แสงสีดำก็ม้วนตัวออกไปปกคลุมชายหนุ่มชุดขาวไว้ กระบี่ยาวสีทองในมืออีกข้างกะพริบผ่านไป และกลายเป็นแสงสีทองพุ่งทะลุเข้าไปในแสงสีดำ

ชายชุดขาวรู้สึกว่าภาพตรงหน้ากลายเป็นสีดำ จากนั้นม่านแสงที่ปกคลุมอยู่ก็ส่งเสียงดัง “เพล๊ง!” พอรู้สึกเย็นที่ลำคอ ศีรษะก็กลิ้งลงมาจากบ่า

แต่ว่าศีรษะที่ร่วงลงไปกลับส่งเสียงร้องแหลม พริบตาเดียวก็ระเบิดออกมา เลือดเนื้อกระเด็นไปทั่วทิศ ทำให้แสงสีดำรอบด้านเกิดเป็นรูขนาดใหญ่

“ฟู่!”

ไอสีเขียวกลุ่มหนึ่งพุ่งออกจากร่างไร้ศีรษะของชายหนุ่มชุดขาว หลังจากม้วนตัวหนึ่งทีแล้ว ก็พุ่งออกไปด้านนอกแสงสีดำ และก่อตัวเป็นเงามนุษย์ขนาดเล็ก ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้ว คือชายหนุ่มชุดขาวในก่อนหน้านั้น

เงาร่างมนุษย์จิ๋วมีสีหน้าหวาดกลัวมาก พอกระโดดออกมาได้ ร่างของเขาก็พุ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

“ในเมื่อมาแล้ว ก็ไม่ต้องไปแล้ว!”

เกิดคลื่นสั่นสะเทือนตรงหน้าเงามนุษย์จิ๋ว เด็กชายชุดเขียวปรากฏออกมา หลังจากแสดงสีหน้าดุร้ายออกมาแล้ว ก็อ้าปากพ่นเปลวไฟออกมา

“อ๊าก!” เกิดเสียงร้องอย่างน่าเวทนา!

เงาร่างมนุษย์จิ๋วที่กลายร่างมาจากวิญญาณของชายหนุ่มชุดขาว ถูกเปลวไฟสีเทาห่อหุ้มทันที ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ก็หายไปจากโลกนี้โดยสมบูรณ์

พอเห็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ถูกสังหารอย่างง่ายดายเช่นนี้ ผู้ฝึกฝนระดับผลึกหลายคนที่ดูบนยอดเขาไกลๆ ต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

“คิดไม่ถึงว่าผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ขั้นต้น จะถูกสังหารอย่างง่ายดายเช่นนี้…”

“หรือว่าคนผู้นั้นก็เป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ ไม่ถูกต้อง! เห็นชัดๆ ว่าเมื่อครู่คนผู้นี้กำลังทะลวงคอขวดระดับผลึกขั้นปลายอยู่!”

ผู้ฝึกฝนเหล่านี้ต่างก็มองหน้ากันไปมา ร่องรอยแห่งโชคสุดท้ายหายไปอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นก็พากันขี่อาวุธจิตวิญญาณไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างไม่รอรี เพราะกลัวว่าผู้ฝึกฝนหนุ่มคนนั้นอาจจะเปิดฉากสังหารก็ได้ที่ตนเองถูกรบกวนอยู่หลายครั้ง

“นับว่ารู้จักเอาตัวรอด!”

หลิ่วหมิงกวาดสายตามองดูแสงหลบหลีกที่อยู่ไกลๆ และเผยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม และไม่คิดที่จะตามไป แต่กลับเก็บกระบี่บินกลับมา และดีดนิ้วออกไป

“ฟู่!”

ลูกเปลวไฟลูกหนึ่งร่วงลงบนศพของผู้ฝึกฝนชุดขาว และเผาไหม้จนกลายเป็นขี้เถ้า พอม้วนแขนเสื้อ กำไลเก็บของวงหนึ่งก็มาปรากฏอยู่บนมือ

หลังจากเขาทำทุกอย่างนี้เสร็จ ก็โบกมือไปทางหญิงสวมชุดดำกับเด็กชาย จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีทองพุ่งลงไปยังถ้ำที่พักที่อยู่ด้านล่าง

แสงหลบหลีกของหญิงสาวกับเด็กชายก็พุ่งตามลงไป

พอหลิ่วหมิงกลับถึงถ้ำที่พักก็นั่งขัดสมาธิลง หญิงสาวชุดดำกับเด็กชายเสื้อเขียวกระโดดเข้าหาด้วยความเคยชิน และดึงชายเสื้อหลิ่วหมิงอย่างรักใคร่

“หลิ่วหมิงไอแห้งๆ สองที หัวบินยังพอว่า แต่แมงป่องกระดูกในตอนนี้กลายเป็นหญิงสาวอายุสิบหกสิบเจ็ดปี รูปร่างยังคล้ายเย่เทียนเหมยเล็กน้อย ทั้งยังกอดร่างเขาอย่างรักใคร่เช่นนี้ ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดที่ยากจะเลี่ยงได้

แต่เห็นได้ชัดว่าเขาประเมินการพึ่งพาของอสูรจิตวิญญาณสองตัวที่มีต่อเขาต่ำเกินไป หลังจากพูดจาชักแม่น้ำทั้งห้าแล้ว ถึงให้พวกมันยืนอยู่ตรงหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย

นี่ก็แปลก หัวบินกับแมงป่องกระดูกต่างก็เข้าสู่โลกของการฝึกฝนไม่นาน ก็อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอด ในใจจึงนับถือเขาเป็นเหมือนญาติคนหนึ่ง

“คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าทั้งสองจะกลายร่างเป็นมนุษย์ในตอนที่อยู่ระดับผลึก อย่างที่รู้ว่าปีศาจอสูรระดับแก่นแท้หลายตัวไม่สามารถแปลงร่างได้โดยสมบูรณ์” หลิ่วหมิงสังเกตดูอสูรเลี้ยงทั้งสอง และอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

“เรียนนายท่าน เดิมทีการฝึกฝนของพวกเราก็ไม่อาจแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เป็นเพราะได้ผสานกับโลหิตปีศาจสวรรค์ ร่างกายถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแปลกประหลาด” หญิงสาวชุดดำที่กลายร่างมาจากแมงป่องกระดูกกล่าวออกมาเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ รับมือกับปีศาจอสูรระดับผลึกขั้นต้นไม่กี่ตัว ย่อมสามารถทำได้อย่างง่ายดาย

ปีศาจผึ้งพยายามดิ้นรนในขณะที่ร่วงลงพื้น พอหลิ่วหมิงชี้นิ้วออกไป แสงกระบี่สีทองหลายลำก็พุ่งออกไปฟันผึ้งพิษเหล่านี้ออกเป็นชิ้นๆ

กลุ่มแสงสีเขียวพุ่งออกจากศพของผึ้งพิษเหล่านี้ในทันที

พอแสงเปล่งประกายตรงหน้าหลิ่วหมิง เงาหัวโคก็พุ่งออกมาพร้อมเสียงคำราม และอ้าปากก็กลืนวิญญาณของปีศาจผึ้งทั้งหมดลงไป

ทุกครั้งที่กลืนกินวิญญาณของปีศาจผึ้งแต่ละตัว เงาหัวโคนี้ก็จะชัดเจนขึ้นมาเล็กน้อย

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็เผยแววตาพอใจออกมา

ครึ่งเดือนต่อมา ท่ามกลางหุบเขาแห่งหนึ่งในหนานฮวงที่ไม่ค่อยมีคนมาถึง ขณะที่มีเสียงร้องยาวดังเข้ามาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ปีศาจวิหคสีดำตัวหนึ่งก็พุ่งออกจากหุบเขา และกระพือปีกทั้งสองบินออกไปไกลๆ

ปีกทั้งคู่ของปีศาจวิหคสีดำเมื่อกางออกจะมีความยาวหลายจั้ง ขนวิหคเป็นสีดำราวกับเหล็ก จะงอยปากสีเทาเต็มไปด้วยฟันเลื่อยอันแหลมคม

แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุดก็คือ หงอนสีเลือดที่อยู่บนหัวของวิหคตัวนี้ มันเป็นสีแดงเข้มราวกับเลือด แลดูสวยสดงดงามเป็นพิเศษ

แต่ในขณะนั้นเอง สถานะของปีศาจวิหคก็ดูไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียงแต่จะหายใจกระชั้นชิด ทั้งยังหันไปมองด้านหลังอยู่บ่อยๆ และดูหวาดระแวงเล็กน้อย

พอสังเกตดูอย่างละเอียด ยังสามารถมองออกว่าการบินของมันไม่ค่อยมั่นคง ขนบนปีกซ้ายของมันดูเละเทะ และมองเห็นคราบเลือดที่ยังไม่แห้งอยู่จำนวนหนึ่ง

หุบเขาในขณะนี้ ผู้ฝึกฝนเผ่าหมานสามคนกำลังผ่านมาพอดี และมองเห็นปีศาจวิหคสีเทาที่พุ่งผ่านไป

“ระวัง มันเป็นวิหคตาข่ายเทา รีบปิดบังกลิ่นไอ อย่าให้มันค้นพบได้” ชายฉกรรจ์สวมชุดผ้าป่านที่เป็นหัวหน้าสั่งอีกสองคนที่อยู่ด้านข้าง

วิหคตาข่ายเทาเป็นวิหคอสูรที่พบเจอในเทือกเขาจูหลงได้น้อยมาก มันมีความเร็วมี่รวดเร็วมาก นิสัยโหดร้าย เป็นฝันร้ายของผู้ฝึกฝนระดับต่ำ

แต่หงอนที่อยู่บนหัวกลับเป็นวัสดุล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง หากผู้ฝึกฝนระดับแก่นแขั้นต้นทั่วไปคิดจะรับมือคนเดียว ยังคงเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายไม่น้อย

“ไม่ถูกต้อง ดูเหมือนว่ามันจะได้รับบาดเจ็บสาหัส” หญิงชุดแดงที่อยู่ด้านหลังชายฉกรรจ์ชุดผ้าป่านกล่าวด้วยความดีใจ

คนอื่นๆ อีกสองคนรู้สึกอึ้งไปทันที พอมองดูอย่างละเอียด ต่างก็ต้องเผยสีหน้าละโมบออกมา

………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา