กระบี่บินยืดหดตัวและขยายใหญ่ขึ้นมา จากนั้นก็พุ่งเข้าหาแมงมุมจันทราแดงท่ามกลางแสงแหลมคมที่ปะปนอยู่บนอากาศ
แมงมุมจันทราแดงเห็นเช่นนี้ แสงสีแดงก็เปล่งประกายในแววตา พอได้ยินเสียงร้องดัง แสงสีแดงก็เปล่งประกายบนตัวแมงมุมทันที
พอหน้าผาหินโดยรอบสัมผัสกับแสงสีแดง ก็เกิดการลุกไหม้ขึ้นมาอย่างรุนแรง พริบตาเดียว รอบด้านแมงมุมจันทราแดงก็กลายเป็นทะเลเพลิงไปทั้งแถบ
เปลวเพลิงสีแดงพวยพุ่งอยู่ไม่หยุด และค่อยๆ เผาไหม้เป็นทะเลเพลิงสูงค้ำฟ้า คลื่นอัคคียักษ์ม้วนตัวขึ้นสูงสิบกว่าจั้ง
แมงมุมจันทราแดงไม่ขยับเขยื้อน ร่างของมันจมลงไปในคลื่นอัคคีค้ำฟ้า และถือโอกาสพลอยซ่อนตัวไปด้วย ทำให้กระบี่บินพลังจิตวิญญาณสูญเสียเป้าหมายไปทันที
หลิ่วหมิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น และร่ายคาถาออกมา มือทั้งสองเปลี่ยนท่ามือในทันที กระบี่บินพลังจิตวิญญาณหมุนวนกลางอากาศรอบหนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนจากฟาดฟัน เป็นแสงกระบี่สีทองที่กวาดออกไปพันลี้
พอแสงสีทองเปล่งประกาย คลื่นอัคคีอันคุโชนก็ถูกแสงกระบี่เย็นสะท้านกดดันจนต้องร่นถอยเป็นระยะๆ เผยให้เห็นร่างของแมงมุมจันทราแดงที่ซ่อนอยู่
พออสูรตนนี้เห็นว่าร่างของตนเองถูกค้นพบแล้ว ก็รู้สึกหวาดผวาเป็นอย่างมาก เท้าทั้งแปดดีดออกไปโดยไม่ต้องคิด และพุ่งหลบไปด้านข้างอีกครั้ง
ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงส่งเสียงคำรามออกมา และกระตุ้นเคล็ดกระบี่ทันที
กระบี่บินสีทองพร่ามัวกลายเป็นสายรุ้งอันน่าสะพรึง และม้วนตัวผ่านด้านล่างแมงมุมไป
แมงมุมจันทราแดงส่งเสียงคำรามออกมา ร่างของมันโซเซจนเกือบล้มลงพื้น ขาเล็กๆ ขาหนึ่งถูกแสงกระบี่ปั่นจนแตกละเอียด
แต่ว่าอสูรที่เสียขาไปข้างหนึ่งนี้ กลับถูกกระตุ้นความโหดร้ายออกมาจนถึงขีดสุด ทันทีที่อ้าปากขนาดใหญ่ และแสงสีแดงกะพริบผ่านไป มุกกลมๆ ขนาดเท่ากำปั้นลูกหนึ่งก็ถูกพ่นออกมา
“แก่นปีศาจ!”
พอหลิ่วหมิงหดรูม่านตาลง ก็จำของสิ่งนี้ได้ทันที
ดูเหมือนว่าปีศาจอสูรตัวนี้จะถูกหลิ่วหมิงกระตุ้นความโมโหจนถึงขีดสุด และเริ่มที่จะสู้ตายแล้ว
แก่นแท้สีแดงเพลิง หมุนติ้วๆ กลายเป็นลูกเปลวไฟยักษ์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งจั้งกว่า และพุ่งชนใส่หลิ่วหมิงราวกับฝนดาวตก
หลิ่วหมิงทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่งโดยไม่ต้องคิด ปีกสีเงินคู่หนึ่งปรากฏขึ้นบนหลัง พอกระพือแรงๆ “ฟู่!” ก็หายจากที่เดิมอย่างไร้ร่องรอย
ลูกเปลวไฟยักษ์ส่งเสียงดัง “ตู๊ม!” และม้วนตัวผ่านจุดเดิมที่หลิ่วหมิงเคยยืนอยู่
ครู่ต่อมา เกิดคลื่นสั่นสะเทือนด้านหลังแมงมุม และเงาร่างพร่ามัวก็ปรากฎออกมา
แต่ขณะนั้นเอง ความบ้าคลั่งในแววตาของแมงมุมจันทราแดงก็หายไปในพริบตา การพ่นแก่นปีศาจออกมาในก่อนหน้านั้น เป็นเพียงการกระทำโดยเจตนาล่อศัตรูเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม ก้นของมันกลับแอ่นขึ้นเล็กน้อย พอแสงสีแดงเปล่งประกาย ใยแมงมุมสีแดงก็ถูกพ่นออกมา และกะพริบไปปกคลุมเงามนุษย์ที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นก็กลายเป็นรังไหมสีแดงทันที
แมงมุมจันทราแดงส่งเสียงร้องด้วยความลำพองใจ มันพ่นเปลวไฟสีแดงใส่รังไหมสีแดงหนึ่งที จะเห็นว่ารังไหมสีแดงถูกจุดโดยเปลวไฟสีแดงจนเผาไหม้อย่างรุนแรง และกลายเป็นควันสีเขียวในทันที
ขณะนั้นเอง เกิดเสียงดังก้องฟ้า!
แสงสีทองจางๆ ปรากฏตัวด้านหลังแมงมุมจันทราแดงอย่างไร้สุ้มเสียง มันกะพริบแค่ทีเดียว ก็ฟันใส่หลังแมงมุมที่หลบไม่ทัน
“เพล้ง!”
แสงสีแดงเปล่งประกายบนหลังแมงมุมจันทราแดง ทำให้ผิวของมันแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ จึงไม่สามารถผ่ามันเป็นสองซีกได้ แต่กลับทิ้งรอยบาดแผลลึกๆ ที่ยาวจั้งกว่าๆ ไว้ โลหิตสีแดงเพลิงทะลักออกมา
แมงมุมจันทราแดงได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ร่างของมันก็กลิ้งตัวและกระโดดถอยออกไปหลายจั้ง ดวงตาทั้งคู่มีแสงสีแดงเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนคิดไม่ออกว่าเหตุใดฝ่ายตรงข้ามถึงหลุดออกจากใยแมงมุมมาได้
มีความเยาะเย้ยในแววตาของหลิ่วหมิง แม้แมงมุมจันทราแดงตัวนี้จะเจ้าเล่ห์มาก แต่หากพูดถึงประสบการณ์การต่อสู้ ไหนเลยจะเทียบกับเขาได้
สิ่งที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในใยแมงมุม เป็นแค่เงาร่างหนึ่งที่เกิดจากการใช้เคล็ดวิชาเงาร่างสามส่วนสร้างขึ้นมาเท่านั้น
เรื่องนี้เขาย่อมไม่ต้องไปอธิบายอะไรให้กับปีศาจอสูรตัวนี้ พอโบกมือข้างหนึ่ง กระบี่บินกลางอากาศก็สั่นสะท้าน และกลายเป็นแสงสีทองพุ่งยิงออกไป
ในที่สุดแมงมุมจันทราแดงก็เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา ขาทั้งเจ็ดข้างออกแรงพร้อมกัน จากนั้นก็พุ่งออกไปนอกถ้ำ
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็เผยรอยยิ้มเยาะ
โครมคราม!
เสาหินแหลมคมสิบกว่าต้นพุ่งออกจากถ้ำบนพื้น และพุ่งใส่ท้องแมงมุมจันทราแดงอย่างรุนแรง แม้ว่าจะไม่อาจแทงทะลุร่างของมันไปได้ แต่ก็ทำให้มันกระเด็นออกไป
ไม่รู้ว่าหญิงสาวชุดดำที่กลายร่างมาจากแมงป่องกระดูกมุดอยู่ในพื้นบริเวณนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และขัดขวางแมงมุมจันทราแดงได้ทันเวลาพอดี
ขณะที่แมงมุมจันทราแดงกลางอากาศยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองนั้น ก็มีแสงสีเขียวเปล่งประกายบนหน้าผาหินบริเวณนั้น เด็กชายเสื้อเขียวมาปรากฏตัวออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง พออ้าปาก ก็พ่นเปลวไฟสีเทาออกมาโจมตีลงบนหัวแมงมุมโดยที่มันไม่ได้ทันได้ระวัง
และเปลวไฟสีเทาของหัวบิน เป็นเปลวไฟเหม็นที่เกิดจากการรวมตัวของไอเหม็นในร่างชนิดหนึ่ง ซึ่งได้รับถ่ายทอดมาจากโลหิตปีศาจสวรรค์ ไม่เพียงแต่จะสามารถปนเปื้อนอาวุธจิตวิญญาณชนิดต่างๆ เท่านั้น ทั้งยังมีความสามารถในการกัดกร่อนอย่างคาดไม่ถึง
ต่อให้ร่างของแมงมุมจะแข็งแกร่งเพียงใด พอถูกเปลวไฟเหม็นนี้โจมตี ก็ต้องร้องอย่างเวทนา และร่วงลงมาโดยตรง
ขณะนั้นเอง สายรุ้งสีทองก็ม้วนตัวเข้ามา และพร่ามัวแยกตัวเป็นสอง แสงแวววาวที่แสงกระบี่สีทองสองลำพุ่งออกมา หมุนวนรอบตัวแมงมุมจันทราแดง และฟันหัวของมันในทันที
“ฉับ!” โลหิตสาดกระเซ็น!
หัวขนาดใหญ่ของแมงมุมหลุดออกจากคอ และร่วงลงพื้น
ชั่วเวลาหนึ่งเค่อผ่านไป แสงสีดำก็พุ่งขึ้นกลางอากาศ และพุ่งออกไปไกลๆ อย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา