ผู้อาวุโสผู้นี้สวมมงกุฎหยกทรงสูง หนวดสามปอยไหลย้อยลงมาบนหน้าอก กลิ่นไอบนตัวก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ที่แท้ก็เป็นผู้ทรงพลังระดับดาราพยากรณ์เช่นกัน เขาก็คือเวินเก๋อ ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายยอดบริสุทธิ์ ที่เป็นบรรพบุรุษของเวินอันนั่นเอง
“ผู้อาวุโส ครั้งนี้เวินเจิงออกจากการเก็บตัวฝึกฝนวิชาคำสาปแห่งภัยพิบัติสำเร็จ ท่ามกลางศิษย์สายในก็นับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่พบเจอได้น้อย สามารถรับมือกับหลิ่วหมิงผู้นั้นได้อย่างง่ายดาย ใยท่านต้องคอยดูด้วยเล่า?” ด้านล่างของผู้อาวุโสชุดดำ มีชายวัยกลางคนที่สวมชุดผ้าแพรสีม่วงผู้หนึ่ง กำลังยืนอยู่อย่างนอบน้อม
ผู้อาวุโสชุดดำมีสีหน้าซึมกระทือโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา พองอนิ้วแล้วดีดออกไป จานจิตวิญญาณก็ขยายใหญ่สิบกว่าเท่า
ชายวัยกลางคนเห็นเช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าเหยเก และยืนกุมมือนิ่งโดยไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก
……
ผู้อาวุโส และผู้ควบคุมยอดเขาคนอื่นๆ ต่างก็อาศัยวิธีการต่างๆ แอบสังเกตดูการประลองในครั้งนี้
ครึ่งชั่วยามผ่านไป พื้นราบเรียบบนไหล่เขาของยอดเขาเลื่อนลอยมีคนมารวมตัวกันไม่น้อยกว่าคนแล้ว และยังคงมีแสงหลบหลีกสีต่างๆ พุ่งมาจากทั่วทิศอยู่ไม่หยุด
ขณะนั้นเอง จุดแสงสีทองก็ปรากฏบนขอบฟ้าที่อยู่ไกลๆ และขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว มันกระพริบแค่ไม่กี่ทีก็เข้ามาถึง และหยุดลงตรงหน้าผู้อาวุโสที่อยู่นอกม่านแสง
พอลำแสงดับลง ชายชุดดำผู้หนึ่งก็ปรากฏออกมา เขาก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง
เจียหลานที่อยู่ในม่านแสงเห็นเช่นนี้ก็เผยแววตาดีใจออกมา แต่กลับไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
“เขาก็คือหลิ่วหมิง? การเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก!”
“จุ๊ๆ! คนผู้นี้ดูหนุ่มมาก คิดไม่ถึงว่าจะฝึกฝนจนถึงระดับผลึกขึ้นปลายแล้ว มิน่าล่ะถึงได้ต่อสู้เสมอกับหลัวเทียนเฉิงจากยอดเขาสวรรค์ลี้ลับได้”
“ดูท่าวันนี้จะมีศึกใหญ่ที่น่าสนใจให้ดูแล้ว”
ศิษย์สายในและสายนอกที่อยู่ด้านล่าง ส่วนมากก่อนหน้านั้นไม่เคยเห็นหลิ่วหมิงมาก่อน แต่ชุดคลุมสีดำของยอดเขาลั่วโยวยังคงรู้จักกันดี พอเห็นเช่นนี้ย่อมพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
หลิ่วหมิงมองด้านล่างทีหนึ่ง ก็มองเห็นคนที่รู้จักอยู่หลายคน กู่อวี้ ซือหม่าชง ที่พ่ายแพ้ภายใต้เงื้อมมือของเขา แม้กระทั่งหลัวเทียนเฉิงก็มาด้วย
ที่น่าแปลกใจก็คือไม่มีศิษย์ยอดเขาลั่วโยวกับยอดเขากระบี่สวรรค์เลยแม้แต่คนเดียว
ผู้อาวุโสชุดขาวที่อยู่นอกม่านแสงมองดูหลิ่วหมิงทีหนึ่ง พอยื่นมือข้างหนึ่งออกไปทำท่ามือ ก็ปล่อยพลังสีทองใส่ม่านแสง
ทันใดนั้นแสงจิตวิญญาณก็เปล่งประกายบนม่านแสง ในขณะที่มันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงนั้น ก็เกิดช่องทางขนาดหนึ่งจั้งกว่าๆ ตรงหน้าหลิ่วหมิง
“ขอบคุณผู้อาวุโส!”
พอหลิ่วหมิงเคลื่อนไหว ก็มาปรากฏตัวภายในม่านแสง และในขณะที่เขาเข้ามา ช่องทางก็ค่อยๆ สมานเข้าหากัน
“พี่หลิ่ว ท่านมาแล้ว” เจียหลานจ้องมองหลิ่วหมิงแล้วกล่าวออกมาเบาๆ
“สองคนนั้นยังไม่มาอีกหรือ?”
หลิ่วหมิงพยักหน้าให้นางเล็กน้อย และเหาะมาอยู่ข้างๆ ก่อนถามออกมาอย่างราบเรียบ
“ยังห่างจากเวลาที่นัดหมายหนึ่งก้านธูป คาดว่าใกล้จะมาแล้ว” สายตาของเจียหลานไม่ได้ละไปจากหลิ่วหมิงเลย และนางก็ตอบกลับไปเบาๆ
“เหตุใดศิษย์น้องถึงมองข้าอยู่ตลอด หรือว่าบนตัวข้ามีอะไรไม่ถูกต้องหรือ?” หลิ่วหมิงเลิกคิ้วถามด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม
“ไม่……ไม่มีอะไร เพียงแค่เห็นพี่หลิ่วสุขุมเยือกเย็นเช่นนี้ ศิษย์น้องก็มีความมั่นใจในศึกนี้มากขึ้นแล้ว” แก้มเจียหลานแดงเล็กน้อย เสื้อสีฟ้าโบกสะบัดตามลม และมีกลิ่นหอมจางๆ โชยออกมา
“ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถ” หลิ่วหมิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดกันนั้น แสงจิตวิญญาณก็เปล่งประกายมาจากที่ไกลๆ เมฆสีเหลืองก้อนหนึ่งพุ่งยิงเข้ามา ไม่นานก็มาถึงบริเวณม่านแสง พอเมฆสีเหลืองสลายไป ชายสองคนก็ปรากฏตัวกลางอากาศ
ใบหูของหลิ่วหมิงขยับเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมองทันที และกวาดสายตาผ่านตัวของเวินอันที่สวมชุดผ้าแพร ก่อนหยุดลงที่ชายชุดเขียวที่อยู่ด้านข้าง
คนผู้นี้รูปร่างผอมสูง ผมสีเหลืองถูกมัดรวบอย่างลวกๆ แลดูมีอายุสามสิบต้นๆ ใบหน้าเหลืองซีด ดวงตาทั้งคู่เป็นสีเขียวมรกต
ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นจะรู้สึกได้ จึงรีบหันมามองทันที
พอทั้งสองสบตากันก็เกิดประกายเยือกเย็นขึ้นมา ดูเหมือนว่าแค่มองผ่านสายตาก็สามารถมองทะลุถึงก้นบึ้งหัวใจ ทำให้เกิดไอเย็นสะท้านบนตัว ราวกับว่าถูกอสรพิษจ้องมอง
หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน พอเขากระตุ้นเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬเบาๆ ก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
“ดูท่าคนผู้นี้คงเป็นเวินเจิงผู้นั้นแล้ว มีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ” หลิ่วหมิงพูดพึมออกมาเบาๆ
ชายชุดเขียวเองก็เผยแววตาประหลาดใจออกมา แต่ก็รีบทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พวกเรามาช้าไปแล้ว ขออาจารย์อาโปรดให้อภัย” เวินอันประสานมือคารวะผู้อาวุโสชุดขาวด้วยท่าทีนอบน้อม สายตาทำเป็นมองไปยังเจียหลานที่อยู่ในม่านแสงโดยไม่ตั้งใจ พอเห็นทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนม ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมในทันที ดวงตาแผ่ประกายเยือกเย็นออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา