หลิ่วหมิงมองดูเจียหลานด้วยอาการตกตะลึงจนปากอ้าตาค้างเล็กน้อย ตอนที่ได้ยินนางบอกว่ามีสัญญาฝึกฝนคู่กับเขานั้น สีหน้าเขาก็ดูแปลกๆ เล็กน้อย แต่ก็กลับมาสงบอย่างรวดเร็ว
“…เรื่องที่นำศิษย์พี่หลิ่วมาเป็นข้ออ้าง ขอได้โปรดอภัยด้วย ตอนนั้นข้ารู้สึกกระวนกระวายใจจริงๆ ภายใต้สถานการณ์เร่งด่วนไม่อาจคิดอะไรมากได้ เพียงแค่อยากปิดปากคนผู้นั้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะเสนอให้ประลองกันสี่คน” ขณะที่พูดมาถึงตรงนี้ แก้มของนางก็แดงระเรื่อ และกล่าวขอโทษเล็กน้อย
“ศิษย์น้องเจียหลานไม่ต้องรู้สึกผิดไป เจ้ากับข้าก็นับว่าเป็นสหายเก่า เรื่องเหล่านี้เป็นแค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจ” หลิ่วหมิงค่อยๆ กล่าวออกมา
“ขอบคุณศิษย์พี่มาก” เจียหลานได้ยินก็ลุกขึ้นมาคารวะด้วยความดีใจ จากนั้นก็ทำเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่กลับหยุดไว้
ไหนเลยหลิ่วหมิงจะไม่รู้ว่านางคิดจะพูดอะไร เขาจึงโบกมือให้นางนั่งลง และถามกลับไป
“ที่ศิษย์น้องมาในครั้งนี้ คงคิดที่จะเชิญข้าไปประลอง ช่วยเจ้ารับมือกับเวินเจิงผู้นั้นสินะ?”
“พี่หลิ่วเป็นศิษย์สายในที่มีพลังแข็งแกร่งที่ข้ารู้จัก อีกทั้งการประลองในครั้งนี้จะต้องเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์กันถึงจะสามารถลงมือได้ ศิษย์ก็ได้แต่บากหน้ามาเชิญพี่หลิ่วช่วยสักครั้ง” ได้ยินน้ำเสียงของหลิ่วหมิงที่ไม่ได้มีนัยของการปฏิเสธ เจียหลานก็รู้สึกดีใจมาก นางจึงรีบพูดวิงวอนออกมา
หลิ่วหมิงฟังจบก็ไม่ได้ตอบรับในทันที แต่กลับนั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้
ด้วยนิสัยของเขา เรื่องยุ่งยากเช่นนี้ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยงทันที แต่ตอนนี้เจียหลานตกที่นั่งลำบากอยู่ หากเขาไม่สนใจเรื่องนี้ล่ะก็ ผลลัพธ์ของนางไม่ต้องบอกก็คงรู้ดี
พอนึกถึงการที่เจียหลานถูกบังคับให้แต่งงานกับคนแปลกหน้า หลิ่วหมิงก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
แต่ว่าเพราะเรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายเหมือนการต่อสู้กับเวินเจิงเท่านั้น เพียงแค่เขารับปาก ก็เท่ากับว่าเป็นปรปักษ์กับยอดเขาดับสูญและยอดเขาเวินโจ้ว ทั้งยังพัวพันถึงผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์อย่างเวินเก๋อด้วย
พอหลิ่วหมิงคิดมาถึงจุดนี้ ก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย
“ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ทำให้ศิษย์พี่หลิ่วลำบากใจ เพียงแค่พี่หลิ่วยอมช่วยข้าสักครั้ง หลายปีมานี้ข้าก็สะสมหินจิตวิญญาณมาไม่น้อย และยังมีโอสถที่อาจารย์มอบให้…” เจียหลานนำถุงหนังใบหนึ่งและขวดหยกหลายใบออกมา และจ้องมองหลิ่วหมิงด้วยแววตาน่าสงสาร
หลิ่วหมิงมองเห็นท่าทีทำอะไรไม่ถูกของเจียหลาน ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใจถึงรู้สึกใจอ่อน หลังจากอุทานออกมาเบาๆ แล้ว ก็ตัดสินใจออกมาได้
“ศิษย์น้องไม่ต้องทำเช่นนี้ ครั้งนี้ข้าช่วยเจ้าก็พอ ข้าเองก็ไม่ขาดแคลนสิ่งของนอกกาย ศิษย์น้องเก็บไว้เถอะ”
“ขอบคุณพี่หลิ่วมาก! ครั้งนี้ศิษย์น้องติดค้างน้ำใจศิษย์พี่หนึ่งครั้ง วันหน้าจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน” เจียหลานได้ยินก็รู้สึกดีใจมาก จากนั้นกัดริมฝีปากเบาๆ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ขอศิษย์น้องพูดสถานการณ์ของการประลองให้ข้าฟังอย่างละเอียดเถิด รวมถึงเรื่องของเวินเจิงผู้นั้นด้วย” หลิ่วหมิงพยักหน้า ทันใดนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที
“ได้! การประลองในครั้งนี้กำหนดไว้ในอีกครึ่งเดือนหน้า สถานที่คือยอดเขาเลื่อนลอย…” เจียหลานได้ยินเช่นนี้ ก็รีบเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หลิ่วหมิงฟัง
เวลาครึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงตอนที่พระอาทิตย์ตกดินนั้น นางถึงออกไปจากถ้ำที่พักของหลิ่วหมิง
ขณะที่เจียหลานกำลังหารือเรื่องนี้กับหลิ่วหมิงอยู่นั้น ข่าวเรื่องที่ว่าหลิ่วหมิงทำการประลองเพื่อเจียหลานแห่งยอดเขาเลื่อนลอยโดยไม่คำนึงถึงเวินเจิง เวินอัน และคนอื่นๆ นั้น ถูกคนปล่อยข่าวจนแพร่ไปทั่วนิกาย
วันต่อมา เทียนอินซ่างเหรินประมุขยอดเขาเลื่อนลอยกับหลัวหยวนประมุขยอดเขาดับสูญ ออกมาประการยืนยันเรื่องนี้พร้อมกัน ย่อมก่อให้เกิดความฮือฮาขึ้นมาไม่น้อย
อย่างที่รู้ว่าหลิ่วหมิง เวินเจิง ล้วนเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในนิกาย และเจียหลานเองก็มีรูปโฉมงดงามจนเป็นที่ชอบของศิษย์ชายทั้งสายในและสายนอก งานประลองในครั้งนี้ย่อมดึงดูดความสนใจของศิษย์ในนิกายจำนวนมาก
ภายในถ้ำที่พักแห่งหนึ่งในยอดเขากระบี่สวรรค์ หลังจากซาทงเทียนฟังรายงานจบแล้ว ก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าซีดเผือดทันที
“เวินเจิง…” ซาทงเทียนพูดพึมพำออกมา และนั่งลงไปทันที
ซาทงเทียนไม่เหมือนกับคนบางส่วนที่ต้องการดูความคึกคักเท่านั้น เขาใช้เวลาจำนวนมากถึงสืบเรื่องที่เวินอันสู่ขอเจียหลานมาได้ และก็ด้วยเหตุนี้เขาถึงมีสีหน้าร้อนรนมากยิ่งขึ้น
แต่ว่านอกจากนี้แล้ว เขาก็ทำอะไรไม่ได้ แม้ว่าพลังของเขาในตอนนี้จะไม่เลว แต่เทียบกับผู้แข็งแกร่งอย่างเวินเจิงแล้ว ยังห่างชั้นอีกมาก
และอิทธิพลของตระกูลเวินในนิกายยอดบริสุทธิ์ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลซาจะสามารถเปรียบเทียบได้เช่นกัน
“ตอนนี้คงได้แต่อาศัยหลิ่วหมิงผู้นั้นแล้ว บางทีเขาอาจจะโชคดีเอาชนะเวินเจิงได้…” ซาทงเทียนนึกถึงการประลองในวันนั้น กระบี่อันน่าตกใจของหลิ่วหมิงทำให้เขารู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
……
ขณะเดียวกัน ภายในถ้ำที่พักอีกแห่งบนยอดเขากระบี่สวรรค์ หลังจากหลงเหยียนเฟยมองดูอักขระเล็กๆ บนแผ่นค่ายกลแล้ว ก็เผยแววตาซับซ้อนออกมา
หลังผ่านไปพักใหญ่ๆ นางถึงเผยรอยยิ้มออกมาจางๆ ก่อนพูดพึมพำออกมา
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ศิษย์น้องเจียหลาน ในเมื่อเจ้ามองเห็นความสำคัญของหลิ่วหมิงเช่นนี้ ก็ดูว่าครั้งนี้เขาจะมีกำลังช่วยเจ้าจากมือของเวินเจิงได้หรือไม่”
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา