เจียหลานได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าจิตใจกำลังดำดิ่งลงสู่ก้นเหว ดวงตางดงามเศร้าสลดลงทันที
“พวกข้าย่อมต้องให้เกียรติอาจารย์อาเวินอยู่แล้ว แต่เจียหลานกับหลิ่วหมิงมีสัญญาฝึกฝนคู่อยู่แต่เดิมแล้ว ตามที่ข้าทราบมา หลิ่วหมิงไม่เพียงแต่เป็นศิษย์ของอินจิ่วหลิงจากยอดเขาลั่วโยวเท่านั้น ยังเป็นที่ถูกใจของท่านประมุขเทียนเกอเจินเหรินด้วย ก่อนหน้านั้นไม่นาน ท่านยังแนะนำให้เขาเป็นศิษย์สำคัญในการเข้าร่วมงานประตูสวรรค์ด้วย หากศิษย์หลานเวินจะต้องแต่งกับเจียหลานให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้คำอธิบายต่อทั้งสองฝ่าย” เทียนอินซ่างเหรินกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ
“อันนี้……” พอได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของหลัวหยวนก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมา
พอน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อยของเทียนอินซ่างเหรินดังเข้าไปในหูเจียหลาน ก็ทำให้จิตใจของนางสั่นสะท้านเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้ว ก็กัดฟันกล่าวออกมา
“หากศิษย์พี่เวินจะแต่งกับข้าจริงๆ ล่ะก็ ศิษย์น้องยินดีให้โอกาสสักครั้ง เพียงแค่ศิษย์พี่เวินประลองกับข้าหนึ่งครั้ง และชนะข้าได้ด้วยตนเอง ข้าจะไปยกเลิกสัญญาคู่รักฝึกฝนกับศิษย์พี่หลิ่วที่ยอดเขาลั่วโยวเอง และตอบรับการสู่ขอของท่าน แต่หากไม่อาจเอาชนะได้ เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก”
เวินอันได้ยินก็รู้สึกดีใจมาก เขาคิดที่จะเดินยืดอกออกไป แต่กลับถูกอาจารย์ของเขาจ้องตาเขม็ง
จากนั้นหลัวหยวนถึงหันหน้ามากล่าวกับเจียหลานอย่างราบเรียบ
“ศิษย์หลานเจียหลาน ต้องการเช่นนี้จริงๆ หรือ เวินอันเข้านิกายมาเป็นเวลาน้อยกว่าเจ้ามาก หากเป็นเช่นนี้เกรงว่าคงไม่ยุติธรรมไปหน่อย”
ด้วยสายตาระดับเขา ย่อมมองออกว่าระดับการฝึกฝนของนางสูงกว่าเวินอันเล็กน้อย หากทั้งสองประลองกันจริงๆ ล่ะก็ เวินอันมีโอกาสชนะไม่มากนัก
“นี่คือเงื่อนไขเล็กๆ ที่ศิษย์มีต่อสามีในอนาคต และก็เป็นการอ่อนข้อให้ครั้งสุดท้ายแล้ว” เจียหลานกลับส่ายหน้า และกล่าวด้วยสีหน้าหนักแน่น
“ศิษย์พี่ทั้งสอง พวกท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?” หลัวหยวนเงียบลงเล็กน้อย สายตามองไปที่เทียนอินซ่างเหรินกับอวี้อินจื่ออีกครั้ง
อวี้อินจื่อสบตากับเทียนอินซ่างเหรินทีหนึ่ง
เพราะเจียหลานเป็นศิษย์ยอดเขาเลื่อนลอย และพวกเขาก็รู้สึกเกรงกลัวเทียนเกอเจินเหริน จึงไม่อาจบังคับกันตรงๆ ได้
“เงื่อนไขที่เจียหลานเสนอขึ้นมานี้ ก็ไม่ได้หนักหนาจนเกินไป ผู้ฝึกฝนอย่างพวกเราใช้พลังพูดกันดีกว่า” ในที่สุดอวี้อินจื่อก็กระแอมไอเบาๆ ก่อนกล่าวออกมา
เทียนอินซ่างเหรินคิดชั่งน้ำหนักไปรอบหนึ่ง และก็พยักหน้าเล็กน้อย ประจักษ์ชัดว่ายอมรับเรื่องนี้โดยปริยาย
“ในเมื่อศิษย์พี่ทั้งสองต่างก็เห็นด้วยกับการที่จะใช้การประลองเพื่อตัดสินเรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้นข้าเองก็ไม่มีข้อคัดค้านใดๆ แต่ว่าไม่สู้เปลี่ยนวิธีการสักหน่อยไหม พวกเจ้าทั้งสองไปหาศิษย์รุ่นเดียวกันที่มีความสัมพันธ์กันมาช่วยได้หนึ่งคน และทำการประลองคู่สักรอบดีหรือไม่?” หลัวหยวนได้ยินก็เลิกคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง และเสนอออกมาเช่นนี้
เทียนอินซ่างเหรินกับอวี้อินจื่อรู้สึกอึ้งไปอีกรอบ!
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไปหาผู้ที่มีความสัมพันธ์เบื้องหลังมาช่วย เจียหลานจะต้องไปหาหลิ่วหมิงอย่างแน่นอน เช่นนี้แล้วมันก็เป็นข้อคิดเห็นที่ไม่เลว
หากหลิ่วหมิงพ่ายแพ้ในการประลอง ก็ต้องโทษที่พลังของตัวเองไม่พอเอง ไม่มีเหตุผลที่จะตำหนิยอดเขาเลื่อนลอยได้
แต่หากว่าทางด้านเวินอันพ่ายแพ้ล่ะก็…..
“ศิษย์พี่ทั้งสอง ไม่ว่ายอดเขาดับสูญของข้าจะพ่ายแพ้หรือได้รับชัยชนะในครั้งนี้ ผลประโยชน์ที่เคยสัญญาไว้ก็จะเป็นไปตามนั้น” พอหลัวหยวนเห็นท่าทีลังเลของทั้งสอง ก็สะบัดแขนเสื้อกล่าวอย่างอาจหาญ
“อ๋อ! ศิษย์น้องหลัวพูดจริงหรือ?” เทียนอินซ่างเหรินรู้สึกแปลกใจมาก
“แน่นอน! ต่อหน้าศิษย์พี่ทั้งสอง ศิษย์น้องยังกล้ากล่าวเท็จอยู่หรือ?” หลัวหยวนกล่าวโดยไม่ต้องคิด
“ดูท่าศิษย์น้องจะมั่นใจการประลองในครั้งนี้มาก ดี! ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้” เทียนอินซ่างเหรินส่งเสียงกล่าวกับอวี้อินจื่ออย่างราบเรียบสองสามประโยค จากนั้นก็ตัดสินใจออกมา
พอมองเห็นสีหน้าเชื่อมั่นของหลัวหยวน เจียหลานก็รู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย แต่นางเป็นคนพูดข้อเสนอนี้ขึ้นมาเอง มาจนถึงขั้นนี้แล้ว ย่อมไม่อาจพูดอะไรได้อีก
ต่อมา ภายใต้การเป็นพยานของผู้อาวุโสทั้งสาม เจียหลานกับเวินอันก็นัดหมายการประลองในอีกครึ่งเดือนให้หลัง สถานที่ก็คือยอดเขาเลื่อนลอยนั่นเอง
“ใช่สิ! ผู้ควบคุมหลัวมีความมั่นใจเช่นนี้ หรือว่าได้เลือกคนไว้แล้ว?” สุดท้ายอวี้อินจื่อก็พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปากถามอย่างอดไม่ได้
“อืม! เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมคนหนึ่ง เป็นศิษย์ที่เก็บตัวมานานร้อยกว่าปี คือเวินเจิงที่มีฉายาว่าคาถาทำลายล้างสิบประการ เพิ่งออกจากการเก็บตัวเมื่อเดือนก่อน คนผู้นี้ก็เป็นอาของศิษย์ข้าพอดี” หลัวหยวนหาวแล้วกล่าวออกมา
“อะไรนะ! คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนผู้นี้?” เทียนอินซ่างเหรินและอวี้อินจื่อได้ยินเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
แม้ว่าเจียหลานจะไม่รู้จักเวินเจิงอะไรนั่น แต่ดูจากสีหน้าของทั้งสอง จิตใจของนางก็ร่วงหล่นไปในฉับพลัน
ขณะนี้ อวี้อินจื่อถึงหันไปพูดเรื่องยอดเขาเวินโจ้วและเวินเจิงให้กับศิษย์ผู้นี้ฟังเล็กน้อย
สุดท้ายเจียหลานยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกตกใจ สีหน้าที่เพิ่งฟื้นกลับมาเล็กน้อย กลับดูซีดขาวขึ้นมาอีกครั้ง
ยอดเขาเวินโจ้วเป็นยอดเขาแห่งหนึ่งในนิกายยอดบริสุทธิ์ที่มีลักษณะค่อนข้างโดดเด่นโดยเฉพาะ เชี่ยวชาญในการฝึกวิชาคาถาสาปแช่ง ศิษย์ในยอดเขาก็มีนิสัยผิดปกติเนื่องจากการฝึกฝน โดยเฉพาะเวินเจิงผู้นี้ไม่เพียงแต่มีพลังไม่ธรรมดา การลงมือก็เหี้ยมโหดเป็นอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา