จะเห็นว่าอีกาสีดำเทาทั้งสามสิบหกตัวบินเร็วขึ้นเรื่อยๆ และก่อตัวเป็นทรงกลมสีดำเทารอบตัวเขา พอเงากำปั้นที่เหลือโจมตีลงบนพื้นผิวทรงกลม ก็มีแสงสีเทาจางๆ หมุนวน และค่อยๆ แตกกระจายออกมา
หลิ่วหมิงกลับมีใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก แขนทั้งสองพร่ามัวอยู่ครู่หนึ่ง และปล่อยเงากำปั้นออกไปมากกว่าเดิม
ภายใต้การประสานกันไปมาของแสงสีเทาและเงากำปั้น ลูกทรงกลมสีเทาดำก็สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แต่ยังคงไม่อาจโจมตีเข้าไปด้านในได้เลยแม้แต่น้อย
และเวินเจิงก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ดึงม้วนคัมภีร์โบราณสีดำที่มีขนาดเท่าแขนออกมา พอคลี่มันออก จะเห็นว่าบนม้วนคัมภีร์มีอักขระโบราณเรียบง่ายจำนวนมากประทับอยู่ และตำแหน่งกลางสุดจะมีภาพวาดอีกายักษ์อยู่หนึ่งตัว
นิ้วทั้งสิบของเวินเจิงดีดออกไปอย่างรวดเร็ว พลังสีเทาเก้าสายพุ่งใส่ม้วนคัมภีร์ติดต่อกัน แสงสีเทาสว่างขึ้นมาทันที อักขระจำนวนมากพุ่งออกมาจากไอดำราวกับมีชีวิต
“ฟู่!” เขาพ่นโลหิตบริสุทธิ์ลงบนม้วนคัมภีร์ ทำให้แสงสีเทาสว่างไสวมากกว่าเดิมหลายเท่า เกิดเปลวไฟลุกไหม้ภาพอีกาที่อยู่ในนั้นทันที
มีเสียงอีกาดังทะลุผ่านทองคำหยก เงาร่างอีกาขนาดหนึ่งจั้งกว่าๆ พุ่งออกมาจากเปลวไฟ มันแลดูอัปลักษณ์ยิ่งนัก ร่างกายอ้วนฉุ ลูกตาสีแดงทั้งคู่แผ่แสงเย็นสะท้านออกมา
เงาร่างอีกาหมุนวนอยู่กลางอากาศ เวินเจิงร่ายคาถาเสียงสูงต่ำออกมา
สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปในทันที พอส่งเสียงตะโกนออกมา ไอดำก็พวยพุ่งออกจากตัว ขณะเดียวกันปีศาจสมุทรแปดขาก็ปรากฏออกมา และกลายร่างเป็นชุดเกราะสีเงินจางๆ มือทั้งสองถูกปกคลุมไปด้วยถุงมือสีเงินที่มีหนามอันแหลมคม
พอเงากำปั้นเปล่งประกาย หนามอัปลักษณ์ที่ปกคลุมอยู่เต็มกำปั้นก็โจมตีลงบนค่ายกลคำสาปพิบัติอย่างบ้าคลั่ง
ท่ามกลางเสียงดังอันน่าตกใจ อีกาพิบัติหลายตัวในนั้นก็ระเบิดออกมาเป็นไอดำสีเทาหลายกลุ่ม ทันใดนั้น เกราะป้องกันสีเทาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง แต่ยังคงไม่สามารถโจมตีทะลุได้
เวินเจิงที่อยู่ในนั้น ดวงตาแดงก่ำของเขาเผยแววประหลาดใจออกมา เสียงร่ายคาถาหยุดลง และค่อยๆ ตะโกนออกมาทีละคำ
“คำสาป-ทำลาย-ล้าง!”
พอคำว่า ‘คำสาป’ ออกมาจากปาก เงาร่างอีกายักษ์ที่หมุนวนอยู่บนศีรษะของเขา ก็แหงนคอส่งเสียงร้องแหลมออกมา
อีกาพิบัติสีดำเทาสามสิบกว่าตัวที่อยู่ด้านล่าง ก็ส่งเสียงร้องออกมาพร้อมกัน
พอหลิ่วหมิงได้ยินเสียงนี้ ก็รู้สึกว่ามีเสียงดัง “หวึ่ง!’ ในทะเลจิตรับรู้ ราวกับว่าถูกคนใช้ค้อนทุบอย่างรุนแรง ขณะเดียวกัน ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงก็ประดังเข้ามา จิตรับรู้ตกอยู่ในภวังค์อย่างช่วยไม่ได้
เคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬที่เขากระตุ้นอยู่ ก็หยุดลงในฉับพลัน ไอดำที่ปกคลุมรอบตัวสลายไปทันที ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมพลังเวทไปชั่วขณะหนึ่ง
“อีกาพิบัติสามสิบกว่าตัว พลังคำสาปอันน่ากลัว!”
“เวินเจิงสมกับเป็นผู้ที่มีฉายาว่า ‘สิบคาถาทำลายล้าง’ จริงๆ คาดกว่าครั้งหนี้หลิ่วหมิงคงจะโชคร้ายมากกว่าโชคดีแล้ว”
ศิษย์ที่ดูการประลองอยู่บริเวณนั้นเห็นฉากเช่นนี้ ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันที สายตาที่มองไปทางเวินเจิงล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจและหวาดกลัว
“ร้ายกาจมาก! นี่ก็คือวิชาคำสาปพิบัติ พลังแห่งคำสาปสินะ!”
แม้ว่าในสมองของหลิ่วหมิงจะรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้ว พลังจิตมหาศาลก็หมุนวนออกมากดทับความรู้สึกวุ่นวายใจไว้ ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะค่อยๆ หายไป พอยกมือ โล่เล็กสีเหลืองก็พุ่งออกมา หลังจากหมุนวนหนึ่งรอบแล้ว ก็กลายเป็นม่านแสงสีเหลืองแวววาวปกคลุมรอบตัวเขาไว้
มันคือโล่พสุธานั่นเอง!
“คำสาปทำลายล้าง มีสิบพลังการสังหาร ดูสิว่าเจ้าจะต้านทานได้กี่ครั้ง!”
ท่ามกลางค่ายกลคำสาปพิบัติ เวินเจิงเผยแววตาโหดเหี้ยมออกมา เขาแหงนหน้าพ่นโลหิตใส่อีกายักษ์ และร่ายคาถาออกมาอีกครั้ง
พออีกาพิบัติทั้งหมดอยู่ภายใต้การนำของอีกายักษ์ มันก็ส่งเสียงร้องออกมาเป็นระยะๆ พลังแห่งความมืดที่แข็งแกร่งม้วนตัวออกจากร่างของเวินเจิง
หลิ่วหมิงรู้สึกแค่ว่ามีเสียงดัง “ตู๊ม!” ในจิตรับรู้อีกครั้ง ภาพตรงหน้ากลายเป็นสีดำ ร่างกายซวนเซทีหนึ่ง ดูเหมือนจะอาเจียนออกมา ไม่เพียงแต่เท่านี้ ในใจก็ยังมีความคิดฟุ้งซ่านต่างๆ เป็นลางสังหรณ์ของจิตปีศาจที่มากขึ้น
หลิ่วหมิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว ดูเหมือนว่าวิชาคำสาปพิบัตินี้ร้ายกาจกว่าที่เล่าลือเล็กน้อย
แต่เขาก็กัดปลายลิ้นอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันก็ทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง พอตบโซ่ตรวนสะกดวิญญาณที่แขวนไว้บนเอว ความรู้สึกเย็นสบายก็แผ่ไปทั่วร่างภายในพริบตา และขับไล่ความรู้สึกแปลกประหลาดออกไปกว่าครึ่งหนึ่ง
“คิดไม่ถึงว่าจะสามารถรับมือกับคำสาปทำลายล้างได้!”
พอเวินเจิงเห็นหลิ่วหมิงเคลื่อนไหวไม่กี่ที ก็ทรงตัวได้แล้ว สีหน้าเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปทันที
อย่างที่รู้ว่า เขาเคยใช้วิชาคำสาปทำลายล้างรับมือกับยอดฝีมือระดับผลึกขั้นปลายของนิกายอื่นมาแล้ว เพิ่งจะแสดงคาถาที่สอง พลังจิตของฝ่ายตรงข้ามก็พังทลาย และกลิ่นไอทั้งตัวก็สะท้อนกลับ จนร่างระเบิดกลายเป็นกองเลือด
แต่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าหลิ่วหมิงถูกคาถาคำสาปของเขาแล้ว แต่กลับฟื้นฟูมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ ทั้งยังดูราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย
จะว่าไปแล้ว แม้จะบอกว่าคำสาปทำลายล้างนี้ มีทั้งหมดสิบคาถา แต่ละคาถาก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยระดับการฝึกฝนของเวินเจิง ก็ฝืนแสดงออกมาได้แค่คาถาที่สี่เท่านั้น
ที่สำคัญที่สุดก็คือ คำสาปทำลายล้างที่เขาแสดงออกมา จะทำให้สูญเสียพลังเวทเป็นอย่างมาก และเนื่องจากเป็นการกระทำที่ขัดต่อวิถีแห่งฟ้า จึงมีผลกระทบต่ออายุขัยของตัวเองไม่น้อย พูดได้ว่าเป็นการทำร้ายผู้อื่นโดยทำร้ายตัวเองก่อน
หลังจากเวินเจิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่หลายครั้งแล้ว ก็กัดฟันในฉับพลัน เขาอ้าปากพ่นโลหิตใส่อีกายักษ์เหนือศีรษะอีกครั้ง จากนั้นมือทั้งสองก็ทำท่ามือแปลกประหลาด ดูเหมือนว่าจะกระตุ้นพลังชีวิตลึกลับบางอย่างที่อยู่ระหว่างฟ้าดิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา