หลังจากมั่นใจว่าเปิดชั้นจำกัดแล้ว เขาถึงพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็นั่งลงทำการฝึกฝน
สามวันต่อมา
ขณะนี้หลิ่วหมิงกำลังทำความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายอันลึกซึ้งของเคล็ดวิชาเกราะอสูรอยู่
ขณะนี้ปีศาจสมุทรแปดขาตัวโตเต็มวัยแล้ว คงจะสามารถแปลงร่างได้มากขึ้นกว่าเดิม อีกอย่างคัมภีร์ปีศาจที่ชิงมาจากมือของปีศาจหยินหยางก็มีแค่ครึ่งเล่มเท่านั้น นอกจากการแนะนำเกี่ยวกับเคล็ดเกราะอสูรที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์แล้ว เคล็ดวิชาอีกสองอย่างที่เขียนเกี่ยวกับการควบคุมอสูรนักรบ ก็เขียนแค่ช่วงต้นๆ แล้วก็หยุดชะงักลง ดูจากอานุภาพของเคล็ดเกราะอสูรแล้ว อานุภาพของอีกสองเคล็ดวิชาที่อยู่ด้านหลัง ก็มีอานุภาพไม่ด้อยไปกว่าเคล็ดเกราะอสูรอย่างแน่นอน
หลังจากเขาพลิกดูคัมภีร์ขาดๆ เล่มนี้เสร็จแล้ว ก็เก็บมันเข้าไป พอหลับตาทั้งคู่ลง ก็ใช้จิตกวาดไปยังศิลาหุนเทียนภายในร่าง และคิดที่จะเข้าไปฝึกฝนในแดนมายาสักรอบ
แต่ขณะนั้นเอง กลับมีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก
“ศิษย์น้องหลิ่วอยู่ด้านในหรือไม่?”
เสียงนี้ดูคุ้นเคยยิ่งนัก ซึ่งก็คือหลงเหยียนเฟยที่มาเยี่ยมเยียนแบบกะทันหันนั่นเอง
หลังจากหลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้ว ยังคงลุกขึ้นไปเก็บธงที่อยู่รอบด้าน และเปิดประตูออกมา
จะเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูเป็นหญิงสาวสวมชุดสีขาวที่มีรูปร่างดี นางก็คือหลงเหยียนเฟยนั่นเอง และนางกำลังมองมาทางเขาด้วยรอยยิ้ม
“อ้อ! ศิษย์พี่หลง เชิญเข้ามาเถอะ! ใช่สิ! ศิษย์พี่รู้ได้อย่างไรว่าข้าพักอยู่ในห้องนี้?” หลิ่วหมิงเบี่ยงตัวหลบให้นางเข้ามา ขณะเดียวกันก็ถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“เอ๊ะ! หรือศิษย์น้องหลิ่วไม่ทราบว่านอกห้องมีชั้นจำกัดอยู่ บนนั้นจะบันทึกข้อมูลของผู้ที่พักอยู่ด้านใน แต่ว่ามีแค่คนที่มีป้ายนิกายยอดบริสุทธิ์เท่านั้น ถึงจะตรวจสอบดูได้” หลงเหยียนเฟยกะพริบตาปริบๆ นางอธิบายไปด้วย และเดินเข้าไปในห้องอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตรงหน้าตั่งน้ำชา
ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงได้เข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย เขาเข้ามาในห้องนี้แล้วยังไม่ได้ออกไปเลย จึงยังไม่ค่อยเข้าใจความลี้ลับของหอแห่งนี้
“ศิษย์พี่หลงมาในครั้งนี้ คิดว่าคงไม่ได้มาเยี่ยมเยียนธรรมดาใช่หรือไม่?” หลิ่วหมิงนั่งลงไป และลองสอบถามดูเล็กน้อย
จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่ไปถึงบนยอดเขาหลักจนมาถึงที่หมายในตอนนี้ นางไม่ได้มาหาเขาเลย แต่ขณะนี้กลับมาเยี่ยมเยียนอย่างกะทันหัน เห็นได้ชัดว่ามีจะต้องมีเรื่องอะไรอย่างแน่นอน
“ศิษย์น้องหลิ่ว ดูคำพูดของเจ้าสิ คิดๆ ดูเจ้าก็กลับนิกายมาได้สองปีแล้ว ตอนแรกก็ถูกท่านประมุขเลือกให้เป็นศิษย์ที่เข้าร่วมงานประตูสวรรค์ ต่อมาก็ต่อสู้กับหลัวเทียนเฉิงตรงหน้าวิหารไท่เจินจนเป็นที่เลื่องลือ และยังเอาชนะเวินเจิงในการประลองบนยอดเขาเลื่อนลอยได้ ตอนนี้ยังหมั้นหมายกับศิษย์น้องเจียหลานของข้าด้วย เรื่องราวมากมายเช่นนี้ ข้าเป็นถึงศิษย์พี่ยังไม่ทันได้มาแสดงความยินดีด้วยเลย” หลงเหยียนเฟยกล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยรอยยิ้มหวาน
“ศิษย์พี่หลง ช่วงที่ข้าออกไปนอกนิกาย ก็แค่บังเอิญพบเจอกับความโชคดีนิดหน่อย เรื่องที่เอาชนะเวินเจิงได้ก็เป็นเรื่องบังเอิญโชคดีเท่านั้น” หลิ่วหมิงส่ายหน้ากล่าว
“ศิษย์น้องหลิ่วถ่อมตัวเกินไปแล้ว ครั้งนี้สามารถเป็นตัวแทนเข้าร่วมงานประตูสวรรค์ได้ ก็หมายความว่าท่านประมุขค่อนข้างให้ความสำคัญกับเจ้ามาก” หลงเหยียนเฟยตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม
“เหตุใดศิษย์พี่หลงถึงยังพูดคำพูดที่ดูถ่อมตนเช่นนี้ ท่านก็ได้เข้าร่วมงานประตูสวรรค์ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน” หลิ่วหมิงกล่าวโดยไม่เห็นว่าจะเป็นเช่นนั้น
“อิๆ! เอาล่ะ ศิษย์พี่จะไม่พูดคำพูดเหล่านี้อีกแล้ว ศิษย์น้องหลิ่ว ความจริงแล้วที่ข้ามาในครั้งนี้ ก็เพราะอยากเชิญเจ้าเข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนที่จัดขึ้นเป็นการส่วนตัว ท่านประมุขแจ้งว่าทางที่ดีที่สุดพวกเราอย่าได้เคลื่อนไหวเพียงลำพัง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่ต้องการ และงานแลกเปลี่ยนนี้ ก็มีงูมังกรปะปนเต็มไปหมด ข้าเลยคิดถึงศิษย์น้องขึ้นมา” หลงเหยียนเฟยหุบรอยยิ้มลง และกล่าวอย่างระมัดระวัง
“งานแลกเปลี่ยน? ก่อนงานประตูสวรรค์จะเริ่มขึ้น ข้าเตรียมทำความเข้าใจเคล็ดวิชาหนึ่ง จึงไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ ศิษย์พี่ลองไปหาคนอื่นดูเถิด!” หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองเล็กน้อย จากนั้นก็ปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
สถานที่แห่งนี้มีนิกายใหญ่ต่างๆ มารวมตัวกัน เกรงว่าคงจะมีสถานการณ์มากมายในงานแลกเปลี่ยนนี้ เขาเองก็ไม่มีสิ่งของมากมายที่จะไปแลก และไม่ยากเสียเวลาไปกับเรื่องเหล่านี้
“ศิษย์น้องหลิ่วอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธเร็วเกินไป ฟังข้าอธิบายให้เสร็จก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย เกรงว่างานแลกเปลี่ยนนี้ ศิษย์สี่ยอดนิกายใหญ่และแปดตระกูลใหญ่ต่างก็เข้าร่วมด้วย แม้แต่คนหุบเขาปีศาจสวรรค์ก็ไปด้วย ได้ยินมาว่าอาจจะมีวัสดุปีศาจอสูรหายากของหุบเขาปีศาจสวรรค์ที่ไม่นำออกมาง่ายๆ ปรากฏด้วย ศิษย์น้องหลิ่วไม่ไปล่ะก็ อาจจะเสียใจในภายหลังได้นะ” หลงเหยียนเฟยเกลี้ยกล่อมอย่างไม่รีบร้อน
“วัสดุปีศาจอสูร!”
พอหลิ่วหมิงได้ยินว่ามีคนหุบเขาปีศาจสวรรค์เข้าร่วมด้วย ก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา
หุบเขาปีศาจสวรรค์ไม่เพียงแต่เป็นกลุ่มอิทธิพลใหญ่อันดับหนึ่งของเผ่าปีศาจในแผ่นดินจงเทียนเท่านั้น ในหุบเขาก็เลี้ยงปีศาจอสูรที่พบเจอได้ยากในโลกภายนอกด้วย วัสดุปีศาจอสูรชนิดต่างๆ ที่สะสมอยู่ก็น่าตกใจเป็นยิ่งนัก
หากงานแลกเปลี่ยนมีคนของหุบเขาปีศาจเข้าร่วมด้วย ไม่แน่อาจจะมีวัสดุปีศาจอสูรว่างเปล่าปรากฏออกมาจริงๆ ก็ได้
แม้ว่าเขาจะมีนัดหมายกับผู้อาวุโสอวี้เถียนแล้ว แต่ว่ามีปัจจัยที่ไม่แน่นอนมากเกินไป หากได้วัสดุอสูรว่างเปล่ามาอย่างง่ายดาย ย่อมเป็นเรื่องดีที่หาอย่างไรก็หาไม่ได้แล้ว
หลังจากหลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองเสร็จแล้ว ก็กระแอมไอเบาๆ ก่อนกล่าวออกมา
“อ๋อ? มีศิษย์นิกายต่างๆ เข้าร่วมมากมายเช่นนี้ ดูท่างานแลกเปลี่ยนนี้คงจะไม่ใช่งานเล็กๆ แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไปเป็นเพื่อนศิษย์พี่หลงสักครา ดูสิว่าในงานแลกเปลี่ยนนี้จะมีของล้ำค่าอะไรบ้าง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา