อ่านสรุป ตอนที่ 770 พบกับเซียนหงส์ดำอีกครั้ง จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 770 พบกับเซียนหงส์ดำอีกครั้ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
หลิ่วหมิงเคยอ่านเจอในคัมภีร์สมบัติฟ้าดินสมัยบรรพกาล ในนั้นบอกว่าหากของสิ่งนี้ผสมเข้าไปในอาวุธเวทอาวุธจิตวิญญาณ ใดๆ ก็ตาม ไม่เพียงแต่จะทำให้อาวุธเวทอาวุธจิตวิญญาณแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทั้งยังเกือบจะไม่สามารถทำลายได้ หากสร้างเป็นอาวุธจิตวิญญาณบางอย่างโดยเฉพาะล่ะก็ จะมีโอกาสในการปรับแต่งเป็นต้นแบบอาวุธเวทไม่น้อย และแก่นหยกระดับสูงยิ่งมีความพิเศษมากขึ้น มันสามารถดูดซับปราณจิตวิญญาณฟ้าดินมาเก็บไว้ และค่อยๆ บ่มเพาะอย่างช้าๆ และยังเป็นวัสดุชั้นยอดในการสร้างเตาหลอมโอสถด้วย
และคนที่ถือแก่นหยกชิ้นนี้อยู่นั้น ก็มีรูปร่างพอๆ กับหลิ่วหมิงในตอนนี้ ซึ่งเป็นชายหนุ่มรูปร่างอ้วนเตี้ย หน้าตาแปลกประหลาดเช่นกัน
ทันใดนั้น เกิดเสียงกระซิบกระซาบกันท่ามกลางฝูงชนที่มุงดูอยู่ คนส่วนใหญ่ไม่มีสิ่งของที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการ จึงพากันส่ายหน้าไปมา ไม่นานก็มีคนหมุนตัวเดินจากไป
และมีคนส่วนหนึ่งขยับปากเบาๆ ดูเหมือนกำลังส่งเสียงสนทนากับชายรูปร่างอ้วนเตี้ยอยู่
ในมือหลิ่วหมิงนอกจากจะมีโอสถแฝงจิตวิญญาณระดับพสุธาสองเม็ดกับระดับธรรมดาจำนวนหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีสิ่งของอื่นใดที่มีมูลค่าพอสามารถแลกได้อีก และเห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ไม่ยอมแลกของสิ่งนี้กับหินจิตวิญญาณ
แต่แม้จะบอกของสิ่งนี้ประเมินค่าไม่ได้ แต่สำหรับเขาในตอนนี้ มันไม่ใช่ของที่ขาดแคลนแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้เขาจึงยิ้มบางๆ แล้วออกไปจากฝูงชนกลุ่มนี้
ขณะนั้นเอง ชายอ้วนเตี้ยก็หัวเราะฮ่าๆ และประกาศด้วยความดีใจ
“ข้าได้ตัดสินใจทำการแลกเปลี่ยนกับสหายผู้นี้แล้ว ต้องขอโทษคนอื่นๆ ที่อยากจะแลกด้วย”
พอพูดจบ ชายหนุ่มอ้วนเตี้ยผู้นี้กับชายหนุ่มชุดเทาอีกคนก็เดินออกจากฝูงชน และเดินไปยังห้องหินขนาดเล็กสูงสองสามจั้งที่อยู่ด้านข้างห้องโถง
“ที่นั่นคงเป็นห้องลับของงานแลกเปลี่ยนแล้ว” หลิ่วหมิงมองดูอย่างไม่ใส่ใจทีหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปยังฝูงชนที่คึกคักต่อ เป้าหมายครั้งนี้ของเขาคือวัสดุปีศาจอสูรว่างเปล่า ตอนนี้จำเป็นต้องหาคนของหุบเขาปีศาจสวรรค์ก่อนถึงจะได้
“เซียนหงส์ดำ! คิดไม่ถึงว่าเจ้าก็เข้าร่วมงานประตูสวรรค์ด้วย”
ขณะนั้นเอง ห่างจากหลิ่วหมิงไปไม่ไกล ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนออกมา
“เซียนหงส์ดำ?”
หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา เขารีบเดินไปยังมุมหนึ่งที่เป็นที่มาของเสียง จะเห็นว่าทางด้านนั้นมีคนกลุ่มหนึ่งยืนล้อมเป็นวงกลมอยู่
และใจกลางฝูงชนเหล่านั้น ชายหนุ่มที่สวมชุดค่อนข้างเรียบง่ายกำลังยืนคุมเชิงกับชายหญิงที่สวมชุดสีดำอยู่
ชายชุดดำผู้นั้นมีใบหน้าหล่อเหลา ลักษณะท่าทางดูเป็นธรรมชาติ ดูเหมือนจะไม่ได้ใช้วิชาแปลงโฉมแต่อย่างใด และหญิงชุดดำที่อยู่ข้างเขา ก็มีผ้าสีดำบางๆ ปิดอยู่ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น หลิ่วหมิงมองดูเล็กน้อย ก็มั่นใจว่านางคือเซียนหงส์ดำอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาเคยแลกมือกับนางมาก่อน จึงคุ้นเคยกับกลิ่นไอแปลกประหลาดที่แผ่ออกจากร่างของนางมาก คิดไม่ถึงว่านางจะเข้าร่วมงานประตูสวรรค์ด้วย
อีกทั้งยังไม่ได้เจอกันเป็นเวลายี่สิบกว่าปี การฝึกฝนของนางไม่เพียงแค่บรรลุระดับผลึก แต่ยังบรรลุถึงระดับผลึกขั้นกลางด้วย
และชายหนุ่มที่แต่งตัวเรียบง่ายผู้นั้น ทำให้หลิ่วหมิงอดนึกถึงเผิงเยวี่ยจากนิกายเทียนกงไม่ได้ แม้เขาจะไม่รู้จักคนตรงหน้า แต่ดูจากรูปแบบของเสื้อผ้าแล้ว น่าจะเป็นศิษย์ของนิกายเทียนกง
“ท่านจำคนผิดแล้ว ข้าเป็นพี่ของนาง น้องสาวข้าไม่ใช่เซียนหงส์ดำอะไรนั่น พวกเราเป็นคนของตระกูลมู่หรง หากสหายยังพูดจาปากไม่มีหูรูดเช่นนี้ อย่าโทษที่ข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน อีกอย่างวารีเซียนสวรรค์นี้ข้าจะต้องได้มาให้ได้ สหายถอนตัวไปเสียดีกว่า” ชายชุดดำที่หน้าตาหล่อเหลาก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว และเอ่ยปากออกมาทันที
“ตระกูลมู่หรง?”
ฝูงชนที่รายล้อมอยู่เกิดความฮือฮาขึ้นมาทันที ในงานแลกเปลี่ยนนี้ คนส่วนใหญ่จะพยายามปกปิดตัวตนที่แท้จริง และคนผู้นี้กลับคุยโวตระกูลตนเองถึงเพียงนี้ และมีผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ คิดว่าแปดถึงเก้าในสิบส่วนจะต้องไม่ใช่เรื่องเท็จแต่ประการใด
หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก
ตอนที่เซียนหงส์ดำยังไม่ได้เข้าสู่ระดับผลึกในปีนั้น นางเป็นผู้ฝึกฝนชั่วร้ายที่มีชื่ออันดับสองในหอความเป็นความตายของนิกายยอดบริสุทธิ์ วันนี้ได้ยินว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นคนของตระกูลมู่หรงที่มีชื่อเสียงไม่น้อยในแปดตระกูลใหญ่ ทำให้เขารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก
และวารีเซียนสวรรค์ที่คนผู้นั้นกล่าวถึง ยิ่งทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้านขึ้นมา และให้ความสำคัญกับงานแลกเปลี่ยนในครั้งนี้มากขึ้นกว่าเดิม
สิ่งนี้เป็นสิ่งของจิตวิญญาณที่พบเจอได้น้อยกว่าแก่นหยกชิ้นนั้น เขาเคยมีโอกาสได้เห็นของสิ่งนี้ในงานประมูลใหญ่ครั้งหนึ่งของตลาดเหมียวจง
ตอนนั้นผู้ที่ประกาศประมูลบอกว่า ของสิ่งนี้มีผลในการช่วยทะลวงระดับแก่นแท้ และเกาะตัวแก่นแท้ ทำให้ผู้ที่มีคุณสมบัติไม่ดีจำนวนหนึ่งที่อยากจะอาศัยพลังภายนอกมาช่วยในการเกาะตัวของแก่นแท้ ทำการเสาะแสวงหาแต่ก็หามาไม่ได้ ถือได้ว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนั้นผู้ฝึกฝนคนหนึ่งใช้วัสดุจำนวนมากกับสิบล้านหินจิตวิญญาณถึงประมูลมาได้
“ฮึ! ที่แท้เซียนหงส์ดำที่มีชื่อเสียงก็เป็นคนของตระกูลมู่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ช่างมันเถอะ แต่ว่าวารีเซียนสวรรค์นี้ข้าได้หารือแลกเปลี่ยนกับสหายผู้นั้นแล้ว จะไม่ยอมถอยอย่างแน่นอน” ชายหนุ่มที่สวมชุดเรียบง่ายฟังจบ ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“เฮ่อๆ! งั้นหรือ! สหายผู้นี้ ท่านได้หารือแลกเปลี่ยนกับคนอื่นแล้ว และไม่มอบให้ข้าแล้วหรือ?” ชายชุดดำได้ยินกลับหัวเราะออกมา จากนั้นก็หันไปมองอีกด้านพร้อมกับปล่อยกลิ่นไอแข็งแกร่งอันน่ากลัวอย่างถึงขีดสุดออกมา
ภายใต้สถานการณ์ที่แสงสีเหลืองหมุนวนบนแขนทั้งสองของชายหนุ่มชุดราบเรียบ ทำให้สามารถรับมือกับกรงเล็บแสงทั้งสามได้โดยที่ไม่เป็นอะไร แต่สุดท้ายอีกสองลำยังคงโจมตีเกราะคุ้มกันสีเหลืองบนตัวเขาจนแตกกระจาย และโจมลงบนแขนทั้งสองโดยตรง
ภายใต้การสะท้อนกลับของพลังมหาศาล ทำให้ชายหนุ่มกระเด็นออกไปไกลสิบกว่าจั้ง และกระแทกใส่ผนังหินด้านหนึ่งจนเกิดเป็นหลุมลึก และหล่นลงบนพื้น จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา
ขณะเดียวกัน แสงแววาวสีเขียวจางๆ ก็เปล่งประกายบนผนังหิน และหลุมลึกก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
หากไม่ใช่ว่าคนผู้นี้มีกายเนื้อที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และบนผนังหินถูกคนวางชั้นจำกัดไว้ ซึ่งช่วยต้านทานความเสียหายบางอย่างในช่วงเวลาสำคัญล่ะก็ เกรงว่าหลังจากการปะทะ เขาคงไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีก
ชายชุดดำยังคงไม่ยอมรามือแค่นี้ ใบหน้าของเขาฉายแววสังหารออกมา ร่างกายพร่ามัวมาปรากฏอยู่ห่างจากชายหนุ่มชุดราบเรียบหลายจั้ง พอยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา กรงเล็บยักษ์สีดำข้างหนึ่งก็พุ่งยิงออกไป
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ชายหนุ่มชุดราบเรียบสะบัดแขนเสื้อนำยันต์สีทองสลัวๆ ออกมาผืนหนึ่ง และขยี้จนแตกกระจายโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ม่านแสงที่มีแสงสีทองไหลวน มาปรากฏอยู่ห่างจากด้านหน้าไปหนึ่งจั้งกว่าๆ
“ท่านพี่ระวัง เป็นยันต์ย้อนกลับ” เซียนหงส์ดำเห็นเช่นนี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย และรีบเอ่ยปากเตือนไปหนึ่งประโยค
พอเงากรงเล็บสีดำสัมผัสกับม่านแสงสีทอง มันก็หายไปราวกับดินเหนียวที่จมลงทะเล ครู่ต่อมา กรงเล็บยักษ์สีดำข้างหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนกันไม่มีผิด ก็ปรากฏตัวในม่านแสงสีทองอย่างน่าประหลาดใจ และพุ่งเข้าใส่ชายชุดดำ
ขณะเดียวกัน ม่านแสงสีทองก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ และกลายเป็นจุดแสงสีทองก่อนสลายไป
ชายหนุ่มชุดราบเรียบเห็นเช่นนี้ ก็ถือโอกาสลุกขึ้นมา และนำยันต์สีเหลืองผืนหนึ่งมาแปะไว้บนตัว จากนั้นร่างของเขาก็พร่ามัวกลายเป็นแสงหลบหลีกสีเหลืองพุ่งไปยังมุมห้องโถง และพุ่งไปทางค่ายกลส่งตัว
ชายชุดดำทำเสียงฮึดฮัดทีหนึ่ง ไอดำบนตัวพวยพุ่งขึ้นมา ร่างของเขาเคลื่อนไหวหลบไปอย่างง่ายดาย ปล่อยให้เงากรงเล็บยักษ์พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่อยู่ด้านหลัง
ฝูงชนเห็นเช่นนี้ก็พากันหลบด้วยความตกใจ ทันใดนั้นก็เผยให้เห็นหญิงชุดม่วงผู้หนึ่งกับหญิงชุดเขียวที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันเล็กน้อย
ทั้งสองมีสีหน้าสงบเป็นอย่างมาก ไม่คิดที่จะหลบหลีกแต่อย่างใด ทันใดนั้น พวกนางต่างก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาเบาๆ แสงสีเขียวกับสีม่วงม้วนตัวออกมาพร้อมกัน และม้วนตัวไปหาเงากรงเล็บยักษ์สีดำราวกับคลื่นที่ซัดสาด
พอเงากรงเล็บยักษ์สัมผัสกับแสงทั้งสองลำ ก็ถูกอานุภาพอันยิ่งใหญ่ที่แฝงอยู่ม้วนตัวเข้าไป หลังจากมีเสียงดัง “ฟู่ๆ!” มันก็กลายเป็นไอดำหายไปในนั้น
………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา