ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 773

ตอนที่ 773 ประตูสวรรค์ปรากฏ
โดย
Ink Stone_Fantasy
วันนี้อยู่ดีๆ ท้องฟ้าเหนือยอดเขาหิมะก็ส่องแสงสีขาวระยิบระยับแถบแล้วแถบเล่า ตามติดมาด้วยเสียง “ครืน” ดังสนั่นทีหนึ่ง กลางท้องฟ้าสีขาวโพลนฉับพลันถูกแหวกออกเป็นช่องว่างยาวร้อยกว่าจั้งเส้นหนึ่ง ปราณจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งสายหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านในแล้วโถมเข้าหาอย่างเกรี้ยวกราด

ครู่ต่อมาท่ามกลางสายตาของผู้คนที่ตีนเขา เกาะสีทองอร่ามทั้งเกาะแห่งหนึ่งก็ลอยออกมาจากรอยแหวกกลางอากาศ ขยับหมุนท่ามกลางแสงสีทองที่ห้อมล้อมไม่หยุด

สองตาของหลิ่วหมิงหรี่ลง มองเกาะแห่งนี้จนทะลุปรุโปร่งแปดเก้าในสิบส่วน

เกาะกลางฟ้าเกาะนี้มีขนาดใหญ่ถึงหลายสิบหมู่[1] แทบจะครอบทับเขาหิมะทั้งลูก ทอดมองไกลออกไป ท่ามกลางเมฆหมอกที่ลอยวนล้อมรอบเกาะเผยให้เห็นผืนดินเขียวขจีที่มีสีสันประดับประดาอยู่เลือนราง สกุณาขับขานบุปผาส่งกลิ่นหอม อสูรจิตวิญญาณและวิหคเซียนนานาชนิดนับไม่ถ้วน ตำหนักหออาคารสูงต่ำเรียงรายเป็นระเบียบประหนึ่งสวรรค์บนโลกมนุษย์

ศิษย์ทั้งหมดซึ่งเข้าร่วมงานประตูสวรรค์เป็นครั้งแรกและมองดูอยู่นั้น เวลานี้ส่วนใหญ่ล้วนเผยสีหน้าตกตะลึง เห็นชัดว่าถูกเกาะที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้าแห่งนี้ทำให้ตกตะลึงอย่างยิ่ง

เบื้องหน้าฝูงชนเทียนเกอเจินเหรินกับบุรุษชุดเทาตรวจสอบจำนวนคน หลังแน่ใจว่าทุกคนมารวมตัวกันพร้อมแล้วจึงออกคำสั่ง พาหลิ่วหมิงกับศิษย์ที่เข้าร่วมงานประตูสวรรค์คนอื่นๆ กลายเป็นลำแสงแถบหนึ่งเหาะขึ้นไปยังยอดเขาหิมะ

เมื่อทุกคนมาถึงยอดเขาก็พบว่าที่ปรัมพิธี บนยอดเขามีคนของสองนิกายมาถึงก่อนแล้ว จากเครื่องแต่งกายบอกได้ว่าเป็นคนของนิกายปีศาจลี้ลับกับหุบเขาปีศาจสวรรค์

ความสัมพันธ์ระหว่างสองนิกายใหญ่นี้กับนิกายยอดบริสุทธิ์พูดได้ว่าไม่ดีนัก เทียนเกอเจินเหรินไม่ได้เข้าไปทักทายกับประมุขนิกายของอีกฝ่าย แต่พาทุกคนหยุดอยู่ห่างออกมาค่อนข้างไกล

หลังเวลาชั่วจิบชาหนึ่งถ้วย พร้อมกับที่ลำแสงหลากสีสันทยอยมา คนของสำนักและนิกายใหญ่ต่างๆ ก็มาถึงยอดเขาอย่างต่อเนื่อง รวมตัวกันแน่นขนัดเกือบพันคน ดูแล้วครึกครื้นยิ่งนัก

ผู้ที่ยืนอยู่ในจุดที่สะดุดตาที่สุดย่อมเป็นสี่ยอดนิกายใหญ่กับแปดตระกูลใหญ่ และกลุ่มอำนาจใหญ่ระดับสุดยอดเช่นหุบเขาปีศาจสวรรค์

สำนักกับนิกายขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนหนึ่งที่เหลือ ได้แต่ยืนอยู่ด้านหลังไกลๆ แบ่งแยกกันอย่างชัดเจน

ศิษย์สิบคนที่เข้าร่วมงานประตูสวรรค์เช่นหลิ่วหมิงกับหลัวเทียนเฉิงเวลานี้เปลี่ยนเป็นชุดยาวสีน้ำเงินซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนิกายยอดบริสุทธิ์เหมือนๆ กัน พวกเขารอคอยอย่างนิ่งสงบไม่ส่งเสียง

เมื่อได้เห็นเกาะสีทองอร่ามแห่งนี้ในระยะใกล้แล้ว ทุกอย่างยิ่งชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ความตื่นตะลึงยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

หลิ่วหมิงมองอยู่ครู่หนึ่งจึงละสายตากลับมา

จะว่าไปแล้วเขามาถึงเขาหิมะนานขนาดนี้ เวลาส่วนใหญ่ล้วนฝึกฝนอยู่ในห้องลับในที่พัก ยังไม่ทันได้ดูคู่ต่อสู้ในการแข่งขันของงานครั้งนี้ดีๆ เลย

คนของสำนักเฮ่าหรานส่วนใหญ่แต่งกายด้วยชุดบัณฑิต ดูแล้วสง่างามทรงคุณธรรม ซึ่งแตกต่างกับคนของนิกายปีศาจลี้ลับอย่างสิ้นเชิง

ผู้คนของนิกายเทียนกงส่วนใหญ่สวมเสื้อสีเหลืองเปลือยแขนข้างหนึ่ง ดูแล้วธรรมดาไม่หรูหรา แต่ที่เอวของพวกเขาส่วนใหญ่มีถุงบวมป่อง เห็นชัดว่าพกถุงหนังที่เก็บหุ่นมากมายไว้ ทำให้ดูแล้วไม่เข้าพรรคเข้าพวกอยู่บ้าง

ส่วนแปดตระกูลใหญ่และหุบเขาปีศาจสวรรค์ก็ล้วนสวมเครื่องแต่งกายต่างกันไป อาจเพื่อแบ่งแยกได้ชัดเจน เครื่องแต่งกายของนิกายและสำนักทั้งหมดจึงล้วนมีเอกลักษณ์ของตนเอง ไม่เหมือนชุดของคนอื่น

หลิ่วหมิงมองรอบด้านประเมินคนที่ค่อนข้างสะดุดตาในหมู่ศิษย์ที่แต่ละสำนักนิกายส่งมา อย่างไรเสียศิษย์ที่เข้าร่วมงานได้นั้นล้วนย่อมเป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในหมู่เด็กรุ่นเยาว์ของแต่ละสำนักนิกาย ระวังตัวไว้ถึงจะอายุยืน

ศึกใหญ่ครั้งนั้นกับเวินเจิง จนกระทั่งวันนี้เขาก็ยังจดจำได้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้น การเดินทางไปแดนลึกลับครั้งนี้ คู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่แค่คนสองคน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะพบผู้ฝึกฝนที่พลังสูงกว่าระดับเดียวกันกลุ่มใหญ่ เขาจำต้องระมัดระวังให้มากขึ้น

ฉับพลันสายตาของเขาก็เพ่งมองไปยังร่างสตรีชุดม่วงคนหนึ่งของตระกูลโอวหยาง

โอวหยางเชี่ยนนั่นเอง

เทียบกับในงานแลกเปลี่ยน เวลานี้สตรีผู้นี้ฟื้นคืนหน้าตาแท้จริงแล้ว ดูไม่แตกต่างจากครั้งนั้นที่วังมายานัก

ทว่าพลังของสตรีผู้นี้ก้าวหน้าเร็วอย่างน่าอัศจรรย์จนแทบจะไม่เป็นรองเขา ผนวกกับพลังที่ได้เห็นตอนลงมือเมื่อหลายวันก่อนที่งานแลกเปลี่ยน เขาคงต้องรับมืออย่างระมัดระวัง

โอวหยางเชี่ยนคล้ายสัมผัสได้ถึงสายตาของหลิ่วหมิง นางหันศีรษะมองมาทางด้านนี้อย่างรวดเร็ว

เมื่อหลิ่วหมิงเห็นภาพนี้ ก็ตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าสตรีผู้นี้จะสัมผัสเฉียบคมเช่นนี้ ท่ามกลางคนเกือบพันคนกลับรู้สึกได้ถึงสายตาของตน

สายตาของคนทั้งคู่ประสานกัน หลิ่วหมิงพยักหน้าให้จากที่ไกลๆ และละสายตาออกอย่างรวดเร็ว

หลังโอวหยางเชี่ยนเห็นหลิ่วหมิง สายตาเป็นประกายเล็กน้อยชั่วครู่ มุมปากยกยิ้มขึ้นบาง

ส่วนศิษย์ของนิกายและสำนักอื่น เผิงเยวี่ยแห่งนิกายเทียนกง เซวียผานแห่งหุบเขาปีศาจสวรรค์ที่เคยมีวาสนาพบหน้ากับหลิ่วหมิงครั้งหนึ่งก็ล้วนอยู่ในกลุ่มที่โดดเด่นด้วย

ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดกับตนเองอยู่นั้น บนเกาะก็มีเงาคนเคลื่อนไหว และทันใดนั้นลำแสงสองสายก็เหาะมา ชั่วพริบตาเดียวร่อนลงเบื้องหน้านิกาย สำนักและกลุ่มอำนาจทั้งหลาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา