ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 772

ตอนที่ 772 สังเวย
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ดี! เป็นโอสถแฝงจิตวิญญาณระดับสูงทั้งหมดจริงๆ ครั้งนี้จะเลื่อนระดับเป็นระดับผลึกขั้นปลายมีหวังแล้ว! วิญญาณปีศาจอสูรระดับแก่นแท้เหล่านี้เป็นของเจ้าแล้ว!” หลังชายหนุ่มเผ่าปีศาจผู้มีหัวเป็นพยัคฆ์กวาดสายตามองโอสถสีขาวเจ็ดเม็ดที่เหลือในกล่องหยกกล่องหนึ่งบนโต๊ะแล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างดีอกดีใจ

แม้โอสถแฝงจิตวิญญาณระดับสูงแปดเม็ดนี้หากนำไปประมูลขาย แต่ละเม็ดอย่างน้อยก็มีค่าสองล้านหินจิตวิญญาณหรืออาจมากกว่านั้น ส่วนวิญญาณระดับแก่นแท้นี้ถึงอยู่ในงานประมูลก็แค่สี่ห้าล้านเท่านั้น ทว่าวิญญาณปีศาจระดับสูงเช่นนี้หายากอย่างที่สุด วันนี้พริบตาเดียวหลิ่วหมิงก็แลกมาได้สามชนิดจึงรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง

คราวนี้เขาก็สามารถใช้วัตถุดิบวิญญาณเหล่านี้สังเวยให้ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนบนร่างอีกหนก่อนงานประตูสวรรค์จัดขึ้นได้แล้ว

หลังหลิ่วหมิงคิดมาถึงตรงนี้ก็พยักหน้า จากนั้นเก็บขวดใบน้อยสามใบในมือเข้าไปในแหวนย่อส่วนทันที ส่วนชายหนุ่มเผ่าปีศาจผู้นั้นก็มือไวตาไวปิดกล่องหยกเก็บลงไป ท่าทางประหนึ่งกลัวว่าหลิ่วหมิงจะกลับคำ

“ในเมื่อทั้งสองท่านตกลงกันแล้ว เช่นนั้นก็ลงนามบนสัญญาแลกเปลี่ยนฉบับนี้ จากนั้นต่างฝ่ายต่างจ่ายหนึ่งแสนหินจิตวิญญาณก็เป็นอันเรียบร้อย” ข้างกายคนทั้งสอง บุรุษรูปร่างผอมแห้งที่สวมชุดขาวทั้งตัวผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น พร้อมทั้งเอากระดาษที่ส่องแสงสีน้ำเงินเรืองรองแผ่นหนึ่งออกมา

“ข้ามาเป็นครั้งแรก หารู้ไม่ว่างานแลกเปลี่ยนประตูสวรรค์นี้มีค่าใช้จ่าย ข้าไม่ได้นำหินจิตวิญญาณมาด้วย” ชายหนุ่มเผ่าปีศาจได้ยินก็ตะลึง เขาลูบศีรษะพลางเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจอยู่บ้าง

“ค่าใช้จ่ายที่สหายท่านนี้ต้องจ่าย ข้าจ่ายแทนเขาก็แล้วกัน” หลังหลิ่วหมิงเห็นสถานการณ์ดังนี้ก็ยิ้มจางๆ จากนั้นนำหินจิตวิญญาณถุงหนึ่งในแหวนย่อส่วนออกมาโยนลงบนโต๊ะ

เขาได้วัตถุดิบวิญญาณสามขวดนี้มาอยู่ในมือแล้ว ย่อมไม่อยากให้เกิดการยกเลิกสัญญาแลกเปลี่ยนเพียงเพราะหินจิตวิญญาณอันน้อยนิดเท่านั้น

“ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณสหายท่านนี้มาก! วันหน้าหากพบพานอีกหนจะต้องคืนหินจิตวิญญาณเหล่านี้ให้เท่าทวีแน่นอน” ชายหนุ่มเผ่าปีศาจลุกขึ้นยืนประสานมือเอ่ยกับหลิ่วหมิงทันที

หลิ่วหมิงเพียงโบกมือตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ

บุรุษชุดขาวหยิบหินจิตวิญญาณขึ้นมาใช้จิตสัมผัสกวาดทีหนึ่งก็เก็บไป หลังจากนั้นส่งสัญญาให้กับมือคนทั้งสอง

หลิ่วหมิงยกนิ้วมือข้างหนึ่งขึ้นมาก่อนอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เค้นเอาเลือดหยดหนึ่งออกมาหยดลงบนสัญญา หลังจากที่แสงสีเลือดจางๆ สว่างวูบหนึ่งแล้ว ตรงมุมของสัญญาสีน้ำเงินพลันมีใบหน้าเลือนรางขนาดเท่ากำปั้นดวงหนึ่งประทับอยู่ ซึ่งคล้ายกับใบหน้าแท้จริงของหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในใจก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

สัญญาของงานประตูสวรรค์นี้มหัศจรรย์ปานนี้เชียว ดีที่แม้เป็นหน้าตาดั้งเดิม ชายหนุ่มเผ่าปีศาจผู้นี้ก็คงไม่อาจรู้ได้ว่าเขาเป็นผู้ใด

ชายหนุ่มเผ่าปีศาจผู้นั้นสะบัดมือข้างหนึ่งบ้าง แสงสีม่วงสว่างขึ้นวูบหนึ่ง บนนิ้วชี้ของมืออีกข้างพลันปรากฏรอยแผลขนาดเล็ก จากนั้นเขาก็เค้นเลือดหยดหนึ่งออกมาจากปากแผล แสงสีแดงสว่างวูบหนึ่งก็ผสานเข้าไปในสัญญาสีน้ำเงินเรืองรอง ใบหน้าเลือนรางไม่ชัดอีกดวงหนึ่งปรากฏออกมาอย่างช้าๆ เช่นเดียวกัน

ทั้งสองคนฉับพลันรู้กันอยู่ในใจ เพียงมองหน้ากันแล้วยิ้ม

“เอาล่ะ สัญญานี้มีผลแล้ว ระหว่างงานไม่อาจกลับคำการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ได้ มิเช่นนั้นผลที่ตามมาจงรับรู้ด้วยตัวเอง ด้านนั้นมีค่ายกลเคลื่อนย้ายสองอัน ค่ายกลสีเขียวเคลื่อนย้ายออกไปด้านนอกของงานแลกเปลี่ยน ส่วนค่ายกลสีฟ้าสุ่มเคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งในห้องโถงของงานแลกเปลี่ยน” หลังบุรุษชุดขาวรับสัญญามาเก็บเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“สหายท่านนี้ ข้าขอตัวตรงนี้ หากมีวาสนาคงได้พบกันในงานประตูสวรรค์อีก ส่วนเรื่องวัตถุดิบของปีศาจอสูรแห่งความว่างเปล่าที่สหายถามก่อนหน้านี้ หลังข้ากลับไปในหุบเขาจะช่วยสืบข่าวคราวให้” ชายหนุ่มเผ่าปีศาจที่ศีรษะดูคล้ายพยัคฆ์ตนนี้ประสานมือคำนับหลิ่วหมิง

“ถ้าเช่นนั้นก็รบกวนท่านแล้ว” หลิ่วหมิงก็ประสานมือเอ่ยอย่างเกรงใจเช่นกัน

จากนั้นทั้งสองคนจึงเดินไปยังค่ายกลสีเขียวอันนั้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย หลังแสงสีเขียวแสบตาสว่างขึ้นวูบหนึ่ง ทั้งสองคนก็หายวับไปพร้อมกัน

หลังจากนั้นไม่นาน หลิ่วหมิงก็มาปรากฏตัวตรงจุดเคลื่อนย้ายจุดนั้นตอนตนเข้ามา ชายหนุ่มชุดขาวหน้าตาเกลี้ยงเกลาผู้นั้นที่เคยพบก่อนหน้านี้กำลังยืนอยู่ด้านข้างค่ายกล เขาเห็นหลิ่วหมิงปรากฏตัวปุบก็เดินเข้ามาหาทันที จากนั้นเอ่ยปากถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา

“สหายผู้นี้ เซียนผู้นั้นที่มาพร้อมกันกับเจ้าก่อนหน้านี้เมื่อครึ่งชั่วยามก่อนได้จากไปแล้ว นางให้ข้ามาบอกเจ้าว่านางมีธุระต้องล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง”

“ขอบคุณมาก!”

หลิ่วหมิงคำนับเขาหนึ่งครั้งก่อนจะตรงไปยังช่องทางออก เขาขี่เมฆสีดำก้อนหนึ่งแหวกฟ้ามุ่งไปยังสถานที่ซึ่งหอของนิกายยอดบริสุทธิ์ตั้งอยู่

แม้งานแลกเปลี่ยนครั้งนี้เขาไม่ได้วัตถุดิบของปีศาจอสูรแห่งความว่างเปล่ามาจากมือของศิษย์หุบเขาปีศาจสวรรค์ แต่ใช้โอสถแลกวัตถุดิบวิญญาณระดับแก่นแท้หลายชนิดมาได้ก็ทำให้เขาค่อนข้างพอใจ

อีกทั้งสมบัติประหลาดล้ำค่านานาชนิดที่ปรากฏขึ้นในงานแลกเปลี่ยนยิ่งทำให้เขาเปิดหูเปิดตาครั้งใหญ่

หลังหนึ่งชั่วยามผ่านไป หลิ่วหมิงผู้สวมชุดดำทั้งร่างก็ปรากฏตัวหน้าหอของนิกายยอดบริสุทธิ์ เขาในเวลานี้คืนสภาพหน้าตาเดิมนานแล้ว

ทว่าเขาเพิ่งเหยียบเข้าหอยังไม่ทันได้ขึ้นไปชั้นบน ชายหนุ่มชุดสีเงินผู้หนึ่งกับชายหนุ่มชุดสีฟ้าผู้หนึ่งก็บังเอิญกลับมาจากข้างนอกเข้ามาในหอพอดีเช่นกัน

ชายหนุ่มชุดเงินก็คือหลัวเทียนเฉิงนั่นเอง

“หลิ่วหมิง!” หลัวเทียนเฉิงสองตาหรี่ลง ฉับพลันอ้าปากเรียกหลิ่วหมิงไว้

“อ้อ? ศิษย์น้องหลัวนี่เอง” หลิ่วหมิงเห็นภาพนี้ก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ

“เหอะ เจ้าผูกแค้นใหญ่หลวงกับคนนิกายปีศาจลี้ลับไว้ใช่หรือไม่?” หลังหลัวเทียนเฉิงแค่นเสียงเหอะทีหนึ่งก็เอ่ยถามอย่างเฉยเมย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา