เป็นหลัวเทียนเฉิง
ไม่ไกลจากเท้าของเขา ศพรูปร่างอนาถร่างหนึ่งนอนนิ่งอยู่ตรงนั่น บริเวณหน้าอกไม่รู้ว่าถูกสิ่งใดแทงทะลุเป็นรูขนาดใหญ่สิบกว่ารู เลือดย้อมพื้นดินใกล้ๆ ต้นกกจนแดงฉาน
งานประตูสวรรค์เพิ่งเริ่มได้ไม่นานก็มีคนตายมากมายแล้ว นี่ทำให้สีหน้าของหลัวเทียนเฉิงอดถมึงทึงขึ้นมาบ้างไม่ได้
คนที่ตายผู้นี้ร่างกายสวมชุดยาวลายเมฆาแดง หลัวเทียนเฉิงจำเครื่องแต่งกายนี้ได้ เขาน่าจะเป็นศิษย์ของนิกายใหญ่อายุหมื่นปีที่ชื่อว่านิกายเลี่ยหยาง
“เอ๋…” ทันใดนั้นหลัวเทียนเฉิงก็เพ่งสายตามอง หลังปากร้องเอ๋เบาๆ ออกมาคำหนึ่งก็ก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว เสียงปึกดังขึ้นทีหนึ่งเตะศพพลิกกลับมา
บนข้อมือของคนผู้นี้เห็นชัดว่าสวมกำไลสีดำสนิทวงหนึ่งไว้ เห็นชัดว่าไว้ใช้เก็บของ
ดวงตาของหลัวเทียนเฉิงฉายแววประหลาดใจ หลังครุ่นคิดครู่หนึ่งฉับพลันมือข้างหนึ่งก็ส่งแรงดูดสายหนึ่งไปที่กำไล
เวลานี้เองเสียงฟึบทีหนึ่งก็ดังขึ้น แสงสีดำเรียวเล็กเส้นหนึ่งเหาะพุ่งออกมาจากในเสื้อของศพอย่างไม่มีเค้าลางสักนิด แทงเข้าใส่หน้าอกของหลัวเทียนเฉิงรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าแลบ
เผชิญหน้ากับเหตุพลิกผันน่าตระหนกเช่นนี้ บนหน้าหลัวเทียนเฉิงกลับเผยรอยยิ้มเย็นชาจางๆ ในแขนเสื้อแสงสีน้ำเงินสว่างวูบ แผ่นกลมสีน้ำเงินดำชิ้นหนึ่งพุ่งออกมาขวางเบื้องหน้าของเขา
เสียงตึงแผ่วเบาดังขึ้น แสงสีดำถูกขวางไว้ในทันใด
หลังจากนั้นเขารีบหมุนตัวกลายเป็นเงาพร่าเลือนสายหนึ่งโจมตีหนึ่งหมัดรุนแรงเข้าใส่พงต้นกกสูงเท่าคนจุดหนึ่งใกล้ๆ
เสียงตูมดังขึ้นทีหนึ่ง
กระแสลมสีเงินพุ่งออกมาจากหมัดประหนึ่งวายุสลาตัน คลื่นคลั่งล้อมอาณาเขตหลายจั้งเอาไว้ข้างใน พงต้นกกผืนใหญ่ชั่วพริบตาถูกสายลมจากหมัดฉีกกระชากแหวกออก พื้นดินก็ถูกปาดผิวหน้าลึกครึ่งฉื่อ
เวลานี้เองกลางพงต้นกกระเนระนาดที่ถูกพัดกระจาย เงาร่างคนสีดำสนิทร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นนอกจากนี้เมื่อเผยตัวแล้วก็โซเซเหาะถอยหลัง พร้อมกันนั้นปากก็แค่นเสียงแผ่วเบาออกมา คล้ายได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการโจมตีก่อนหน้านี้ของหลัวเทียนเฉิง
ดวงตาของหลัวเทียนเฉิงทอประกายเหี้ยมเกรียมวูบหนึ่ง ตอนที่คิดจะลงมืออีกครั้ง เงาร่างคนสีดำสนิทกลับพ่นปราณดำนับไม่ถ้วนออกมาจากร่างอย่างรวดเร็ว ฉับพลันกลายเป็นเงาเลือนรางจางๆ สายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ไกลออกไป ความเร็วว่องไวเพียงชั่วแวบหนึ่งก็ห่างไปร้อยกว่าจั้ง หลังวูบไหวไม่กี่ทีก็หนีไปถึงสุดขอบฟ้าแล้ว
หลัวเทียนเฉิงแค่นเสียงเหอะทีหนึ่งแต่ไม่ได้ไล่ตามไป
อย่างไรแดนลึกลับแห่งนี้ก็อันตรายมาก เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้แน่ชัดย่อมไม่ยินดีบุ่มบ่ามไล่ตาม
แน่นอนสาเหตุสำคัญที่สุดก็คือคนทั้งหมดล้วนเข้ามาที่นี่ไม่นาน อีกฝ่ายไม่มีทางมีโชคชะตาอยู่ที่ตัวมากนัก เขาย่อมคร้านจะเสี่ยงอันตรายไล่ตามไป
แต่ถึงแม้เรื่องที่อีกฝ่ายปรากฏตัวเมื่อครู่จะเป็นเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลัวเทียนเฉิงก็จำเสื้อผ้าของนิกายปีศาจลี้ลับที่เงาร่างนั้นสวมได้ นี่ทำให้เขามีความเป็นอริต่อนิกายปีศาจลี้ลับยิ่งขึ้นกว่าเดิม
จากนั้นเขาก็สะบัดมือทีหนึ่ง แสงสีเงินกลุ่มหนึ่งหอบกำไลเก็บของบนศพขึ้นมา เมื่อเห็นว่าไม่มีสภาพแปลกๆ อีกเขาถึงเก็บมันไป จากนั้นกระทืบเท้าทีหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า เหาะเร็วรี่ไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
……
ข้างตาน้ำพุที่ผุดไหลออกมาไม่หยุดแห่งหนึ่ง คนสี่คนแบ่งเป็นสองฝ่าย สมบัติและอาวุธจิตวิญญาณในมือต่างส่องแสงฟาดฟันเข้าใส่กันอย่างดุเดือดไม่หยุดหย่อน แบ่งพวกต่อสู้กันอยู่
ข้างน้ำพุ เห็ดหลินจือสีแดงดั่งโลหิตที่ส่งกลิ่นหอมประหลาดอบอวลหลายดอกงอกอยู่บนไม้แห้งท่อนหนึ่ง พวกมันกำลังแกว่งไกวแผ่วเบาตามสายลม
ในสี่คนนี้ ฝั่งหนึ่งคือเซียนหงส์ดำกับพี่ชาย อีกฝั่งคือโอวหยางเชี่ยนกับสตรีชุดเขียวผู้นั้น
พี่ใหญ่ของเซียนหงส์ดำคือบุรุษหน้าตาหล่อเหลาสวมชุดสีดำ เวลานี้เขากลับไม่ได้ใช้วิชาแปลงรูปลักษณ์ แต่มือถือดาบยาวสีเลือดเล่มหนึ่ง ทุกครั้งที่สะบัดจะมีแสงดาบสีเลือดสิบกว่าสายพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วประหนึ่งลมพายุฝนกระหน่ำ
ผู้ที่กำลังสู้กับเขาอยู่ก็คือโอวหยางเชี่ยน เงามังกรสีขาวสะอาดประหนึ่งหยกตัวหนึ่งกำลังอ้าปากสะบัดกรงเล็บขดอยู่รอบร่างของสตรีนางนี้ มันจำแลงร่างมาจากร่างเดิมคืออาวุธเวทมีดปีกตาข่ายที่นางซื้อมาจากตลาดฉางหยางนั่นเอง แต่เมื่อเทียบพลังของมันตอนที่อยู่ในวังมายานภาแล้ว พลังเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่า
มังกรขาวสะบัดหางมหึมาโจมตีแสงดาบสีเลือดเล่มแล้วเล่มเล่าจนแตกสลายอย่างง่ายดาย ปากพ่นแสงสีเงินท่วมท้นออกมาเป็นระยะ ต่อสู้กับบุรุษชุดดำอย่างดุเดือด ตัดสินผลแพ้ชนะไม่ได้ชั่วขณะ
เซียนหงส์ดำด้านข้างลอยอยู่กลางอากาศ เส้นผมสลวยปลิวสยายไปรอบด้าน สองมือตั้งเป็นวงกลมอยู่ตรงหน้าอก ตรงกลางลูกไฟสีดำสนิทขนาดเท่ากระบวยลูกหนึ่งลอยอยู่ พร้อมกับที่นางท่องมนตร์ ในเปลวไฟสีดำพลันปรากฏอสูรจิตวิญญาณอัคคีสีดำเช่นอสรพิษอัคคี วิหคอัคคีที่ว่องไวอย่างยิ่งตัวแล้วตัวเล่าเหาะออกมาเป็นระยะ
ในมือสตรีชุดเขียวเหวี่ยงพัดผ้าแพรสีม่วงอ่อน พัดไปกลับรอบหนึ่งก็พ่นเมฆแสงสีม่วงที่โจมตีได้ป้องกันได้แถบแล้วแถบเล่าออกมา ต่อสู้อยู่กับเซียนหงส์ดำ
ทว่าทั้งสองคนเห็นชัดว่าล้วนไม่ได้ทุ่มกำลังทั้งหมด คล้ายกับกำลังรอคอยอะไรอยู่
เวลานี้เองดาบยาวสีเลือดในมือบุรุษชุดดำฉับพลันเปล่งแสงรัศมีเจิดจ้า แสงดาบสีเลือดนับไม่ถ้วนฟันอย่างบ้าคลั่งปะทะกับแสงสีเงินที่มังกรพ่นออกมา สองฝ่ายต่างสลายหายไป ร่างของเขาฉวยโอกาสนี้กระโจนไปด้านหลังถอยหลังไปหลายก้าว
“สหายโอวหยาง งานประตูสวรรค์นี่เพิ่งเริ่มต้น เจ้ากับข้าสองฝ่ายไม่จำเป็นต้องสู้เอาเป็นเอาตายกันเพื่อหลินจือผนึกโลหิตไม่กี่ต้นนี้ ไม่สู้เลิกรากันเท่านี้ แบ่งหลินจือเหล่านี้เท่าๆ กันเป็นอย่างไร?” ดาบยาวในมือบุรุษชุดดำสั่นเล็กน้อย แสงสีเลือดฉับพลันหดกลับไป พร้อมกันนั้นปากก็เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา