ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 777

สรุปบท ตอนที่ 777 การต่อสู้ในแดนลึกลับ: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 777 การต่อสู้ในแดนลึกลับ – ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บท ตอนที่ 777 การต่อสู้ในแดนลึกลับ ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 777 การต่อสู้ในแดนลึกลับ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เสียงฉึบดังขึ้นเบาๆ บัวหิมะสีฟ้าดอกนั้นถูกตัดในพริบตา แสงสีเหลืองรับดอกบัวหิมะสีฟ้าไว้แล้วม้วนตัวถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว

ศิษย์นิกายเทียนกงคว้าได้ปุบ คิดก็ไม่คิดฉับพลันจะเหาะขึ้นฟ้ากลายเป็นแสงสีเหลืองกลุ่มหนึ่งหมุนตัวหนีจากไปไกลทันที

ทว่าเขาเพิ่งเหาะออกไป ในสระคลื่นน้ำท่วมฟ้าพริบตาก็ซัดขึ้นมา หนวดสีเลือดยาวหลายจั้งแหวกสายน้ำหวดประหนึ่งแส้ลงมาบริเวณที่ศิษย์นิกายเทียนกงเคยยืนอยู่

เสียงเปรี้ยงดังสนั่นทีหนึ่ง!

พื้นดินที่ถูกโจมตีแตกเป็นลาย เศษหินฝุ่นดินนับไม่ถ้วนปลิวกระจายว่อนไปทั่ว

ลึกลงไปในสระน้ำ เสียงคำรามเกรี้ยวกราดของอสูรโลหิตแปดขาดังลอยมา

ศิษย์สำนักเทียนกงที่เหาะอยู่กลางอากาศหันศีรษะกลับมานิดหนึ่ง เห็นภาพนี้ตามหลังพลันรู้สึกหวาดกลัว

พลังนี้ของอสูรโลหิตแปดขา ต่อให้เป็นผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นปลาย ถูกรัดเข้าทีหนึ่งคาดว่าก็คงโชคร้ายมากว่าโชคดี

“ยังดีที่อสูรโลหิตแปดขาเป็นปีศาจอสูรในน้ำ จะไม่จากน้ำโดยง่าย…”

ศิษย์นิกายเทียนกงพรูลมหายใจยาวจากนั้นหมุนตัวจากไป เขาเหาะออกไปหลายสิบลี้ถึงร่อนกลับลงมาบนพื้นดิน

เขาถือบัวหิมะสีฟ้าดอกนี้ไว้เบื้องหน้า หลังพิจารณาอย่างละเอียดรอบหนึ่งก็หัวเราะเสียงดัง เก็บของสิ่งนี้เข้าไปในยันต์เก็บของ

ตอนนี้เองเงาร่างหนึ่งพลันโฉบผ่านมาด้านหลังร่าง ศิษย์สำนักเทียนกงหมุนตัวกลับมาในทันใด แต่หลังร่างกลับว่างเปล่า

“หรือข้ามองผิด?”

ศิษย์นิกายเทียนกงย่นหัวคิ้ว เมื่อเขาหันศีรษะไปอีกครั้ง บุรุษหน้าตาหล่อเหลาแต่งกายเยี่ยงบัณฑิตท่าทางสุภาพเรียบร้อยคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างลึกลับตรงงหน้าเขาห่างไปไม่กี่จั้ง กำลังแย้มยิ้มมองเขาอยู่

“ที่แท้สหายจากสำนักเฮ่าหรานนี่เอง ข้าอู๋เชานิกายเทียนกง ยินดีที่ได้พบ!” ดวงตาของศิษย์นิกายเทียนกงฉายแววหวาดหวั่นเล็กน้อย ทว่าฉากหน้ากลับเสแสร้งประสานมืออย่างสงบนิ่ง พร้อมกันนั้นภายในแขนเสื้อพริบตาก็กุมมีดสั้นเอาไว้

“คำพูดตามมารยาทไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ทิ้งยันต์เก็บของที่ตัวเจ้าไว้ มอบโชคชะตาครึ่งหนึ่งมาบางทีข้าอาจปล่อยเจ้าไปสักหน” บัณฑิตชุดขาวเอ่ยอย่างเย็นชาด้วยเสียงทุ้มต่ำและใบหน้าเรียบเฉย

“เหอะ ขออภัยเรื่องนี้ข้ายากจะทำตาม…” อู๋เชาไม่ลังเลสักนิดตอบปฏิเสธทันที มีดสั้นในมือกำแน่นขึ้น

บัณฑิตชุดขาวได้ยิน สายตาพลันเย็นเยียบ หมอกควันสีขาวชั้นหนึ่งลอยออกมานอกร่าง ร่างกายค่อยๆ พร่าเลือนหายไป

ชั่วครู่ต่อมาเงาคนสีขาวสายหนึ่งพลันโฉบวูบมาปรากฏตัวเบื้องหน้าอู๋เชาว่องไวดุจสายฟ้าแลบ ฝ่ามือยื่นออกมายิงปราณสีขาวน้ำนมสายหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว คว้าโซ่แห่งโชคชะตาบนข้อมืออู๋เชา

ปราณสีขาวดุจเมฆแสงเรืองรองเกิดขึ้นต่อเนื่อง ความเร็วกลับทำให้คนตะลึง ขยับม้วนทีหนึ่งฉับพลันมาถึงตรงข้อมือ

ทว่าอู๋เชาก็ปฏิกิริยาเร็วอย่างที่สุด มีดสั้นในมือสะบัดทีหนึ่ง แสงมีดสีเหลืองรูปพระจันทร์เสี้ยวพลันพุ่งรี่ออกมา ทิ้งรอยเส้นหนึ่งไว้กลางอากาศ ประจันหน้าเข้าใส่ปราณสีขาว

เสียง “ปึง” หนักๆ ดังขึ้น!

แสงของมีดสีเหลืองและปราณสีขาวโจมตี ปะทะยื้อกันอยู่กลางอากาศ

“ลูกไม้กระจอก!”

ชายหนุ่มชุดขาวแค่นหัวเราะทีหนึ่ง จากนั้นร่างกายหมุนอย่างรวดเร็วยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นตบออกมาข้างหน้าอีกหนึ่งฝ่ามือ

ปราณสีขาวอีกสายหนึ่งโฉบมาวูบหนึ่งจากนั้นจมหายไปในปราณเส้นก่อนหน้า ปราณสองสายผสานรวมกัน กลายเป็นฝ่ามือยักษ์สีขาวขนาดหนึ่งจั้งกว่า กำเบาๆ หนหนึ่งก็บีบแสงมีดจันทร์เสี้ยวเป็นผุยผง และตบเข้าใส่อู๋เชาทันที

สีหน้าของอู๋เซาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ระยะใกล้เช่นนี้เขาไม่อาจหลบหลีกได้สักนิด ทำได้เพียงอ้าปากพ่นลูกกลมสีเขียวลูกหนึ่งออกมา หลังมันหมุนติ้วแล้ว ก็ส่งเสียงแกรกๆ กลายเป็นเต่าไม้สีเขียวตัวหนึ่ง ลวดลายจิตวิญญาณด้านบนกะพริบทีหนึ่ง ม่านแสงสีเขียวชั้นหนึ่งพลันขวางอยู่หน้าร่าง

เสียงเปรี้ยงดังขึ้นทีหนึ่ง!

ม่านแสงสีเขียวถูกฝ่ามือยักษ์โจมตีเข้าพลันแหวกออก เต่าไม้สีเขียวอ่อนสั่นไหวหนหนึ่ง บนตัวปรากฏรอยร้าวหลายเส้น

อู๋เชารู้สึกว่ามีพลังมหาศาลสายหนึ่งโถมกระหน่ำข้ามอากาศมา เงาร่างพุ่งถอยออกไปโดยไม่ทันรู้ตัว ทั้งคนทั้งสมบัติชนบนต้นไม้ใหญ่ห่างร้อยกว่าจั้งอย่างหนักหน่วง

ต้นไม้ใหญ่ขนาดหลายคนโอบต้นนี้ส่งเสียงดังเปรี๊ยะทีหนึ่งก็หักโค่นลงทั้งอย่างนั้น

อู๋เชาอ้าปากพ่นเลือดออกมาคำหนึ่ง โซ่หยกใสบนข้อมือก็ส่งเสียงกังวานแตกกระจาย ไอหมอกสีเทาสายแล้วสายเล่าม้วนตัวออกมาผสานเข้าไปในโซ่หยกในมือชายหนุ่มชุดขาว

ชายหนุ่มชุดขาวหัวเราะฮ่าฮ่า พร้อมกันนั้นเงาร่างก็วูบไหวทีหนึ่ง ปรากฏตัวเบื้องหน้าอู๋เชาอีกครั้ง

“โชคชะตาของข้าถูกเจ้าชิงไปครึ่งหนึ่งแล้ว เจ้ายังคิดจะเอาอย่างไรอีก” อู๋เชาสีหน้าซีดเผือด ไอเบาๆ สองสามทีก็ลุกขึ้นเอ่ยอย่างคาดไม่ถึงปนโกรธเกรี้ยว

“เมื่อครู่ไม่ได้บอกแล้วหรือว่าให้มอบยันต์เก็บของที่ตัวเจ้ามา” ชายหนุ่มชุดขาวยกมือขึ้นปุบ ฝ่ามือยักษ์สีขาวข้างหนึ่งก็รวมตัวขึ้นมาอีกครั้ง กดทับศิษย์นิกายเทียนกงผู้นี้ไว้ข้างล่าง แล้วเอ่ยอย่างถมึงทึง

อู๋เชาสีหน้าเปลี่ยนไปมา เขาได้แต่กัดฟันทีหนึ่ง พลิกมือเอาถุงเก็บของข้างเอวออกมาโยนไป

ฝ่ามือยักษ์สีขาวส่งแรงดูดสายหนึ่งออกมาดูดยันต์เก็บของเข้าไป

ในหุบเขาชันลึกหลายสิบจั้งแห่งหนึ่ง เมฆสีดำก้อนหนึ่งเคลื่อนเลียบไปกับพื้นอย่างเชื่องช้า บนเมฆสีดำชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งยืนต้านลม เขาคือหลิ่วหมิงนั่นเอง

วันแรกๆ ที่เข้ามาในแดนลึกลับ หลิ่วหมิงไม่ได้ไปไหนไกล แค่โจมตีสังหารปีศาจอสูรระดับต่ำมากมายเอาโชคะตามาได้จำนวนหนึ่งเท่านั้น

ระหว่างนี้เขาไม่ได้พบกับศิษย์นิกายอื่น แม้สังเกตเห็นคลื่นพลังจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งอยู่ไกลๆ ก็ไม่ได้สนใจ

อย่างไรเวลาที่จะอยู่ในแดนลึกลับประตูสวรรค์แห่งนี้ก็ยังอีกนาน ตอนนี้ยังไม่ใช่จังหวะที่ดีในการต่อสู้กันเอง รอผู้อื่นสะสมโชคชะตาได้มากแล้วค่อยไปแย่งชิงถึงจะเป็นวิธีการที่ประหยัดแรงไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย

นอกจากนี้เขายังฉวยโอกาสนี้ตามหาและเก็บหญ้าจิตวิญญาณ สมุนไพรจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งมา อย่างไรสมุนไพรจิตวิญญาณที่งอกอยู่ที่นี่ล้วนเป็นของหายาก มีพลังแห่งโชคชะตาไม่น้อยเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาพบหญ้าจิตวิญญาณหน้าตาเหมือนเห็ดซึ่งแผ่ปราณจิตวิญญาณเข้มข้นอย่างที่สุดระลอกแล้วระลอกเล่าต้นหนึ่งตรงทางเข้าหุบเขาอันห่างไกลแถบนี้ พอนึกย้อนกลับไปถึงคัมภีร์วัสดุจิตวิญญาณนานาที่เคยอ่านแต่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นของสิ่งใด จึงเก็บเอาไว้ในแหวนย่อส่วนก่อนวันหน้าค่อยศึกษา

ตอนนี้เองใต้ศิลายักษ์สีดำก้อนหนึ่งห่างไปร้อยกว่าจั้ง หญ้าจิตวิญญาณที่ส่องแสงเรืองรองจางๆต้นหนึ่งก็ดึงดูดความสนใจของขา

หลังเขาขยับเข้าใกล้จนห่างไม่กี่ก้าวถึงค้นพบว่าหญ้าจิตวิญญาณสูงชุ่นกว่าต้นนี้แผ่แสงสีสันงดงามพร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดจางๆ ออกมา

“ถึงกับเป็นหญ้าฟั่นหลีอายุพันปีต้นหนึ่ง” หลิ่วหมิงเห็นสิ่งนี้รู้สึกยินดีจนอดไม่ได้พูดกับตัวเองหนึ่งประโยค

ถึงหญ้าฟั่นหลีจะไม่ได้เป็นหญ้าจิตวิญญาณที่หายาก แต่หญ้าต้นนี้มีความพิเศษคือเติบโตยาก

หญ้าฟั่นหลีที่อายุน้อยกว่าห้าร้อยปีอาจพบได้เป็นบางครั้งตามขุนเขาลำน้ำในแดนจิตวิญญาณที่มีปราณจิตวิญญาณเข้มข้น มันไม่ได้มีสิ่งใดพิเศษ แต่เมื่ออายุเกินห้าร้อยปี ทุกหนึ่งร้อยปีผ่านไป แสงที่พวกมันส่วนหนึ่งแผ่ออกมาก็จะยิ่งเข้มขึ้น แต่กลับมีโอกาสสองในสิบส่วนที่มันจะแห้งเหี่ยวตายไปอย่างไร้สาเหตุ เมื่ออายุถึงพันปีก็จะกลายเป็นวัตถุดิบหลักของโอสถฟั่นหลีที่เพิ่มพลังเวทระดับดาราพยากรณ์ได้ ด้วยเหตุนี้หญ้าฟั่นหลีอายุพันปีเมื่ออยู่ข้างนอกจึงเติบโตได้ยากยิ่ง

แผ่นดินจงเทียนนับแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน หญ้าฟั่นหลีอายุต่างกันราคาต่างกันมากอย่างที่สุด หญ้าฟั่นหลีอายุหนึ่งร้อยปีราคาเพียงสามถึงห้าหมื่นหินจิตวิญญาณเท่านั้น เมื่ออายุเกินห้าร้อยปี ราคาก็จะเพิ่มพรวดจนเกือบถึงหนึ่งล้านหินจิตวิญญาณ หากเป็นหญ้าฟั่นหลีที่มีอายุมากกว่าพันปี ในงานประมูลยิ่งขายได้ถึงราคายี่สิบสามสิบล้าน แล้วยังมักราคาสูงจนไม่มีคนซื้อ ซึ่งปรากฏให้เห็นยากนัก

ก่อนหน้านี้หลิ่วหมิงเพียงได้ยินมาว่าแดนลึกลับประตูสวรรค์ทรัพยากรมากมาย แต่คิดไม่ถึงว่าจะพบหญ้าจิตวิญญาณระดับนี้ ในใจเขายินดีปรีดาอย่างยิ่ง

ขณะที่มือหนึ่งของเขาล้วงกระบี่สั้นสีเงินเล่มหนึ่งออกมาหมายจะตัดหญ้าฟั่นหลีต้นนี้ ศิลายักษ์สีดำกลับสั่นเบาๆ คลื่นพลังจิตวิญญาณแข็งแกร่งระลอกหนึ่งส่งออกมา

ปฏิกิริยาของหลิ่วหมิงเร็วอย่างมาก เขาคิดก็ไม่คิดสองขาพลันกระทืบเท้าทีหนึ่ง พุ่งถอยออกไปไกลสิบกว่าจั้ง ดวงตาเป็นประกายจับจ้องด้านหลังของศิลายักษ์สีดำ

ทว่ากลับเห็นเพียงดินใต้ศิลาสีดำที่เริ่มทรุดตัวลงไป เสียงตึงตังดังขึ้น พื้นดินแหวกเป็นรอยแยกเส้นหนึ่ง ปีศาจอสรพิษขนาดมหึมาสีดำสลับเหลืองตัวหนึ่งร้องขู่ฟ่อเลื้อยออกมาจากดินโคลนอย่างรวดเร็ว

[U1]指风 ทั้งเรื่องมีแค่ 3 ตำแหน่ง ตอนที่ 231 มี 2 ที่, ตอนที่ 777 มี 1 ตำแหน่ง ไม่สามารถดูคำเก่าได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา