เงาคนสีเหลืองที่สวมเสื้อผ้าเรียบง่ายประหนึ่งชาวนาผู้หนึ่งกำลังยืนตระหง่านอยู่บนกระสวยสีเงิน
หลังหลิ่วหมิงเห็นหน้าตาของคนคนนั้นชัด สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไปทันที อีกฝ่ายกลับเป็นเผิงเยวี่ยที่เคยประมือกับเขา
ตั้งแต่ก่อนเข้าแดนลึกลับเขาก็สังเกตเห็นแล้วว่าคนผู้นี้เป็นหนึ่งในศิษย์ที่นิกายเทียนกงเลือกมาเข้าร่วม แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นคนคุ้นหน้าคนแรกที่เขาได้พบในแดนลึกลับ
แม้หลิ่วหมิงจะจดจำเผิงเยวี่ยได้ ทว่าเวลานี้อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าเคร่งขรึม มัวแต่พยายามขี่อาวุธจิตวิญญาณหนีสุดชีวิตจึงไม่รู้ตัวในทันทีว่าด้านล่างยังมีคนอื่นอยู่อีก
หลิ่วหมิงแรกเริ่มงุนงงอยู่บ้าง แต่ต่อมาในดวงตาก็ฉายแววเข้าใจจางๆ
เขาเห็นลำแสงสีดำสองสายปรากฏขึ้นกลางอากาศห่างจากหลังร่างเผิงเยวี่ยไปราวสองสามลี้ นอกจากนี้ลำแสงยังใช้ความเร็วอย่างมากไล่ตามไม่ลดละเข้ามา เทียบกับกระสวยเงินที่เผิงเยวี่ยขี่อยู่ดูท่ายังเร็วกว่าหนึ่งส่วน
หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว จากนั้นร่างกายขยับไหววูบประหนึ่งภูตผีหลบอยู่หลังหินภูเขาลูกหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็เคลื่อนภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนซ่อนเร้นกลิ่นอายบนร่างกายตน
“สหายเผิง ไยต้องรีบร้อนหนีเช่นนี้ ข้ายังไม่ทันย้อนความหลังวันวานกับเจ้าดีๆ เลยนะ!” เสียงเย็นเยียบอย่างยิ่งเสียงหนึ่งดังออกมาจากลำแสงสีดำเส้นหนึ่ง
หลิ่วหมิงได้ยินแล้วรู้สึกคุ้นหู หลังจากนั้นเมื่อเพ่งสายตามองด้านในลำแสงสีดำก็อดไม่ได้อับจนคำพูด
ผู้ที่ไล่ตามอยู่ในลำแสงสีดำนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเซียนหงส์ดำสตรีนางนี้นี่เอง
“คิดไม่ถึงว่าคนของนิกายเทียนกงจะเป็นพวกหนีลนลานเหมือนหนูกันหมด” เสียงบุรุษทุ้มต่ำอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ
ทว่าเพียงไม่กี่ลมหายใจให้หลัง ลำแสงสีดำอีกเส้นหนึ่งพลันมีหมอกสีดำทะลักออกมา มันกะพริบวูบวาบกลางอากาศต่อกันสองสามหน ทุกครั้งที่กะพริบก็ขยับใกล้เข้ามายี่สิบสามสิบจั้ง หลังกะพริบครั้งที่สามก็เพิ่มความเร็วพุ่งผ่านข้างลำแสงสีเงินไปขวางอยู่หน้าร่างเผิงเยวี่ย
หลิ่วหมิงเห็นภาพนี้ ในใจพลันสะท้าน
วิชาลับของแปดตระกูลใหญ่นี่มหัศจรรย์จริงๆ ครั้งนั้นโอวหยางเชี่ยนก็เคยใช้วิชาลับที่คล้ายการเคลื่อนย้ายตัดมิติชั่วพริบตาเหมือนกัน ทั้งสองสิ่งดูไปแล้วคล้ายกันอยู่บ้าง
เมื่อเผิงเยวี่ยเห็นว่าหนีไม่พ้นแล้ว มือข้างหนึ่งจึงใช้เคล็ดวิชาหยุดแสงสีเงินใต้เท้า พร้อมกันนั้นมือแต่ละข้างก็คว้าลูกแก้วกลมสีเหลืองลูกหนึ่งขึ้นมาถือไว้ สายตาเย็นเยียบมองยังคนที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลัง
“ได้ยินว่าหลายสิบปีก่อนเจ้าเคยไล่ตามน้องสาวข้านานสามวันเต็มๆ วันนี้ไล่ตามเจ้าเพียงครึ่งวัน ยกประโยชน์ให้เจ้าแล้ว” ลำแสงด้านหน้าดับลงเผยชายหนุ่มชุดดำหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่ง เขาก็คือชายหนุ่มซึ่งบอกว่าตนเป็นพี่ชายของเซียนหงส์ดำที่เคยพบหน้ากันในงานแลกเปลี่ยนก่อนหน้านี้นี่เอง
“ไยต้องอ้างเรื่องเหล่านี้ พวกเจ้าสองคนต้องการของบนตัวข้าก็อาศัยความสามารถมาเอาไป! งานแลกเปลี่ยนหนึ่งเดือนก่อนพวกเจ้าทำร้ายศิษย์พี่ข้าบาดเจ็บหนัก วันนี้ข้าจะได้สะสางให้เรียบร้อยเสียที่นี่” เผิงเยวี่ยแค่นเสียงเหอะ แววตาทอประกายสองสามทีก็เหยียบกระสวยสีเงินดิ่งลงไปด้านล่าง
“เหอะ ศิษย์พี่ผู้นั้นของเจ้าฝีมือสู้ผู้อื่นไม่ได้แล้วยังคิดจะสู้ ก็แค่ไม่ประมาณกำลังตนเท่านั้น” พี่ชายของเซียนหงส์ดำหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น พร้อมกันนั้นแสงสีดำรอบร่างพลันซัดไล่ตามลงไปเบื้องล่างด้วย
เซียนหงส์ดำด้านหลังหัวเราะเสียงหวาน ร่างกายพร่าเลือนวูบหนึ่งก็ตามกระสวยสีเงินไปเช่นกัน
แสงสีเงินกะพริบวูบหนึ่ง เผิงเยวี่ยกระโดดลงมาจากกระสวยสีเงินอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันสายตาก็กวาดผ่านรอบด้านทันที ไม่สนใจเซียนหงส์ดำกับพี่ชายบนท้องฟ้าสักนิด
ชายหนุ่มชุดดำที่ตามลงมาติดๆ เห็นสภาพนี้บนหน้าก็ปรากฏสีหน้าเหี้ยมเกรียมวูบหนึ่ง เขายกมือขึ้นกำลังจะลงมือ
ทว่าเวลานี้เองเซียนหงส์ดำซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งกลับเอ่ยปากขึ้นอย่างชิงชัง
“ท่านพี่ ท่านรอเสริมทัพให้น้อง ให้ข้าจะลงมือจัดการเขาสะสางความแค้นในวันวานเอง!”
“ก็ได้ แต่น้องเล็กต้องระวัง พลังของคนผู้นี้ไม่อ่อนแอกว่าเจ้า” ชายหนุ่มชุดดำได้ยิน แรกสุดคิ้วขมวดเล็กน้อย ชั่วครู่ให้หลังถึงพยักหน้า หลังริมฝีปากขยับนิดหนึ่งส่งกระแสจิตหาเซียนหงส์ดำสองสามประโยคแล้ว ร่างกายจึงขยับวูบหนึ่งไปยืนมือไพล่หลังอยู่บนหินภูเขาลูกหนึ่งห่างไปหลายจั้ง
เผิงเยวี่ยเห็นภาพนี้พลันยิ้มหยันแต่ไม่เอ่ยวาจา เขาเพียงยกมือข้างหนึ่งขึ้นเก็บกระสวยสีเงินข้างกายไปทีละอัน ส่วนมืออีกข้างหนึ่งขยับส่งลูกแก้วกลมสีเหลืองขุ่นสองลูกออกมาบินวน พร้อมกันนั้นสิบนิ้วก็ดีดรัวใช้เคล็ดวิชาออกมาอย่างว่องไว
เสียงปุ้งดังขึ้นสองที!
แสงสีเหลืองส่องสว่างวูบหนึ่ง ลูกแก้วกลมสองลูกก็เปลี่ยนกลายเป็นหุ่นเกราะสีทองสูงสามสี่จั้งสองตัว แยกย้ายกันยืนอยู่สองข้างกายของเขา
รอบร่างของหุ่นสีทองสองตัวนี้ลวดลายจิตวิญญาณสีทองงดงามประณีตอย่างที่สุดแผ่คลุมอยู่ มันแผ่กลิ่นอายแข็งแกร่งที่เทียบได้กับระดับผลึกขั้นปลายออกมาบางๆ
วิชาหุ่นของนิกายเทียนกง ในแผ่นดินจงเทียนเรียกได้ว่าไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก ไม่มีผู้ใดไม่เคยได้ยิน หุ่นสีทองสองตัวนี้ดูแล้วยิ่งเป็นระดับสุดยอดในนั้น
พี่ชายของเซียนหงส์ดำเห็นภาพนี้ ฉับพลันสีหน้าปรากฏความเครียดจางๆ ทันที
เซียนหงส์ดำเห็นภาพนี้กลับเลิกคิ้วดำขึ้น มือข้างหนึ่งทำท่ามือ เสียง “ตึง” ดังขึ้นทีหนึ่ง รอบร่างเปลวเพลิงสีดำชั้นหนึ่งลุกโหมออกมา พร้อมกับเสียงใสกังวานสายหนึ่ง เพลิงสีดำทั้งหมดพลันไหลเร็วรี่ผนึกรวมกันกลายเป็นเงาวิหคสีดำตัวใหญ่ราวจั้งกว่าเหนือศีรษะของนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา