ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 781

สรุปบท ตอนที่ 781 เผิงเยวี่ยกับเซียนหงส์ดำ: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอนที่ 781 เผิงเยวี่ยกับเซียนหงส์ดำ – ตอนที่ต้องอ่านของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอนนี้ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 781 เผิงเยวี่ยกับเซียนหงส์ดำ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 781 เผิงเยวี่ยกับเซียนหงส์ดำ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชั่วพริบตาหลิ่วหมิงกรอกพลังเวทเข้าไปในดวงตาทั้งสองข้าง เขาแหงนศีรษะเพ่งสายตามองไป ตอนนี้ถึงเห็นชัดว่าแสงสีเงินสายนั้นเกิดมาจากกระสวยสีเงินยาวสองสามจั้งอันหนึ่ง

เงาคนสีเหลืองที่สวมเสื้อผ้าเรียบง่ายประหนึ่งชาวนาผู้หนึ่งกำลังยืนตระหง่านอยู่บนกระสวยสีเงิน

หลังหลิ่วหมิงเห็นหน้าตาของคนคนนั้นชัด สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไปทันที อีกฝ่ายกลับเป็นเผิงเยวี่ยที่เคยประมือกับเขา

ตั้งแต่ก่อนเข้าแดนลึกลับเขาก็สังเกตเห็นแล้วว่าคนผู้นี้เป็นหนึ่งในศิษย์ที่นิกายเทียนกงเลือกมาเข้าร่วม แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นคนคุ้นหน้าคนแรกที่เขาได้พบในแดนลึกลับ

แม้หลิ่วหมิงจะจดจำเผิงเยวี่ยได้ ทว่าเวลานี้อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าเคร่งขรึม มัวแต่พยายามขี่อาวุธจิตวิญญาณหนีสุดชีวิตจึงไม่รู้ตัวในทันทีว่าด้านล่างยังมีคนอื่นอยู่อีก

หลิ่วหมิงแรกเริ่มงุนงงอยู่บ้าง แต่ต่อมาในดวงตาก็ฉายแววเข้าใจจางๆ

เขาเห็นลำแสงสีดำสองสายปรากฏขึ้นกลางอากาศห่างจากหลังร่างเผิงเยวี่ยไปราวสองสามลี้ นอกจากนี้ลำแสงยังใช้ความเร็วอย่างมากไล่ตามไม่ลดละเข้ามา เทียบกับกระสวยเงินที่เผิงเยวี่ยขี่อยู่ดูท่ายังเร็วกว่าหนึ่งส่วน

หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว จากนั้นร่างกายขยับไหววูบประหนึ่งภูตผีหลบอยู่หลังหินภูเขาลูกหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็เคลื่อนภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนซ่อนเร้นกลิ่นอายบนร่างกายตน

“สหายเผิง ไยต้องรีบร้อนหนีเช่นนี้ ข้ายังไม่ทันย้อนความหลังวันวานกับเจ้าดีๆ เลยนะ!” เสียงเย็นเยียบอย่างยิ่งเสียงหนึ่งดังออกมาจากลำแสงสีดำเส้นหนึ่ง

หลิ่วหมิงได้ยินแล้วรู้สึกคุ้นหู หลังจากนั้นเมื่อเพ่งสายตามองด้านในลำแสงสีดำก็อดไม่ได้อับจนคำพูด

ผู้ที่ไล่ตามอยู่ในลำแสงสีดำนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเซียนหงส์ดำสตรีนางนี้นี่เอง

“คิดไม่ถึงว่าคนของนิกายเทียนกงจะเป็นพวกหนีลนลานเหมือนหนูกันหมด” เสียงบุรุษทุ้มต่ำอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ

ทว่าเพียงไม่กี่ลมหายใจให้หลัง ลำแสงสีดำอีกเส้นหนึ่งพลันมีหมอกสีดำทะลักออกมา มันกะพริบวูบวาบกลางอากาศต่อกันสองสามหน ทุกครั้งที่กะพริบก็ขยับใกล้เข้ามายี่สิบสามสิบจั้ง หลังกะพริบครั้งที่สามก็เพิ่มความเร็วพุ่งผ่านข้างลำแสงสีเงินไปขวางอยู่หน้าร่างเผิงเยวี่ย

หลิ่วหมิงเห็นภาพนี้ ในใจพลันสะท้าน

วิชาลับของแปดตระกูลใหญ่นี่มหัศจรรย์จริงๆ ครั้งนั้นโอวหยางเชี่ยนก็เคยใช้วิชาลับที่คล้ายการเคลื่อนย้ายตัดมิติชั่วพริบตาเหมือนกัน ทั้งสองสิ่งดูไปแล้วคล้ายกันอยู่บ้าง

เมื่อเผิงเยวี่ยเห็นว่าหนีไม่พ้นแล้ว มือข้างหนึ่งจึงใช้เคล็ดวิชาหยุดแสงสีเงินใต้เท้า พร้อมกันนั้นมือแต่ละข้างก็คว้าลูกแก้วกลมสีเหลืองลูกหนึ่งขึ้นมาถือไว้ สายตาเย็นเยียบมองยังคนที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลัง

“ได้ยินว่าหลายสิบปีก่อนเจ้าเคยไล่ตามน้องสาวข้านานสามวันเต็มๆ วันนี้ไล่ตามเจ้าเพียงครึ่งวัน ยกประโยชน์ให้เจ้าแล้ว” ลำแสงด้านหน้าดับลงเผยชายหนุ่มชุดดำหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่ง เขาก็คือชายหนุ่มซึ่งบอกว่าตนเป็นพี่ชายของเซียนหงส์ดำที่เคยพบหน้ากันในงานแลกเปลี่ยนก่อนหน้านี้นี่เอง

“ไยต้องอ้างเรื่องเหล่านี้ พวกเจ้าสองคนต้องการของบนตัวข้าก็อาศัยความสามารถมาเอาไป! งานแลกเปลี่ยนหนึ่งเดือนก่อนพวกเจ้าทำร้ายศิษย์พี่ข้าบาดเจ็บหนัก วันนี้ข้าจะได้สะสางให้เรียบร้อยเสียที่นี่” เผิงเยวี่ยแค่นเสียงเหอะ แววตาทอประกายสองสามทีก็เหยียบกระสวยสีเงินดิ่งลงไปด้านล่าง

“เหอะ ศิษย์พี่ผู้นั้นของเจ้าฝีมือสู้ผู้อื่นไม่ได้แล้วยังคิดจะสู้ ก็แค่ไม่ประมาณกำลังตนเท่านั้น” พี่ชายของเซียนหงส์ดำหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น พร้อมกันนั้นแสงสีดำรอบร่างพลันซัดไล่ตามลงไปเบื้องล่างด้วย

เซียนหงส์ดำด้านหลังหัวเราะเสียงหวาน ร่างกายพร่าเลือนวูบหนึ่งก็ตามกระสวยสีเงินไปเช่นกัน

แสงสีเงินกะพริบวูบหนึ่ง เผิงเยวี่ยกระโดดลงมาจากกระสวยสีเงินอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันสายตาก็กวาดผ่านรอบด้านทันที ไม่สนใจเซียนหงส์ดำกับพี่ชายบนท้องฟ้าสักนิด

ชายหนุ่มชุดดำที่ตามลงมาติดๆ เห็นสภาพนี้บนหน้าก็ปรากฏสีหน้าเหี้ยมเกรียมวูบหนึ่ง เขายกมือขึ้นกำลังจะลงมือ

ทว่าเวลานี้เองเซียนหงส์ดำซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งกลับเอ่ยปากขึ้นอย่างชิงชัง

“ท่านพี่ ท่านรอเสริมทัพให้น้อง ให้ข้าจะลงมือจัดการเขาสะสางความแค้นในวันวานเอง!”

“ก็ได้ แต่น้องเล็กต้องระวัง พลังของคนผู้นี้ไม่อ่อนแอกว่าเจ้า” ชายหนุ่มชุดดำได้ยิน แรกสุดคิ้วขมวดเล็กน้อย ชั่วครู่ให้หลังถึงพยักหน้า หลังริมฝีปากขยับนิดหนึ่งส่งกระแสจิตหาเซียนหงส์ดำสองสามประโยคแล้ว ร่างกายจึงขยับวูบหนึ่งไปยืนมือไพล่หลังอยู่บนหินภูเขาลูกหนึ่งห่างไปหลายจั้ง

เผิงเยวี่ยเห็นภาพนี้พลันยิ้มหยันแต่ไม่เอ่ยวาจา เขาเพียงยกมือข้างหนึ่งขึ้นเก็บกระสวยสีเงินข้างกายไปทีละอัน ส่วนมืออีกข้างหนึ่งขยับส่งลูกแก้วกลมสีเหลืองขุ่นสองลูกออกมาบินวน พร้อมกันนั้นสิบนิ้วก็ดีดรัวใช้เคล็ดวิชาออกมาอย่างว่องไว

เสียงปุ้งดังขึ้นสองที!

แสงสีเหลืองส่องสว่างวูบหนึ่ง ลูกแก้วกลมสองลูกก็เปลี่ยนกลายเป็นหุ่นเกราะสีทองสูงสามสี่จั้งสองตัว แยกย้ายกันยืนอยู่สองข้างกายของเขา

รอบร่างของหุ่นสีทองสองตัวนี้ลวดลายจิตวิญญาณสีทองงดงามประณีตอย่างที่สุดแผ่คลุมอยู่ มันแผ่กลิ่นอายแข็งแกร่งที่เทียบได้กับระดับผลึกขั้นปลายออกมาบางๆ

วิชาหุ่นของนิกายเทียนกง ในแผ่นดินจงเทียนเรียกได้ว่าไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก ไม่มีผู้ใดไม่เคยได้ยิน หุ่นสีทองสองตัวนี้ดูแล้วยิ่งเป็นระดับสุดยอดในนั้น

พี่ชายของเซียนหงส์ดำเห็นภาพนี้ ฉับพลันสีหน้าปรากฏความเครียดจางๆ ทันที

เซียนหงส์ดำเห็นภาพนี้กลับเลิกคิ้วดำขึ้น มือข้างหนึ่งทำท่ามือ เสียง “ตึง” ดังขึ้นทีหนึ่ง รอบร่างเปลวเพลิงสีดำชั้นหนึ่งลุกโหมออกมา พร้อมกับเสียงใสกังวานสายหนึ่ง เพลิงสีดำทั้งหมดพลันไหลเร็วรี่ผนึกรวมกันกลายเป็นเงาวิหคสีดำตัวใหญ่ราวจั้งกว่าเหนือศีรษะของนาง

ได้ยินว่าฝึกฝนวิชามาร เผิงเยวี่ยก็เผยแววตาประหลาดใจเล็กน้อยมองไปยังหลิ่วหมิง แต่ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยอันใดก็ได้ยินชายหนุ่มชุดดำตวาดแผ่วเบาคำหนึ่งออกมา หมอกสีดำโถมทะลักออกมาจากสองแขน ชั่วพริบตาท่อนแขนก็ขยายพรวดจนหนาเท่าปากชาม ลวดลายจิตวิญญาณสีดำมากมายถี่ยิบกะพริบวูบวาบอยู่บนผิวแขนไม่หยุด

หลังจากนั้นสองแขนของชายหนุ่มชุดดำก็สั่นระรัว ไอหมอกสีดำขมวดรวมกันปรากฏเป็นเงากรงเล็บยักษ์ขนาดสิบจั้งกว่าข้างหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด กรงเล็บพร่าเลือนหายไปวูบหนึ่งก็พาแรงกดดันน่าหวาดหวั่นตะปบลงมายังจุดที่หลิ่วหมิงอยู่

ก่อนหน้านี้หลิ่วหมิงเคยเห็นชายหนุ่มชุดดำใช้การโจมตีนี้ที่งานแลกเปลี่ยนมาก่อน ในใจรู้ถึงพลังมหาศาลของมัน วันนั้นศิษย์นิกายเทียนกงผู้นั้นกระบวนท่าเดียวก็ถูกวิชาลับนี้ทำร้ายบาดเจ็บ หลิ่วหมิงไม่กล้าชักช้ารีบใช้วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬทันที บนร่างปราณสีดำจางๆ แผ่ออกมา พร้อมกันนั้นสองแขนก็สั่นไหว เสียงพยัคฆ์คำรามก้องฟ้าดังขึ้น เงาหัวพยัคฆ์มหึมาสีดำใหญ่จั้งกว่าสองหัวก่อตัวออกมาบนแขนในชั่วพริบตา

แสงสีดำกะพริบวูบหนึ่ง เงาหัวพยัคฆ์สองหัวชั่วพริบตาผสานกลายเป็นร่างเดียว โครงร่างขยายพรวดขึ้นอีกรอบหนึ่ง มองดูแล้วประหนึ่งร่างจริง มันร้องคำราม พุ่งรวดเร็วออกมาจากแขนของหลิ่วหมิง

เสียงเปรี้ยงดังสนั่นขึ้นทีหนึ่ง!

กลางท้องฟ้าเงาหัวพยัคฆ์สีดำกับกรงเล็บยักษ์ปะทะกันในทันใด

สองฝ่ายล้วนสีดำขมุกขมัว แต่ทั้งร่างกรงเล็บยักษ์ส่องสว่างเลือนราง ดูแล้วเต็มไปด้วยความรู้สึกลึกลับชั่วร้ายที่บอกไม่ถูกบางอย่าง ส่วนกลิ่นอายของเงาหัวพยัคฆ์กลับรุนแรงบ้าคลั่งอย่างยิ่งประหนึ่งบรรจุพลังมหาศาลอยู่ข้างใน แล้วยังแผ่พลังเย็นยะเยือกสายหนึ่งออกมาเลือนรางอีกด้วย

หลังเงาสองก้อนบดขยี้ปะทะกันอย่างรุนแรงพักหนึ่งแล้วก็ระเบิดออกพร้อมกับเสียงบึ๊ม คลื่นปราณสีดำวงแล้ววงเล่ากลายเป็นพายุพัดโถมออกไปสี่ด้านแปดทิศในทันที

หลิ่วหมิงรู้สึกเพียงร่างกายสั่นสะท้าน ทันใดนั้นแรงสะท้อนมหาศาลสายหนึ่งก็ผลักเขาถอยหลังไปไกลสิบกว่าก้าวถึงหยุด ร่างยืนมั่นคงได้อีกหน

ชายหนุ่มชุดดำฝั่งตรงข้ามสีหน้าเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง ร่างกายก็โซเซพุ่งถอยไปด้านหลังเช่นเดียวกัน ทว่าปลิวออกไปไกลเพียงไม่กี่จั้งเท่านั้น บนแผ่นหลังก็ส่งเสียงพรึ่บทีหนึ่ง เงาปีกมหึมาสีดำคู่หนึ่งพลันงอกออกมา หลังกระพืออย่างแรงสองสามหนถึงหวุดหวิดหยุดร่างลงได้

ดูจากการโจมตีนี้หลิ่วหมิงครองความเหนือกว่าอยู่อย่างหวุดหวิด

“เก่งกาจจริงๆ”

หลังชายหนุ่มชุดดำสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ใบหน้าบิดเบี้ยวอยู่บ้าง ทว่าสายตาที่มองมายังหลิ่วหมิงอีกครั้งกลับเผยแววตาตื่นเต้นจางๆ ออกมา

แขนของเขาสั่นไหววูบหนึ่ง แขนซ้ายกำข้อมือของแขนขวาแน่น ทำท่ามือท่าหนึ่งตรงกลางหน้าอก พร้อมกันนั้นปากก็ท่องมนตร์ ปราณดำโถมทะลักออกมาจากทั่วร่างพักหนึ่ง เงาฝ่ามือยักษ์สีเทาหนาผิดปกติขนาดเท่าบ้านหลังหนึ่งก็รวมตัวกันกลางท้องฟ้าเหนือตัวเขา จากนั้นตบเข้าใส่จุดที่หลิ่วหมิงอยู่

แม้เงาฝ่ามือยักษ์สีเทานี้จะมีขนาดใกล้เคียงกับกรงเล็บยักษ์ก่อนหน้านี้ แต่พลังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่ซึ่งฝ่ามือยักษ์วาดผ่านไป อากาศรอบด้านฉับพลันบิดเบี้ยวเป็นระลอกคลื่นวงแล้ววงเล่าทั้งยังพาเสียงอสนีบาตคำรนดังสนั่นครั้งแล้วครั้งเล่ามาด้วย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา