ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 793

ตอนที่ 793 ลำดับ
ค่ายกลสีทองค่ายหนึ่งผุดขึ้นใต้เท้าบุรุษผมม่วงตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ เบาะกลมสีเหลืองทองที่เขานั่งขัดสมาธิอยู่สั่นครู่หนึ่งแล้วลอยขึ้นกลางอากาศ จากนั้นส่องแสงรัศมีเจิดจ้าประหนึ่งดอกบัวสีทองแย้มกลีบบาน ค่อยๆ หมุนไม่หยุด แผ่คลื่นแสงสีทองจางๆ วงแล้ววงเล่าไปรอบด้าน

จุดที่แสงสีทองผ่าน อักษรสันสกฤตสีดำตัวแล้วตัวเล่าพลันลอยออกมาจากความว่างเปล่า

หลัวเทียนเฉิงกับชายหนุ่มอัปลักษณ์เห็นสภาพนี้ล้วนสีหน้าย่ำแย่อย่างที่สุด ไหนเลยจะไม่เข้าใจว่าบุรุษผมม่วงชิงก่อนก้าวหนึ่งบรรลุวิชาลับสายพุทธบนกำแพงแล้ว

“ฮ่าฮ่า ผู้แซ่หลี่ว์ไร้ความสามารถ ขอไปรับสมบัติลับแห่งพุทธนั่นก่อน ทั้งสองท่านอยู่ที่นี่ค่อยๆ ฝึกฝนไปเถอะ!” บุรุษผมม่วงหัวเราะร่า ร่างกายค่อยๆ พร่าเลือนไปกลางค่ายกล ท้ายที่สุดหายวับไปไร้ร่องรอย

……

ในป้อมโบราณสีเงิน ไอหมอกจำนวนมากยังคงลอยอบอวล เพียงแต่เทียบกับหลายชั่วยามก่อนหน้านี้แล้วหนาทึบกว่าเดิมมาก ก่อตัวเป็นรูปชามยักษ์คว่ำอยู่เลือนราง นอกจากนี้กลางไอหมอกยังมีอักขระแวววาวนานาสีสันจำนวนหนึ่งสอดแทรกอยู่เลือนรางด้วย บ้างก่อตัวเป็นภาพสัญลักษณ์ประหลาด บ้างระเบิดเป็นระยะทำให้ทะเลหมอกทั้งหมดแลดูลึกลับยิ่งนัก

บุรุษหน้าเหยี่ยว เซวียผาน สตรีชุดเขียวกับชายหนุ่มรถเงินล้วนถูกขังอยู่กลางไอหมอก สองตาต่างเลื่อนลอยเล็กน้อย แต่ใบหน้ากลับเรียบเฉย เห็นชัดว่าตกอยู่ในภาพลวงตา

เงาร่างของทั้งสี่คนเดินวนเวียนไร้จุดหมายอยู่ท่ามกลางไอหมอกสีเงินประหนึ่งศพเดินได้ เพียงแต่ทุกช่วงระยะเวลาหนึ่งจะมีคนหนึ่งในนั้นดวงตากระจ่างใสขึ้นมาเล็กน้อยเป็นบางครั้ง ทว่าพริบตาเดียวก็หายไป

เมื่อสังเกตให้ละเอียดกลับพบว่า พร้อมกับที่เวลาเคลื่อนคล้อยจำนวนครั้งที่พวกเขาตื่นได้สติก็คล้ายจะเพิ่มขึ้นอยู่เลือนราง

ตอนที่ดวงตาชายหนุ่มรถเงินฟื้นกลับมากระจ่างใสอีกครั้ง ทันใดนั้นสีหน้าเขาก็เคร่งขรึม ร่างกายฉับพลันลอยขึ้นมา พุ่งเร็วรี่ไปยังทิศทางหนึ่ง ชั่วพริบตามาถึงตรงขอบหมอกสีเงิน

ทว่าขณะที่เขากำลังจะพุ่งออกไปรวดเดียวนั้น แววตาที่หม่นแสงลงกลับมาเลื่อนลอยอีกครั้ง ลำแสงฉับพลันเปลี่ยนไปยังทิศทางหนึ่งอีกหน

ไม่ใช่แค่เขา สามคนที่เหลือก็ล้วนเป็นเช่นนี้ คล้ายกับทุกครั้งที่กำลังจะบินออกจากหมอกสีเงินล้วนล้มเหลวก้าวหนึ่งก่อนสำเร็จอย่างน่าเสียดายทั้งสิ้น

หลังเป็นเช่นนี้ผ่านไปอีกราวครึ่งชั่วยาม แม้ทั้งสี่จะยังตกอยู่ในภาพลวงตา ทว่าสีหน้าบนใบหน้าคล้ายจะค่อยๆ สงบลง ช่วงเวลาที่ตื่นได้สติแต่ละครั้งก็ยาวขึ้นมากบ้างน้อยบ้าง

ดูท่าพวกเขาจะคลำพบหนทางทำลายค่ายกลมายานี้อยู่เลือนรางแล้ว

ผ่านไปไม่นานนัก เมื่อชายหนุ่มรถเงินสติกลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง เขากัดฟันอย่างแรง อ้าปากพ่นหมอกโลหิตผืนหนึ่งออกมา ต่อจากนั้นสองมือเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็วพักหนึ่ง ปากท่องมนตร์งึมงำแผ่วเบาฟังไม่ชัดหลายประโยค

หมอกโลหิตแต่ละหยด รวมตัวกันกลายเป็นแสงโลหิตกลุ่มหนึ่งบินถอยหลังจมเข้าไปตรงหว่างคิ้วของเขา

นาทีต่อมาชายหนุ่มรถเงินพลันตวาดเสียงดัง หลังจากใบหน้าปรากฏไอโลหิตชั้นหนึ่งแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างก็ฟื้นกลับมากระจ่างใสโดยสมบูรณ์

ผลปรากฏว่าในใจเขายังไม่ทันได้ยินดี เกราะป้องกันสีเลือดที่เกิดมาจากวิชาลับโลหิตบริสุทธิ์ในทะเลจิตรับรู้ก็สั่นไหวอย่างรุนแรง เส้นด้ายสีเงินเส้นแล้วเส้นเล่าโจมตีเกราะป้องกันไม่หยุดเหมือนคิดจะครอบงำสติของเขาอีกครั้ง

ดูเชื่องช้าแต่ความจริงกลับรวดเร็ว เขาไม่สนใจใช้วิชาลับอันใดอีก ไม่พูดพร่ำคำที่สองร่างกายไหววูบกลายเป็นแสงอสนีบาตเส้นหนึ่งพุ่งไปด้านนอกของไอหมอกสีเงิน

ทว่าขณะที่เขาจวนเจียนจะบินถึงขอบไอหมอกแล้วนั่นเอง เสียงฟึบทีหนึ่งก็ดังขึ้น แสงแวววาวสีเงินเจิดจ้าอีกสายหนึ่งชิงบินออกจากทะเลหมอกสีเงินตัดหน้าบุรุษรถเงินไปอย่างหวุดหวิด

เมื่อแสงแวววาวดับลง นอกทะเลหมอกก็ปรากฏเงาร่างของบุรุษหน้าเหยี่ยว

ในมือคนผู้นี้ถือกระจกหกเหลี่ยมกระจิ๋วหลิวบานหนึ่งไว้ เขากำลังหอบหายใจถี่เร็ว หน้าอกพองขึ้นยุบลงประหนึ่งหีบลม บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ

เวลานี้เองเสียงเปรี้ยงแผ่วเบาพลันดังมาจากใต้ดิน เสาแสงกลมสีเงินขนาดเท่าปากบ่อต้นหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นใต้เท้าบุรุษหน้าเหยี่ยวแล้วล้อมตัวเขาไว้

เสาแสงสีเงินหมุนติ้วเพียงชั่วครู่ ด้านล่างก็ปรากฏค่ายกลแสงสีขาวค่ายหนึ่ง

ค่ายกลส่งเสียงฮึมดังขึ้นหนหนึ่งจากนั้นมิติพลันสั่นไหวระลอกแล้วระลอกเล่า บุรุษหน้าเหยี่ยวใบหน้ายิ้มหยันหายไปท่ามกลางแสงสีเงิน

เวลานี้ชายหนุ่มรถเงินจากนิกายเทียนกงเพิ่งหายวับรีบเร่งมาถึงตรงนี้ เขามองภาพเบื้องหน้าแล้วอดไม่ได้ยิ้มขมขื่น

……

ขณะที่ศิษย์แต่ละนิกายแต่ละสำนักต่อสู้เพื่อโชคชะตาอยู่ในแดนลึกลับของงานประตูสวรรค์ นอกแดนลึกลับที่ตีนเขาหิมะขาวโพลนแห่งนั้นคนก็ยังคงมากมาย เทียบกับตอนแดนลึกลับประตูสวรรค์เปิดออกมีแต่เพิ่มขึ้นไม่มีลดลง

แต่ผู้นำของสี่ยอดนิกายใหญ่กับแปดตระกูลใหญ่กลับไปยังที่พำนักของแต่ละคนนานแล้ว

ทว่าเหล่าศิษย์ที่เหลือของแต่ละนิกายส่วนใหญ่กลับเลือกรั้งอยู่ด้านนอก

นอกจากนี้ที่ตีนเขายังมีศิษย์และคนของนิกายเล็กไร้ชื่อเสียงจำนวนหนึ่งเพิ่มขึ้นมา พวกเขาไม่ได้รับเชิญจากวังสวรรค์ ทว่าวันนี้ทยอยมารวมตัว ณ ที่แห่งนี้เพื่อดูลำดับบนป้ายศิลายักษ์ครึ่งดำครึ่งขาวแผ่นนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา