ชั่วพริบตาแสงสีเงินแล่นผ่านอากาศลากเส้นไหมสีเงินเส้นแล้วเส้นเล่าออกมาถักทอประสานกันประหนึ่งตาข่ายไหมสีเงินครอบเข้าใส่หนอนประหลาด
ในดวงตาของมนุษย์ตะขาบแววตาดูแคลนฉายผ่านไป มันกระตุกมุมปากทีหนึ่งแล้วอ้าปากกว้าง ไอเปรี้ยวสายหนึ่งพุ่งออกมา เห็นชัดว่าเป็นน้ำกรดข้นเหนียวสีเขียวก้อนหนึ่ง
เสียง “ผลุบ” ดังขน
ตาข่ายไหมสีเงินสัมผัสถูกน้ำข้นเหนียวสีเขียวปุบก็ทะลุในพริบตา
น้ำกรดนี่ถึงกับกัดหินละลายโลหะได้ กระทั่งอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดถูกมันพ่นใส่ยังละลาย!
ชายหนุ่มรถเงินสีหน้าเคร่งเครียด เคล็ดวิชาในมือเปลี่ยนไปทันที ตาข่ายไหมที่เหลืออยู่ส่งเสียงกังวานทีหนึ่งก็พังทลาย แสงสีเงินสองสายพุ่งเร็วรี่ออกมาจากด้านในอีกครั้ง พวกมันบินวนเป็นวงอย่างรวดเร็วรอบหนึ่งกลางอากาศ อ้อมน้ำสีเขียวข้นหนืดก้อนนั้น พุ่งเร็วรี่เข้าใส่สองด้านของหัวหนอนยักษ์อัปลักษณ์ในพริบตา
ทันใดนั้นสองตาของมนุษย์ตะขาบก็กลอกไปสองด้านพร้อมกัน หลังเหล่มองแสงสีเงินสองสายมันก็แค่นเสียงหยันเบาๆ หมอกสีเทาชั้นหนึ่งโถมออกมาทั่วร่างในทันที
เสียง “ปัง” ดังขึ้นสองหน แสงสีเงินสองสายโจมตีเข้าใส่เปลือกแข็งสองข้างบนศีรษะมันแต่ไม่ทิ้งรอยอันใดไว้ด้านบนสักนิด เกิดประกายไฟสายหนึ่งแล้วดีดกระเด็นออกมาทันที
เปลวเพลิงสีเทาม้วนโถมลงมาครู่เดียวก็กลบแสงสีเงินไว้มิด พวกมันกลายเป็นเข็มเรียวเล็กหม่นหมองไร้แสงสองเล่มอีกครั้งแล้วร่วงหล่นลงมา ทว่าด้านบนยังคงส่งเสียงเปรี๊ยะๆ ไม่หยุด ผิวหน้ามีรอยสนิมอยู่ประปราย
ชายหนุ่มรถเงินประจักษ์ภาพนี้กับตา สีหน้ายิ่งย่ำแย่…
เข็มเงินชุดนี้ที่ซ่อนอยู่ในชุดเกราะจักรกล เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดของจริงเชียวนะ!
แม้เขาไม่คาดหวังให้การโจมตีหยั่งเชิงครั้งนี้ได้ผล แต่อีกฝ่ายจัดการได้อย่างสบายๆ เช่นนี้ก็ยังคงทำให้ในใจเขาเคร่งเครียด
ดูท่าน้ำกรดสีเขียวที่สัตว์ประหลาดตะขาบตัวนี้พ่นออกมา พลังคงน่าตะลึงอย่างยิ่ง นอกจากนี้เปลือกหนอนรอบร่างก็ไม่ใช่วิชาธรรมดาจะโจมตีทะลุได้ ดูท่าอีกฝ่ายคงเป็นตัวตนระดับเดียวกับชวีเหยาจริงๆ มิเช่นนั้นเพียงแค่ร่างแปลงร่างหนึ่งไม่มีทางร้ายกาจถึงระดับนี้ได้เด็ดขาด
หลิ่วหมิงเห็นทุกสิ่งนี้กับตา รูม่านตาก็พลันหดเล็กลง ในใจครุ่นคิดอย่างเร็วไวไม่หยุด
“เด็กรุ่นหลังทั้งสองคนยังมีกระบวนท่าอันใดก็ใช้ออกมาให้หมดเสีย ข้าถูกขังอยู่ที่นี่ไม่ได้ขยับกระดูกกระเดี้ยวมานานนัก จะเล่นเป็นเพื่อนพวกเจ้าสักหน่อยก็ได้!” ร่างกายของหนอนยักษ์อัปลักษณ์ยังคงบิดเลื้อยอยู่กลางอากาศ ในดวงตาแสงสีเลือดกะพริบตาไม่หยุด เอ่ยอย่างไม่รีบไม่ช้า
“สหายมีวิธีถ่วงเวลาหนอนประหลาดตัวนี้สักครู่หนึ่งหรือไม่ หากข้าเข้าใกล้ในระยะไม่กี่จ้างได้บางทีอาจมีวิธีทำร้ายสัตว์ประหลาดตัวนี้ให้บาดเจ็บหนักได้” ทันใดนั้นหลิ่วหมิงก็ส่งกระแสจิตเบาๆ มาหาชายหนุ่มรถเงินด้านข้าง
ชายหนุ่มรถเงินไม่ตอบคำ เขาเพียงเหล่ตามองหลิ่วหมิงหนหนึ่งแล้วไม่พูดพร่ำล้วงลูกแก้วกลมหลากสีสันสิบกว่าลูกออกมาจากในแขนเสื้อจากนั้นขว้างไปด้านหน้า พร้อมกันนั้นปากก็ท่องมนตร์ เฮือกเดียวยิงเคล็ดวิชาหลายสายพุ่งจมลงไปในลูกแก้วสีฟ้า
แสงสีฟ้าส่องสว่างพร้อมกับเสียงดังแครก ลูกแก้วกลมกลายเป็นหุ่นอัศวินสูงสองสามจั้งสิบว่าตัวกับหุ่นหมาป่ายักษ์สีเทาสิบกว่าตัว
บนร่างหุ่นอัศวินเหล่านี้มีชุดเกราะสีทองอ่อนหุ้มอยู่ ดวงตาเปล่งประกายแสงเจิดจ้า แสงสีฟ้าอ่อนขมุกขมัวคลุมทั่วร่าง นอกจากนี้แต่ละตัวยังชักดาบโค้งสีฟ้าแหลมคมเล่มหนึ่งออกมาจากข้างเอว ทยอยกันพลิกตัวขี่บนร่างหุ่นหมาป่ายักษ์สีเทา
หุ่นหมาป่าสีเทาเหล่านี้หลังส่งเสียงหอนทีหนึ่งก็วิ่งแยกออกเป็นสองทางตีวงโอบล้อมตะขาบยักษ์แต่ไกล โอบกลายเป็นวงล้อมเส้นผ่านศูนย์กลางหลายสิบกว่าจั้งวงหนึ่ง
ต่อจากนั้นเคล็ดวิชาที่มือชายหนุ่มรถเงินก็เปลี่ยนไป
แสงสีน้ำเงินสายแล้วสายเล่าพุ่งเร็วรี่ต่อเนื่องออกจากแผ่นหลังของชุดเกราะ จากนั้นวนล้อมรอบร่างเขาพร้อมเสียงดังอื้ออึง
แสงสีน้ำเงินเหล่านี้ถึงกับเป็นกระบี่บินจักรกลที่ส่องแสงขมุกขมัวเล่มแล้วเล่มเล่ามากมายถี่ยิบ มีมากถึงหนึ่งร้อยแปดเล่ม!
กระบี่แต่ละเล่มล้วนยาวหนึ่งฉื่อกว่า บางประหนึ่งปีก บนตัวกระบี่สลักลวดลายจิตวิญญาณสีน้ำเงินเรียวยาวเส้นแล้วเส้นเล่าแลดูงดงามประณีตอย่างที่สุด ตรงคมกระบี่แสงสีน้ำเงินสายเล็กๆ กะพริบวูบวาบไม่หยุด
“พุ่ง”
เมื่อชายหนุ่มรถเงินชี้อากาศ กระบี่บินจักรกลสีน้ำเงินหนึ่งร้อยแปดเล่มข้างตัวเขาก็สั่นอย่างรุนแรง หลังแสงสีน้ำเงินสว่างจ้าระลอกแล้วระลอกเล่าส่องออกมา พวกมันก็กลายเป็นแสงกระบี่ยาวหนึ่งจั้งกว่าสายแล้วสายเล่าพุ่งเร็วรี่มากมายถี่ยิบเข้าใส่ตะขาบยักษ์
ส่วนหุ่นอัศวินสีฟ้าเหล่านั้นที่ล้อมมนุษย์ตะขาบอยู่ก็บีบสองขาแน่นพร้อมกัน หุ่นหมาป่าสีเทาส่งเสียงหอนทุ้มต่ำครั้งแล้วครั้งเล่าจากนั้นบินโถมเข้าหาตะขาบตรงกลางเช่นกัน ดาบคมสีฟ้าในมือส่องแสงรัศมีสีฟ้า กลายเป็นแสงดาบสีฟ้าเส้นแล้วเส้นเล่าระดมฟันเข้าไป
ในเวลาเดียวกันนี้หลิ่วหมิงก็กระตุ้นเคล็ดวิชาทันที ปราณดำทั้งร่างพลุ่งพล่าน ร่างกายขยับวูบหนึ่งก็กลายเป็นเงาคนสีดำสามสายพุ่งเร็วรี่เข้าใส่หนอนประหลาดขนาดยักษ์
สองตาของมนุษย์ตะขาบขยับพร้อมกัน มันเหล่มองแสงสีน้ำเงินมากมายกับหุ่นอัศวินสีฟ้ารอบด้านหลายหนแต่ไม่มีเจตนาจะหลบหลีกสักนิด มันเพียงสั่นร่างเล็กน้อย ปราณสีเทาที่วนอยู่รอบด้านก็เข้มขึ้นหลายส่วน
“ติงตังๆ” เสียงดังสะเทือนแก้วหูแทบดับ!
แสงกระบี่สีน้ำเงินกับแสงดาบสีฟ้าฟันลงบนร่างมนุษย์ตะขาบตามต่อกันแต่ไม่อาจกรีดร่างมันได้สักนิด ทำได้เพียงสร้างแสงรัศมีแสบตาสีน้ำเงินครามจำนวนหนึ่งรอบตัวมันเท่านั้น พลังค่อนข้างน่าตะลึง
ทว่าเมื่อปราณสีเทาประหลาดรอบร่างตะขาบยักษ์ซัดออกมา แสงกระบี่ แสงดาบก็ทยอยพังทลายดีดออกมา
เงาสามสายที่หลิ่วหมิงสร้างขึ้นฉวยโอกาสนี้กะพริบวูบวาบอ้อมผ่านด้านข้างตะขาบยักษ์ห่างไปเจ็ดแปดจั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา