“ฮ่าๆ ก็บอกแล้วว่าวิชาคุกโลหิตที่เจ้าใช้มันไม่ได้เรื่องยังดื้อไม่ยอมรับ คราวนี้ดี ครู่เดียวปล่อยให้หนีออกมาได้สี่คน” สตรีอาภรณ์เหลืองครึ่งคนครึ่งหนอนไหมเหล่มองสัตว์ประหลาดสีเลือดทีหนึ่งแล้วหัวเราะหยันเอ่ยขึ้น
สัตว์ประหลาดสีเลือดไม่พูดไม่จา มันอ้าปากใหญ่โตพ่นโลหิตก้อนหนึ่งออกมาใส่ตรีศูลในมือ
ตัวตรีศูลที่เดิมทีสีดำสนิทฉับพลันปรากฏลวดลายจิตวิญญาณสีเลือดเส้นหนึ่งกะพริบไม่หยุดแล้ววาดเป็นภาพสัญลักษณ์ประหลาดรูปหนอนสีเลือด
หลังจากนั้นสัตว์ประหลาดสีเลือดก็ชูตรีศูลขึ้น
เปรี้ยง!
บนปลายแหลมทั้งสามของตรีศูลปรากฏก้อนแสงสีเลือดสีแดงเข้มสามดวงลอยออกมา พวกมันกะพริบวูบหนึ่งก็ระเบิดออกในทันใด แสงสีเลือดสาดกระจายทั่วท้องฟ้า
ชั่วพริบตาทั่วทั้งท้องฟ้าก็เปล่งแสงสีเลือดสว่างจ้า พร้อมกันนั้นแผ่นดินเนื้อก็สั่นไหวขึ้นอีกครั้ง หนวดเนื้อหนาเส้นแล้วเส้นเล่าดีดออกมาอีกหน พวกมันโถมเข้าใส่รังไหมสีเลือดก้อนแล้วก้อนเล่าจากนั้น โอบรัดอยู่บนนั้นประหนึ่งรากไม้
รังไหมสีเลือดหลายก้อนถูกหนวดเนื้อทำให้แข็งแกร่งขึ้นและขยายใหญ่ขึ้นเป็นเท่าตัว นอกจากนี้ผิวหน้ายังส่องแสงสีแดงสว่างจ้า หนวดเนื้อสีเลือดที่หนากว่าเดิมเส้นแล้วเส้นเล่ารวมตัวกันด้านบนรังไหมสีเลือดจากนั้นปัดป่ายไม่หยุด ดูแล้วโหดเหี้ยมน่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าก่อนหน้านี้
“เจ้าคือ…เผ่าตรีศูลโลหิต!”
หลังบุรุษผมม่วงเห็นวิชาที่สัตว์ประหลาดสีเลือดใช้ มองพินิจอย่างละเอียดหลายรอบ ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ หลุดปากออกมาคำหนึ่ง พร้อมกันนั้นสีหน้าก็ซีดเผือดลงประมาณหนึ่งในพริบตา
“ฮ่าๆ! คิดไม่ถึงว่าในสถานที่เล็กๆ เช่นแผ่นดินจงเทียนยังมีคนรู้จักเผ่าตรีศูลโลหิตอยู่ด้วย หายากจริง!” สัตว์ประหลาดสีเลือดเห็นคนเอ่ยที่มาของตนเองออกมาก็ส่งเสียงหัวเราะประหลาดชั่วร้ายออกมาทันที ราวกับได้ใจ
“ตรีศูลโลหิตคือสัตว์ร้ายชนิดใด ดูท่าสหายไม่เพียงรู้ที่มาของมัน ยังหวาดกลัวยิ่งอีกด้วย” หลังหลิ่วหมิงขมวดคิ้วก็เอ่ยถามขึ้นทันที
“เหอะ ไยแค่หวั่นเกรง หากสัตว์ประหลาดตรงหน้าคือตรีศูลโลหิตจริง ครานี้พวกเราเกรงว่าคงโชคร้ายมากกว่าโชคดีแล้ว” บุรุษผมม่วงได้ยิน แม้สีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่งแต่ก็ยังคงตอบกลับมาหนึ่งประโยคอย่างเร็วไว
“มาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านไยต้องลีลาอันใดอีก รีบพูดให้กระจ่างเถอะ” หลัวเทียนเฉิงกลับแค่นเสียงเหอะ เอ่ยอย่างไม่เกรงใจ
“ข้าเคยได้รับอนุญาตจากประมุขหอให้อ่านเอกสารลับในหอจำนวนหนึ่ง ดังนั้นจึงรู้ข้อมูลที่ผู้ฝึกฝนของโลกนี้ไม่รู้อยู่บ้าง เผ่าตรีศูลโลหิตนี้ความจริงไม่ใช่เผ่าพันธุ์ในโลกมนุษย์แต่เป็นเผ่าพันธุ์แข็งแกร่งที่มาจากโลกชื่อเซวี่ยไห่ หลังโตเต็มวัยอย่างต่ำก็พลังระดับแก่นแท้ขึ้นไป นอกจากนี้คนของเผ่านี้นิสัยดุร้ายชอบต่อสู้ ในเผ่าจึงมีผู้แข็งแกร่งมากมาย ถึงขนาดมีผู้ที่พลังน่าหวาดกลัวระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ไม่น้อย เผ่าพันธุ์ทั้งหมดในโลกมนุษย์ของพวกเราไม่อาจเทียบได้!” บุรุษผมม่วงสีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่มีเจตนาจะปิดบัง เล่าเรื่องที่ตนรู้ให้ผู้คนรอบด้านฟังอย่างรวดเร็ว
ผลปรากฏว่าเมื่อฟังคำพูดของคนผู้นี้จบ หลัวเทียนเฉิงก็สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเฮือกหนึ่งแล้วเงยหน้ามองไปยังสัตว์ประหลาดสีเลือดอัปลักษณ์ตัวนั้นอีกหน ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
หลิ่วหมิงได้ฟัง ใจก็พรั่นพรึงยิ่งเช่นกัน
สีหน้าของบุรุษผมม่วงชั่วพริบตาย่ำแย่ขึ้นหลายส่วน
ชายหนุ่มรถเงินอีกด้านหนึ่งกลับทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของบุรุษผมม่วง เขากลับจ้องเขม็งไปยังสตรีงดงามครึ่งคนครึ่งหนอนไหมผู้นั้น ทันใดนั้นก็เอ่ยถามเสียงดังไปทางท้องฟ้า
“ขอเรียนถาม ผู้อาวุโสคือ ‘ชวีเหยา’ ในตำนานโบราณหรือไม่?”
“คิกๆ ถึงกับยังมีคนรุ่นหลังในโลกมนุษย์รู้จักความเป็นมาของข้าด้วย นี่หายากจริงเชียว! ดูท่าครั้งนั้นที่เผ่าชวีเหยาของพวกเรารุกรานโลกแห่งนี้คงทิ้งวีรกรรมการรบไว้ไม่น้อย” สตรีครึ่งคนครึ่งหนอนไหมได้ยิน แรกสุดอึ้งไปแต่ทันใดนั้นก็ยิ้มแย้มเอ่ยขึ้นแล้วเหล่มองตรีศูลโลหิตที่อยู่ข้างกายอย่างท้าทายเล็กน้อย
“ชวีเหยา”
“ไม่มีทาง”
ครั้งนี้ไม่ต้องให้ผู้อื่นถามอันใดแล้ว เมื่อได้ยินชื่อชวีเหยา สามคนที่เหลือล้วนหน้าถอดสีอีกหน สายตากวาดพรึ่บจับอยู่บนร่างสัตว์ประหลาดครึ่งสตรีครึ่งหนอนไหมอีกหน
นอกจากตกตะลึง ในสมองหลิ่วหมิงยังคิดไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับชวีเหยาอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ถึงค้นพบว่าสตรีครึ่งคนครึ่งหนอนไหมบนท้องฟ้า หน้าตาเหมือนชวีเหยาสัตว์ร้ายโบราณในตำนานที่น่าจะสูญพันธุ์ไปจากโลกมนุษย์นานแล้วจริงๆ
ตามที่ตำราโบราณบันทึกไว้ วันแห่งความโหดเหี้ยมวันหนึ่งในยุคโบราณ สัตว์ร้ายชวีเหยานับร้อยขี่อุกกาบาตร่วงลงมาจากท้องฟ้า จุดที่ร่วงลงมาไม่เพียงทำให้สถานที่ต่างๆ บนแผ่นดินจงเทียนปริแยก แม่น้ำแห้งเหือด ยังทำให้สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนกลายเป็นเถ้าธุลี หากไม่ใช่ผู้มีพลังแข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ทั้งหมดของแผ่นดินจงเทียนร่วมมือกันสังหารจนสิ้น ผลลัพธ์ที่จะตามมาเรียกได้ว่าไม่อาจจินตนาการได้
เทียบกับเผ่าตรีศูลโลหิตเผ่าพันธุ์จากต่างโลกที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเผ่าพันธุ์นี้ ชื่อเสียงโหดร้ายของชวีเหยาย่อมทำให้พวกหลิ่วหมิงกับหลัวเทียนเฉิงตะลึงงันอย่างยิ่ง
หากชวีเหยาตัวนี้ตรงหน้ามีอิทธิฤทธิ์น่าหวาดหวั่นอย่างในตำนานจริง ไหนเลยพวกเขาซึ่งมีระดับผลึกกระจอกๆ ไม่กี่คนจะต้านทานอีกฝ่ายได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา